JJNY : ม.สแตนฟอร์ดเผยเทคนิค‘บัญชีไอโอ’/แฉจนท.รัฐรับเงินนายทุน พาแรงงานพม่าเข้าไทย/ทั่วโลกติดทะลุ37ล./ติดเชื้อเพิ่ม6

ม.สแตนฟอร์ด เผยเทคนิค ‘บัญชีไอโอ’ ใช้ชื่อ-ภาพปลอม ชื่นชมกองทัพ แซะอนาคตใหม่
https://www.matichon.co.th/politics/news_2387707

 
ม.สแตนฟอร์ด เผยเทคนิค ‘บัญชีไอโอ’ ใช้ชื่อ-ภาพปลอม ชื่นชมกองทัพ แซะอนาคตใหม่
 
กรณีทวิตเตอร์รายงานการตรวจสอบเครือข่ายปฎิบัติการข้อมูลข่าวสาร หรือไอโอ (information operation) โดยพบกลุ่มเกี่ยวข้องกับรัฐบาลหลายชาติ ทั้งอิหร่าน, ซาอุดิอาระเบีย, คิวบา, รัสเซีย, และโดยเฉพาะประเทศไทย โดย ในประเทศไทย ทวิตเตอร์ได้ปิดบัญชี 926 บัญชี ที่มีความพยายามกระจายเนื้อหาชื่นชมกองทัพบกไทย และ รัฐบาล
 
ขณะที่ พล.ท.สันติพงศ์ ธรรมปิยะ รองเสนาธิการกองทัพบก ในฐานะ โฆษก ทบ. ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ระบุว่า ได้ประสานงานยืนยันกับทางทวิตเตอร์ไปแล้วว่า ทบ. ไม่ได้ใช้งานทวิตเตอร์ในลักษณะตามที่ถูกกล่าวหา ในส่วนของทวิตเตอร์ที่เป็นของกองทัพบกยืนยันว่าใช้ประชาสัมพันธ์งานของกองทัพบกเท่านั้น ทั้งนี้ทวิตเตอร์ที่อยู่ในระบบของกองทัพบกมีการใช้แบบเปิดเผยชัดเจน โดยมีศูนย์ประชาสัมพันธ์กองทัพบกที่เป็นคณะทำงานด้านการประชาสัมพันธ์ดูแลควบคุมการใช้สื่อโซเชียลของกองทัพบก หน่วยขึ้นตรงกองทัพบก รวมถึงหน่วยระดับกองพล และกองพันลงไป โดยมีการกำหนดไว้อย่างชัดเจน
 
วันเดียวกัน  Stanford Internet Observatory ซึ่งเป็นหน่วยงานวิจัย ของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ประเทศสหรัฐอเมริกา ได้เปิดเผยรายงานการเก็บข้อมูล ความยาว 33 หน้า  ใช้ชื่อว่า “การเชิดชูผู้นำที่ไร้ผู้ชื่นชม : ปฎิบัติการข้อมูลข่าวสารของกองทัพไทยที่มีผลกระทบต่ำ”  ใจความสำคัญ คือการเปิดให้เห็นว่า บัญชีทวิตเตอร์กว่าพันบัญชีที่ถูกปิดไปนั้น เป็นปฎิบัติการข้อมูลข่าวสาร หรือ ปฎิบัติการไอโอ มีการเก็บสถิติ ลักษณะบัญชีทวิตเตอร์ต่างๆ ลักษณะการทวิตข้อความ การติดแฮชแท็ก และความถี่ในการเมนชั่นบัญชี
 
ทั้งนี้ ในงานวิจัยดังกล่าว ได้ระบุธีม ที่ใช้ในการขับเคลื่อนการกระจายข่าวสารไว้ 4 ข้อ ในการสนับสนุนกองทัพ รัฐบาล และโจมตีพรรคอนาคตใหม่ ได้แก่
 
1. การเชิดชูผู้นำ-กิจกรรมกองทัพ
2. การพยายามทำให้เป็นกลาง กรณีมีกระแสวิจารณ์กองทัพ จากกรณีกราดยิงโคราช
3. การวิพากษ์วิจารณ์ พรรคอนาคตใหม่
4. การนำเสนอ สนับสนุน ช่วยเผยแพร่คอนเทนต์เกี่ยวกับโควิด-19 ของกองทัพ
 
อ่าน งานวิจัย ม.สแตนฟอร์ด เปิดหลักฐาน 4 ธีมหลัก บัญชีไอโอ เชิดชูทหาร-โจมตีอนาคตใหม่
  
ทั้งนี้ ในรายงานของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ได้เปิดเผยเทคนิคของกลุ่มไอโอของกองทัพในการกระจายข้อมูล โดยมักจะเป็นการเล่าเรื่องในทางเดียว ทำงานเป็นเครือข่าย ในการทวีตตอบโต้ระหว่างหน่วยงานกองทัพที่ใกล้กันในการผลักดันแฮชแท็ก ที่สร้างขึ้นมา โดย ยังมีการนำรูปภาพโปรไฟล์ที่น่าสนใจ มาปิดบังให้คล้ายกับคนธรรมดาในการใช้ทวิตเตอร์
  
ทั้งนี้ยังพบอีกว่า ชื่อยูเซอร์เนมของบัญชีจำนวนมาก มาจากการแรนดอม ซึ่งโดยปกติแล้ว ทวิตเตอร์จะตั้งชื่อให้อัตโนมัติ เมื่อเปิดใช้ครั้งแรก สอดคล้องกับการตั้งข้อสังเกตก่อนหน้านี้ของเหล่าผู้ใช้ทวิตเตอร์ส่วนหนึ่ง ที่มักระบุว่า ชื่อของแอคปลอมเหล่านี้ จะมีตัวอักษรและตัวเลขด้านหลัง อย่างไร้ความหมาย
 
ในรายงานยังระบุว่า ผลการศึกษา พบว่า ทวีตที่รีพลายตอบกลับ ที่เกี่ยวข้องกับบัญชีทางการของฝ่ายประชาสัมพันธ์กองทัพยังมีถึง 14 อันดับจาก 20 โดยยังไม่ได้นับเพจชื่นชมทหารอื่นๆ อาทิ @army2pr , @armypr_news , @TLHR2014 , @army3news และ @prayutofficial
ตัวอย่างของบัญชีต่างๆ ที่กระจายเนื้อหาอวยกองทัพ จำนวนมากเกี่ยวข้องกับกองทัพ
 
และไม่แปลกใจที่ ทวิตที่ตอบกลับจากทีมประชาสัมพันธ์ของกองทัพจะช่วยเหลือกัน อาทิ แอคเคาท์ @army2pr มีการตอบกลับของข้อความในเชิงสนับสนุนถึง 28 ครั้ง เช่น
 
• @r_____t (02-25-2020): หมั่นฝึกฝนให้เกิดความชำนาญ เพื่อเพิ่มศักยภาพที่ดีในการปฏิบัติภารกิจ ขอเป็นกำลังใจในการรับการฝึกด้วยนะครับ
• @l__________y (02-24-2020): กองทัพไทยไม่น้อยหน้าใคร
• @เ_______น (02-23-2020): เยี่ยมมากครับ…เป็นกำลังใจให้
 
อย่างไรก็ดี แม้ว่าจะมีการรีพลายข้อความสนับสนุนทีมกองทัพ แต่ก็มีการตั้งคำถามกับฝ่ายตรงข้ามของกองทัพ บัญชีไอโอ ก็ยังได้เข้าไปคอมเมนต์ รีพลาย ในทวิตที่อยู่ฝั่งตรงข้ามในเชิงลบอีกด้วย รวมไปถึงแอคเคาท์ของ ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนด้วย
  
รายงานวิจัยดังกล่าวยังระบุว่า ปฎิบัติการทางการเมืองและข่าวสารของบัญชีที่ถูกปิดไปนั้น ก่อให้เกิดผลกระทบต่ำมาก มีการเข้าถึงจากผู้ใช้ทวิตเตอร์อื่นๆค่อนข้างต่ำ บัญชีเหล่านั้นมีผู้ติดตามน้อย หรือเป็นการติดตามกันเอง
 
ทั้งนี้ ทวิตเตอร์ ก็ได้เปิดเผยข้อมูลของบัญชีต่างๆ ที่ได้ปิดลงไป เช่น คอมเมนต์ต่างๆ รวมทั้งภาพ กราฟฟิกต่างๆ รวมไปถึงข่าวสารจากเว็บไซต์ต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่ เป็นภาพการประชาสัมพันธ์การทำงานของกองทัพ และ โจมตีพรรคฝ่ายค้าน อาทิ
 
 

 
แฉเจ้าหน้าที่รัฐ รับเงินนายทุน ขอหัวละ 3 หมื่น พาแรงงานพม่าหนีเข้าไทย
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_5085469
 
แฉเจ้าหน้าที่รัฐ รับเงินนายทุน ขอหัวละ 3 หมื่น พาแรงงานพม่าหนีเข้าไทย
 
ประจวบคีรีขันธ์ - วันที่ 9 ต.ค. นายคณะพจน์ สายสกล ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 5 บ้านเนินแก้ว ต.อ่าวน้อย อ.เมือง กล่าวว่า ได้รับแจ้งจากชาวบ้านที่นำวัวไปเลี้ยงบริเวณป่าใกล้ชายแดนไทย-เมียนมา ว่า พบกลุ่มบุคคลคาดว่าเป็นชาวเมียนมาหลายราย หลบซ่อนตัวภายในป่าใกล้ช่องทางธรรมชาติ ช่องหนองกูด-ศาลเจ้า
 
จึงสนธิกำลังเจ้าหน้าที่ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) พร้อมประสานผู่ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยใกล้เคียงร่วมกันออกค้นหากลุ่มบุคคลดังกล่าว เพื่อป้องกันปัญหาจากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด 19 ในประเทศเมียนมา
 
อย่างไรก็ตาม หลังออกติดตามยังไม่พบกลุ่มบุคคลดังกล่าว มีเพียงรองเท้าและขวดน้ำทิ้งไว้เป็นหลักฐาน เบื้องต้นคาดว่าทั้งหมดอาจจะเดินข้ามแดนกลับไปฝั่งเมียนมา หรือมีนายหน้าคนไทยแก๊งค้าแรงงานเถื่อนเข้าไปรับตัวออกจากพื้นที่ เนื่องจากสังเกตจากขวดน้ำดื่มเหมือนมีคนไทยส่งเสบียงและทราบว่ามีแรงงานชาวเมียนมาที่รับจ้างกรีดยางตามชายแดนช่วยเหลือให้ที่พักพิง
 
นายชนพหล ส่งเสริม นายอำเภอเมือง กล่าวว่า ผู้ว่าฯประจวบ ได้สั่งการให้ค้นหาตัวบุคคลต่างด้าวที่ลักลอบเข้าประเทศผ่านช่องทางธรรมชาติ และสั่งการให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นำเจ้าหน้าที่ ชรบ. เจ้าหน้าที่ อสม.ตั้งจุดตรวจคัดกรองโควิดตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อป้องกันคนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองเดินเท้าผ่านช่องทางธรรมชาติ อาจนำเชื้อโควิด 19 เข้ามาระบาดในพื้นที่ชั้นในของจังหวัด
 
ด้านแหล่งข่าวจากฝ่ายปกครองท้องที่รายหนึ่ง ระบุว่า ขณะที่เจ้าหน้าที่หลายหน่วยตั้งด่าน เพื่อเฝ้าระวังการลักลอบหนีเข้าเมืองตามแนวตะเข็บชายแดน แต่ทราบว่ายังมีเจ้าหน้าที่รัฐบางหน่วยงานแอบลักลอบนำคนต่างด้าวเถื่อนหลบหนีเข้าเมืองตามปกติ โดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย เนื่องจากนายทุนต้องการแรงงานเถื่อนจำนวนมาก ทำให้ค่าจ้างในการนำแรงงานเถื่อนเข้าประเทศจากเดิมหัวละ 8,000 บาท พุ่งสูงถึง 2-3 หมื่นบาท
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่