ถ้าเขาและเธออาจมีพ่อคนเดียวกัน ก็อาจจะไร้วาสนา
ถ้าเขาและเธอรักคนที่เขาไม่เคยรัก ก็อาจจะไร้วาสนา
ถ้าเขาและเธอรักกัน แต่ถูกกีดกัน ก็อาจจะไร้วาสนา
ถ้าเขาและเธอที่แตกต่างกันเกินไป ก็อาจจะไร้วาสนา
วาสนารัก ละครเรื่องนี้เต็มไปด้วยคำว่า วาสนา ทั้งเส้นเรื่องและจากคำพูดของตัวละคร
ดูจะเป็น gimmick ของเรื่อง แต่บางคนก็คิดว่ามันพร่ำเพรื่อเกินไปกับคำนี้
คำถามและคำวิจารณ์หลากหลาย ซึ่งมันอาจจะจริงและเกินจริงไปสำหรับเรื่องนี้
เรื่องราวของรุ่นลูกจากตัวละครในทุ่งเสน่หาที่ดูกันไปเมื่อต้นปี
ก็ทำให้คนอยากติดตามว่า ลูก ๆ ของตัวละครนั้นเขาจะดำเนินชีวิตไปในทางไหน
และทำไมการดัดแปลงเรื่องนี้ที่ดูจะไร้วาสนาสำหรับคนดู
เรื่องนี้ดำเนินเรื่องด้วยการเปลี่ยนแปลงไปตามวัยของตัวละครจากวัยรุ่นเป็นหนุ่มสาว
ที่มีมากมายหลายคน หลายคู่ คนดูก็จำชื่อพวกเขาไม่ได้ ก็อาจจะถอดใจดูไปตั้งแต่แรก
เรื่องราวได้ดำเนินชีวิตของพวกเขาเหล่านั้นไปอย่างเรื่อย ๆ เพื่อให้เวลาให้คนอ่านผูกพันไปกับตัวละคร
จากเรื่องราวในท้องทุ่งในนิยาย ได้กลายเป็นสังคมโรงเรียนตามฉบับละครที่ไม่มีในนิยาย
แต่ก็ร้อยเรื่องราวตัวละครในนิยายไปตามวัย ที่อาจจะดูโดดเด่นไปบ้างในบางตัวละคร
ซึ่งมีผลกับคนดู และคนที่เคยอ่านนิยายมาบ้างอาจไม่ชอบใจ
ตัวละครบางตัวถูกปรับให้เรื่องราวที่ไปเรื่อย ๆ ให้มันเข้มข้น แต่มันโดดออกมาจากภาพรวม
เรื่องก็เข้มข้นขึ้นไปตามสถานการณ์ของเรื่องที่เปลี่ยนไปของละคร
อย่างจุดเปลี่ยนการจากไปของไพรัช แม่ที่แท้จริงของใกล้รุ่งปรากฏตัว รวมถึงความจริงของกันตพล
การดัดแปลงตัวละครก็ดูจะไม่มีผลกับละครเท่าไหร่
พรรณษา ตัวละครที่ผู้เกี่ยวข้องกับแทบจะโดนตำหนิที่ถึงการเปลี่ยนไปของตัวละคร
เพราะความคิดว่าเธอคือลูกของนางเอกเรื่องก่อน เธอต้องดีตามพ่อตามแม่ ทำไมมันออกมาเป็นแบบนี้
แต่โดยส่วนตัว นอกจากความโดดในตัวละครจากเรื่อง พื้นเพความคิดของตัวละครนี้ไม่ได้แตกต่าง
เธอยังเป็นคนแสดงออกตรงไปตรงมา รัก ไม่รัก และเกลียดชัดเจน ไม่ได้มีความคิดซับซ้อน
มีความใสมากกว่าใกล้รุ่งที่ดูมีมารยามากกว่า ซึ่งคือตัวตนตามนิยายที่ไม่ได้เปลี่ยนไป
กว่าจะเรียนรู้ และเข้าใจในการกระทำของตัวเองและของคนอื่นก็เกือบสายไป
ประเด็นที่น่าสนใจอย่างการนำเสนอบทบาท เอกชัย หรือเฮียไช้
การตีความรสนิยมของตัวละครในยุคสมัยนั้น ที่อาจจะเลยเถิดไปบ้าง
เพราะให้เป็นตัวแทนถึงบุคคลแบบนี้ในยุคนั้น ผ่านบทสนทนากับนฤนาท (พี่นะ)
ทำให้ไช้ที่มีความชอบผู้ชายเพียงคนเดียวคือกันตพล แม้จะจีบผู้หญิงคนอื่นไปเรื่อย ๆ
กลายเป็นไช้ที่มีความผูกพันกับชายอื่นไปด้วย ทำให้น้ำหนักเวลากลับมาที่จันทร์เพ็ญ
เหมือนใช้เวลาเปลืองไปเพื่ออธิบายความเป็นไปของเอกชัย
เรื่องนี้มีจุดน่าสนใจคือการเลือกนักแสดงมาเล่นละคร คือ ส้มเช้ง กับ ปิงปอง
พอรู้ว่าสองคนนี้มาเล่น ก็ไม่ได้แปลกใจที่เลือกส้มเช้งเพราะต้องเล่นลิเกได้
แต่บทที่เขามาเล่นเป็นตัวละครที่มีบทบาท มีภาพจำในเรื่องเด่นชัดนอกจากเรื่องลิเก มีบทบาทควบคู่กับดวงมณี
ปิงปองมารับบทผู้จัดการของพรรณษา ที่รู้จักตัวตนและเข้าใจแม้ว่าษาจะทำอะไรเกินเลย
มีสนับสนุน และไม่เห็นด้วย และพยายามให้ษาไปในเส้นทางอย่างถูกต้อง
ให้พวกเขาได้ใช้ทักษะการแสดงและถ่ายทอดคำพูดดี ๆ ไม่ใช่ว่าเขาเป็นแบบนี้เลยได้บทแบบนี้
แต่เพราะเขาสามารถเป็นตัวละครที่มีชีวิต มีมิติความเป็นมนุษย์
สิ่งที่น่าสนใจกว่าคือ วาสนารัก มีความแตกต่างจากงานแนวเดิมของนักเขียนอยู่แล้ว
เพราะเรื่องนี้ดำเนินด้วยเรื่องราวของวัยรุ่นที่ให้พวกเขามีชีวิตไปตามวาสนา
ไม่ใช่ผลผลิตที่ส่งต่อจากทุ่งเสน่หา เพราะตัวละครในทุ่งเสน่หาได้เข้าใจในชะตาที่เกิดขึ้นในเรื่องนั้นแล้ว
จึงไม่มีส่วนอะไรกับเรื่องนี้มากนัก มีเพียงคนที่เกี่ยวข้องกับตัวละคร กันตพล
การดัดแปลงบทในภาพรวม ก็อาจจะมีความเห็นที่แตกต่าง ทั้งบอกว่ามันไมดีและดี
วาสนาที่เกิดขึ้นของตัวละครเกิดกับตัวพวกเขาเอง ไม่ได้มีใครมาสั่ง หรือขอร้องให้ทำตาม
ทุกตัวละครมีแนวทางในการเติบโตตามความต้องการของตัวเอง อาจมีคนรอบข้างคอยชี้แนะบ้าง
ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีในละครนำเสนอในยุคนี้ แต่ในยุคของละครที่เกิดขึ้น 20 ปีที่แล้ว
ที่ผู้ใหญ่ยังมีบทบาทในการใช้ชีวิตกับวัยรุ่นในสมัยนั้น ทั้งอาชีพการงานหรือความรัก
อาจจะรู้สีกแปลกในบริบทของละครและแนวทางของจุฬามณีที่ตัวละครจะถูกสั่ง ห้าม กีดกัน ขัดขวางจากผู้ใหญ่
ทำให้ตัวละครต้องเป็นไปตามความต้องการจนเป็น signature ของนักเขียน
ตัวละครผู้ใหญ่ในเรื่องนี้จึงเป็นตัวอย่างที่ดีให้คนที่ได้ดู แต่ก็เลยไร้บทบาททั้งที่เคยมีบทบาทจากเรื่องก่อน
ทำให้กลุ่มคนดูที่เคยตามมาอาจจะผิดหวัง กับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้
กลายเป็นความแตกต่าง ที่ถูกเปรียบเทียบโดยไม่ตั้งใจกับเรื่องก่อน ๆ
วาสนารักฉบับละครจึงเป็น ละครที่มีทั้งวาสนา และไร้วาสนาอย่างไม่ได้ตั้งใจ
วาสนารัก การเปลี่ยนแปลงในละครที่มีวาสนา และไร้วาสนา
ถ้าเขาและเธอรักคนที่เขาไม่เคยรัก ก็อาจจะไร้วาสนา
ถ้าเขาและเธอรักกัน แต่ถูกกีดกัน ก็อาจจะไร้วาสนา
ถ้าเขาและเธอที่แตกต่างกันเกินไป ก็อาจจะไร้วาสนา
วาสนารัก ละครเรื่องนี้เต็มไปด้วยคำว่า วาสนา ทั้งเส้นเรื่องและจากคำพูดของตัวละคร
ดูจะเป็น gimmick ของเรื่อง แต่บางคนก็คิดว่ามันพร่ำเพรื่อเกินไปกับคำนี้
คำถามและคำวิจารณ์หลากหลาย ซึ่งมันอาจจะจริงและเกินจริงไปสำหรับเรื่องนี้
เรื่องราวของรุ่นลูกจากตัวละครในทุ่งเสน่หาที่ดูกันไปเมื่อต้นปี
ก็ทำให้คนอยากติดตามว่า ลูก ๆ ของตัวละครนั้นเขาจะดำเนินชีวิตไปในทางไหน
และทำไมการดัดแปลงเรื่องนี้ที่ดูจะไร้วาสนาสำหรับคนดู
เรื่องนี้ดำเนินเรื่องด้วยการเปลี่ยนแปลงไปตามวัยของตัวละครจากวัยรุ่นเป็นหนุ่มสาว
ที่มีมากมายหลายคน หลายคู่ คนดูก็จำชื่อพวกเขาไม่ได้ ก็อาจจะถอดใจดูไปตั้งแต่แรก
เรื่องราวได้ดำเนินชีวิตของพวกเขาเหล่านั้นไปอย่างเรื่อย ๆ เพื่อให้เวลาให้คนอ่านผูกพันไปกับตัวละคร
จากเรื่องราวในท้องทุ่งในนิยาย ได้กลายเป็นสังคมโรงเรียนตามฉบับละครที่ไม่มีในนิยาย
แต่ก็ร้อยเรื่องราวตัวละครในนิยายไปตามวัย ที่อาจจะดูโดดเด่นไปบ้างในบางตัวละคร
ซึ่งมีผลกับคนดู และคนที่เคยอ่านนิยายมาบ้างอาจไม่ชอบใจ
ตัวละครบางตัวถูกปรับให้เรื่องราวที่ไปเรื่อย ๆ ให้มันเข้มข้น แต่มันโดดออกมาจากภาพรวม
เรื่องก็เข้มข้นขึ้นไปตามสถานการณ์ของเรื่องที่เปลี่ยนไปของละคร
อย่างจุดเปลี่ยนการจากไปของไพรัช แม่ที่แท้จริงของใกล้รุ่งปรากฏตัว รวมถึงความจริงของกันตพล
การดัดแปลงตัวละครก็ดูจะไม่มีผลกับละครเท่าไหร่
พรรณษา ตัวละครที่ผู้เกี่ยวข้องกับแทบจะโดนตำหนิที่ถึงการเปลี่ยนไปของตัวละคร
เพราะความคิดว่าเธอคือลูกของนางเอกเรื่องก่อน เธอต้องดีตามพ่อตามแม่ ทำไมมันออกมาเป็นแบบนี้
แต่โดยส่วนตัว นอกจากความโดดในตัวละครจากเรื่อง พื้นเพความคิดของตัวละครนี้ไม่ได้แตกต่าง
เธอยังเป็นคนแสดงออกตรงไปตรงมา รัก ไม่รัก และเกลียดชัดเจน ไม่ได้มีความคิดซับซ้อน
มีความใสมากกว่าใกล้รุ่งที่ดูมีมารยามากกว่า ซึ่งคือตัวตนตามนิยายที่ไม่ได้เปลี่ยนไป
กว่าจะเรียนรู้ และเข้าใจในการกระทำของตัวเองและของคนอื่นก็เกือบสายไป
ประเด็นที่น่าสนใจอย่างการนำเสนอบทบาท เอกชัย หรือเฮียไช้
การตีความรสนิยมของตัวละครในยุคสมัยนั้น ที่อาจจะเลยเถิดไปบ้าง
เพราะให้เป็นตัวแทนถึงบุคคลแบบนี้ในยุคนั้น ผ่านบทสนทนากับนฤนาท (พี่นะ)
ทำให้ไช้ที่มีความชอบผู้ชายเพียงคนเดียวคือกันตพล แม้จะจีบผู้หญิงคนอื่นไปเรื่อย ๆ
กลายเป็นไช้ที่มีความผูกพันกับชายอื่นไปด้วย ทำให้น้ำหนักเวลากลับมาที่จันทร์เพ็ญ
เหมือนใช้เวลาเปลืองไปเพื่ออธิบายความเป็นไปของเอกชัย
เรื่องนี้มีจุดน่าสนใจคือการเลือกนักแสดงมาเล่นละคร คือ ส้มเช้ง กับ ปิงปอง
พอรู้ว่าสองคนนี้มาเล่น ก็ไม่ได้แปลกใจที่เลือกส้มเช้งเพราะต้องเล่นลิเกได้
แต่บทที่เขามาเล่นเป็นตัวละครที่มีบทบาท มีภาพจำในเรื่องเด่นชัดนอกจากเรื่องลิเก มีบทบาทควบคู่กับดวงมณี
ปิงปองมารับบทผู้จัดการของพรรณษา ที่รู้จักตัวตนและเข้าใจแม้ว่าษาจะทำอะไรเกินเลย
มีสนับสนุน และไม่เห็นด้วย และพยายามให้ษาไปในเส้นทางอย่างถูกต้อง
ให้พวกเขาได้ใช้ทักษะการแสดงและถ่ายทอดคำพูดดี ๆ ไม่ใช่ว่าเขาเป็นแบบนี้เลยได้บทแบบนี้
แต่เพราะเขาสามารถเป็นตัวละครที่มีชีวิต มีมิติความเป็นมนุษย์
สิ่งที่น่าสนใจกว่าคือ วาสนารัก มีความแตกต่างจากงานแนวเดิมของนักเขียนอยู่แล้ว
เพราะเรื่องนี้ดำเนินด้วยเรื่องราวของวัยรุ่นที่ให้พวกเขามีชีวิตไปตามวาสนา
ไม่ใช่ผลผลิตที่ส่งต่อจากทุ่งเสน่หา เพราะตัวละครในทุ่งเสน่หาได้เข้าใจในชะตาที่เกิดขึ้นในเรื่องนั้นแล้ว
จึงไม่มีส่วนอะไรกับเรื่องนี้มากนัก มีเพียงคนที่เกี่ยวข้องกับตัวละคร กันตพล
การดัดแปลงบทในภาพรวม ก็อาจจะมีความเห็นที่แตกต่าง ทั้งบอกว่ามันไมดีและดี
วาสนาที่เกิดขึ้นของตัวละครเกิดกับตัวพวกเขาเอง ไม่ได้มีใครมาสั่ง หรือขอร้องให้ทำตาม
ทุกตัวละครมีแนวทางในการเติบโตตามความต้องการของตัวเอง อาจมีคนรอบข้างคอยชี้แนะบ้าง
ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีในละครนำเสนอในยุคนี้ แต่ในยุคของละครที่เกิดขึ้น 20 ปีที่แล้ว
ที่ผู้ใหญ่ยังมีบทบาทในการใช้ชีวิตกับวัยรุ่นในสมัยนั้น ทั้งอาชีพการงานหรือความรัก
อาจจะรู้สีกแปลกในบริบทของละครและแนวทางของจุฬามณีที่ตัวละครจะถูกสั่ง ห้าม กีดกัน ขัดขวางจากผู้ใหญ่
ทำให้ตัวละครต้องเป็นไปตามความต้องการจนเป็น signature ของนักเขียน
ตัวละครผู้ใหญ่ในเรื่องนี้จึงเป็นตัวอย่างที่ดีให้คนที่ได้ดู แต่ก็เลยไร้บทบาททั้งที่เคยมีบทบาทจากเรื่องก่อน
ทำให้กลุ่มคนดูที่เคยตามมาอาจจะผิดหวัง กับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้
กลายเป็นความแตกต่าง ที่ถูกเปรียบเทียบโดยไม่ตั้งใจกับเรื่องก่อน ๆ
วาสนารักฉบับละครจึงเป็น ละครที่มีทั้งวาสนา และไร้วาสนาอย่างไม่ได้ตั้งใจ