G.K.Line
4.
อาคารโรงแรมหลังเล็กซึ่งเหล่าหนุ่มกลัดมันและหญิงขายบริการมักใช้เป็นสถานที่เสพสมกันชั่วข้ามคืน ยามเช้าตรู่จึงปราศจากนักท่องราตรี สถานที่พำนักชั่วคราวแห่งนี้ตั้งอยู่ห่างไกลชุมชนในสภาพแวดล้อมไม่ค่อยเป็นมิตร ตัวอาคารทรุดโทรมเนื่องจากขาดการบำรุงรักษามานาน ทำให้ในเวลาเช่นนี้ตามปกติมักจะร้างผู้คน
แต่วันนี้ไม่ใช่ ช่วงเช้ามืดมีผู้แจ้งเหตุพบหญิงสาวนิรนามกลายเป็นศพอยู่ในดงหญ้าคาข้างทาง ไม่นานเจ้าหน้าที่ตำรวจก็รุดมาถึงที่เกิดเหตุ และหลังจากข่าวแพร่สะพัดออกไป ชาวบ้านนับสิบก็ทยอยกันเดินทางมาจับกลุ่มสังเกตการณ์รอบบริเวณ ราวกับเป็นเหยี่ยวข่าวที่มีประสาทรับรู้อันเฉียบไว
เหล่านกรู้พากันจับกลุ่มวิพากวิจารณ์และคาดการณ์ถึงสาเหตุการตายไปต่างๆ นานา บางคนอยากรู้มากกว่านั้นถึงขนาดพยายามเข้าไปดูศพให้เห็นด้วยตาตัวเอง จนเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องคอยห้ามปรามและกันเหล่านักข่าวชาวบ้านให้ถอยออกห่างจากที่เกิดเหตุ เพื่อป้องกันการทำลายหลักฐานและเบาะแสโดยไม่ตั้งใจ
ศักดาจอดรถยนต์ห่างจากฝูงชนออกมาเล็กน้อยก่อนเดินเข้าไปยังจุดเกิดเหตุ นายตำรวจหนึ่งในนั้นหันมาเห็น จึงเดินเข้ามาหาพร้อมทำความเคารพ
“เป็นยังไงบ้าง หมวด” ผู้มียศเหนือกว่าตะเบ๊ะรับพร้อมสอบถามข้อมูล
“ผู้แจ้งเหตุเป็นคนดูแลโรงแรม เขาออกมาเดินยืดเส้นยืดสายตอนประมาณตีห้าครึ่งอย่างที่ทำเป็นประจำทุกวัน”
ผู้หมวดหนุ่มเล่าพลางชี้นิ้วไปยังผู้ดูแลโรงแรมซึ่งยืนปะปนอยู่ในกลุ่มคน เขาเป็นชายชราศีรษะล้าน รูปร่างเตี้ย อ้วนลงพุง ใบหน้ายับย่น คิ้วและหนวดเคราขาว อยู่ในชุดเสื้อกล้ามขาวและกางเกงกีฬาขาสั้นสีฟ้า
“เขาเล่าว่าขณะกำลังเดินออกกำลังกายก็เจอกระเป๋าสะพายผู้หญิงตกอยู่บนถนน พอเดินไปเก็บก็สังเกตเห็นพงหญ้าข้างทางแหวกออกเป็นช่องอย่างผิดปกติ นึกสงสัยเลยเดินเข้าไปดูแล้วก็พบศพอย่างที่เห็นนั่นละครับ”
คนทั่วไปเมื่อเจอกระเป๋าแล้วคงละเลยจุดเล็กน้อยอื่นๆ แต่ชายชราคนนี้กลับช่างสังเกตผิดกับหน้าตาท่าทางของเขา รองสารวัตรหนุ่มนึกชื่นชมชายสูงวัยในใจ เขาก้าวเท้าเข้าไปยังจุดพบศพโดยมีผู้หมวดคนเดิมเดินตามมาติดๆ สายตาสอดส่องไปทั่วเพื่อหาจุดผิดสังเกตอะไรก็ตามที่หลงเหลืออยู่
ผู้ตายเป็นเพศหญิง มีบาดแผลฉีกขาดเป็นทางยาวนับไม่ถ้วน ทั้งร่างถูกเลือดอาบจนเป็นสีแดง จากสภาพศพ เหยื่ออาจถูกทารุณก่อนเสียชีวิต คราบเลือดกระเซ็นเปรอะเปื้อนไปทั่วบริเวณ น่าแปลกที่สภาพความเสียหายในที่เกิดเหตุมีน้อยมากเมื่อเทียบกับลักษณะของศพ ราวกับว่าเหยื่อแทบไม่ได้ดิ้นรนขัดขืนเลยในขณะถูกทำร้าย
ศักดาหันมองไปทางผู้ใต้บังคับบัญชา เป็นที่รู้กันว่าเขาต้องการข้อมูลทั้งหมดที่เหลืออยู่
“จากสภาพศพ กล้ามเนื้อร่างกายเริ่มแข็งตัว แผ่นหลังเริ่มขาวซีด เหยื่อน่าจะเสียชีวิตมาแล้วประมาณหกถึงสิบสองชั่วโมง ซึ่งก็คือเวลาในช่วงหกโมงเย็นถึงเที่ยงคืน เราตรวจสอบกระเป๋าสะพายที่ผู้ดูแลโรงแรมเก็บเอาไว้ ข้าวของข้างในไม่ได้ถูกรื้อค้น คนร้ายน่าจะไม่ได้หมายชิงทรัพย์”
“จากบัตรที่อยู่ในกระเป๋า ผู้ตายชื่อ สีดา ทรัพย์มี เมื่อคืนมีชื่อเธอเป็นคนจองห้องเบอร์สองศูนย์สามของโรงแรม คาดว่าน่าจะมีนัดกับใครที่ห้องนั้น แต่เธอถูกฆาตกรรมเสียก่อนจะไปถึงที่นัดหมาย”
“แล้วเธอนัดพบกับใคร รู้ตัวรึยัง”
“เรายังไม่ทราบครับ แต่จากคำให้การของผู้ดูแล เมื่อคืนตอนประมาณสามทุ่มมีผู้ชายมาเปิดห้องสองศูนย์สามในชื่อ สีดา ทรัพย์มี จริง หลังจากนั้นผู้ดูแลไม่เห็นเขาออกมาจากห้องอีกเลยจนกระทั่งเลยเที่ยงคืนไปพอประมาณ เห็นว่าท่าทางผู้ชายคนนั้นโมโหมากเพราะคู่ขาที่นัดไว้ไม่มา”
ชายคู่ขาไม่น่าจะใช่ฆาตกร ไม่มีสาเหตุอะไรที่ต้องนัดเหยื่อมาฆ่าหน้าโรงแรม ซึ่งเสี่ยงต่อการถูกพบเห็นได้ง่าย หรือหากเขาเป็นคนลงมือสังหารเหยื่อจริงก็ยิ่งไม่มีเหตุผลที่จะเข้าไปปรากฏตัวในโรงแรมให้คนอื่นเห็น
แม้จะคิดแบบนั้น แต่ถึงอย่างไรก็ทิ้งข้อมูลตรงนี้ไปไม่ได้ หลายคดีที่เกิดความผิดพลาดในการสืบสวนเพราะถูกละเลยรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ไป อย่างน้อยเรื่องชายคู่ขานัดผู้ตายมาพบในโรงแรมก่อนเสียชีวิตก็เป็นความจริง ที่สำคัญ บางครั้งโลกในหัวของฆาตกรก็อาจเป็นโลกซึ่งใช้เหตุผลไม่เหมือนกับคนปกติทั่วไป
“ให้ใครไปสืบหาผู้ชายคนนั้นมา อาจได้เบาะแสอะไรเพิ่ม”
“ครับ” ผู้หมวดรับคำสั่งหนักแน่น ก่อนเดินเข้ามาใกล้ผู้บังคับบัญชาแล้วกระซิบถาม
“เอ่อ ท่านรองฯ ครับ ดูจากสภาพบาดแผลของศพ ผมว่าฆาตกรเหมือนจะไม่ใช่คนนะครับ มันเหมือนรอยหมีหรือเสือขย้ำมากกว่า”
ศักดานิ่งฟังความเห็นของผู้ใต้บังคับบัญชาแล้วก็เห็นจริงตาม รอยแผลเป็นทางยาวจำนวนนับไม่ถ้วนบนร่างกาย ขอบแผลไม่เรียบสนิทเหมือนถูกของมีคมเฉือน ดูคล้ายรอยฉีกที่เกิดจากกรงเล็บมากกว่า
แต่จะมีหมีหรือเสือที่ไหนมาเพ่นพ่านในเมืองแบบนี้ อีกทั้งสภาพความเสียหายของที่เกิดเหตุต้องมากกว่านี้แน่นอนหากผู้ตายถูกสัตว์ทำร้าย
ตำรวจนักสืบนั่งลงสำรวจสภาพศพอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนสังเกตเห็นอะไรบางอย่างบนลำคอผู้ตาย เป็นรอยจุดสองจุดอยู่คู่กันคล้ายรอยเจาะ มีเลือดคั่งตรงสองจุดนั้นมากกว่าปกติจนสีแดงที่เห็นเข้มกว่าเลือดที่ถูกละเลงอยู่บนลำคอเล็กน้อย ระยะห่างระหว่างจุดใกล้เคียงกับเขี้ยวของมนุษย์
“เอาล่ะ เก็บหลักฐานไปให้หมดอย่าให้ตกหล่น แล้วส่งศพไปสถาบันนิติเวชหาสาเหตุการตายอย่างละเอียดอีกที”
“ครับ”
ศักดากลับมาที่รถยนต์ บิดกุญแจสตาร์ทเครื่อง เสียงครางกระหึ่มถูกขับออกจากท่อไอเสีย สมองยังครุ่นคิดถึงสภาพศพตลอดจนร่องรอยต่างๆ ในที่เกิดเหตุ แรงจูงใจของฆาตกร พยายามรวบรวมข้อมูลที่มีทั้งหมดเข้าด้วยกันและวิเคราะห์ถึงสาเหตุทั้งหมดที่อาจจะเป็นไปได้ เพียงครู่หนึ่งหลังจากนั้นเขาก็หลุดออกจากภวังค์ความคิด ก่อนบังคับรถให้ทะยานออกไป
อาคาร ‘เลิศธนกิจ’ ตั้งสูงตระหง่านอยู่ในย่านเศรษฐกิจอันเป็นเส้นเลือดใหญ่ของเมืองหลวง เป็นอาคารที่เปิดให้เช่าสำหรับใช้เป็นสำนักงานเพื่อดำเนินการทางธุรกิจ ด้วยทำเลที่ดียิ่งและภาพลักษณ์ที่ดูล้ำสมัยหรูหราของโครงสร้างทำให้ค่าเช่าแพงติดอันดับต้นๆ ของประเทศ แต่ทว่าพื้นที่ทุกตารางนิ้วของที่นี่กลับถูกจับจองไปจนหมด
คนทั่วไปเข้าใจว่าตึกนี้สูงห้าสิบชั้น นั่นเป็นเพราะจำนวนชั้นของลิฟต์ขึ้นไปได้สูงสุดเพียงเท่านั้น อีกทั้งแน่นอนว่าย่อมไม่มีใครใส่ใจจะนับเพื่อหาจำนวนชั้นอย่างจริงจัง ทว่าแท้จริงแล้วอาคารเลิศธนกิจแห่งนี้มีจำนวนชั้นมากกว่านั้น
ชั้นที่ห้าสิบเอ็ดถึงห้าสิบสี่ถูกปล่อยให้ทิ้งร้าง ชั้นห้าสิบห้าซึ่งเป็นชั้นบนสุดเป็นสำนักงานของหน่วยสืบสวนพิเศษที่มีชื่อเรียกเรียบง่ายว่าหน่วย ‘ล่า’ มีเพียงไม่กี่คนแม้แต่คนในวงการเองที่รู้ว่าหน่วยนี้มีอยู่จริง แต่ไม่มีใครสักคนที่รู้ว่าหน่วยนี้มีใครและอยู่ที่ไหนบ้าง
คดีที่ไร้การเชื่อมโยง ไร้เบาะแส คดีที่ยากจะเชื่อด้วยหลักเหตุผล คดีที่อยู่เหนือสามัญสำนึกของคนปกติ มีคดีอีกมากมายที่ไม่สามารถคลี่คลายได้ด้วยหลักการหรือทฤษฎีที่ถูกสั่งสอนอบรมมาในชั้นเรียน คดีเหล่านี้จะถูกเก็บเอาไว้ในแฟ้มลับพิเศษ
รหัสลับรัตติกาล ตอนที่ 4
4.
อาคารโรงแรมหลังเล็กซึ่งเหล่าหนุ่มกลัดมันและหญิงขายบริการมักใช้เป็นสถานที่เสพสมกันชั่วข้ามคืน ยามเช้าตรู่จึงปราศจากนักท่องราตรี สถานที่พำนักชั่วคราวแห่งนี้ตั้งอยู่ห่างไกลชุมชนในสภาพแวดล้อมไม่ค่อยเป็นมิตร ตัวอาคารทรุดโทรมเนื่องจากขาดการบำรุงรักษามานาน ทำให้ในเวลาเช่นนี้ตามปกติมักจะร้างผู้คน
แต่วันนี้ไม่ใช่ ช่วงเช้ามืดมีผู้แจ้งเหตุพบหญิงสาวนิรนามกลายเป็นศพอยู่ในดงหญ้าคาข้างทาง ไม่นานเจ้าหน้าที่ตำรวจก็รุดมาถึงที่เกิดเหตุ และหลังจากข่าวแพร่สะพัดออกไป ชาวบ้านนับสิบก็ทยอยกันเดินทางมาจับกลุ่มสังเกตการณ์รอบบริเวณ ราวกับเป็นเหยี่ยวข่าวที่มีประสาทรับรู้อันเฉียบไว
เหล่านกรู้พากันจับกลุ่มวิพากวิจารณ์และคาดการณ์ถึงสาเหตุการตายไปต่างๆ นานา บางคนอยากรู้มากกว่านั้นถึงขนาดพยายามเข้าไปดูศพให้เห็นด้วยตาตัวเอง จนเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องคอยห้ามปรามและกันเหล่านักข่าวชาวบ้านให้ถอยออกห่างจากที่เกิดเหตุ เพื่อป้องกันการทำลายหลักฐานและเบาะแสโดยไม่ตั้งใจ
ศักดาจอดรถยนต์ห่างจากฝูงชนออกมาเล็กน้อยก่อนเดินเข้าไปยังจุดเกิดเหตุ นายตำรวจหนึ่งในนั้นหันมาเห็น จึงเดินเข้ามาหาพร้อมทำความเคารพ
“เป็นยังไงบ้าง หมวด” ผู้มียศเหนือกว่าตะเบ๊ะรับพร้อมสอบถามข้อมูล
“ผู้แจ้งเหตุเป็นคนดูแลโรงแรม เขาออกมาเดินยืดเส้นยืดสายตอนประมาณตีห้าครึ่งอย่างที่ทำเป็นประจำทุกวัน”
ผู้หมวดหนุ่มเล่าพลางชี้นิ้วไปยังผู้ดูแลโรงแรมซึ่งยืนปะปนอยู่ในกลุ่มคน เขาเป็นชายชราศีรษะล้าน รูปร่างเตี้ย อ้วนลงพุง ใบหน้ายับย่น คิ้วและหนวดเคราขาว อยู่ในชุดเสื้อกล้ามขาวและกางเกงกีฬาขาสั้นสีฟ้า
“เขาเล่าว่าขณะกำลังเดินออกกำลังกายก็เจอกระเป๋าสะพายผู้หญิงตกอยู่บนถนน พอเดินไปเก็บก็สังเกตเห็นพงหญ้าข้างทางแหวกออกเป็นช่องอย่างผิดปกติ นึกสงสัยเลยเดินเข้าไปดูแล้วก็พบศพอย่างที่เห็นนั่นละครับ”
คนทั่วไปเมื่อเจอกระเป๋าแล้วคงละเลยจุดเล็กน้อยอื่นๆ แต่ชายชราคนนี้กลับช่างสังเกตผิดกับหน้าตาท่าทางของเขา รองสารวัตรหนุ่มนึกชื่นชมชายสูงวัยในใจ เขาก้าวเท้าเข้าไปยังจุดพบศพโดยมีผู้หมวดคนเดิมเดินตามมาติดๆ สายตาสอดส่องไปทั่วเพื่อหาจุดผิดสังเกตอะไรก็ตามที่หลงเหลืออยู่
ผู้ตายเป็นเพศหญิง มีบาดแผลฉีกขาดเป็นทางยาวนับไม่ถ้วน ทั้งร่างถูกเลือดอาบจนเป็นสีแดง จากสภาพศพ เหยื่ออาจถูกทารุณก่อนเสียชีวิต คราบเลือดกระเซ็นเปรอะเปื้อนไปทั่วบริเวณ น่าแปลกที่สภาพความเสียหายในที่เกิดเหตุมีน้อยมากเมื่อเทียบกับลักษณะของศพ ราวกับว่าเหยื่อแทบไม่ได้ดิ้นรนขัดขืนเลยในขณะถูกทำร้าย
ศักดาหันมองไปทางผู้ใต้บังคับบัญชา เป็นที่รู้กันว่าเขาต้องการข้อมูลทั้งหมดที่เหลืออยู่
“จากสภาพศพ กล้ามเนื้อร่างกายเริ่มแข็งตัว แผ่นหลังเริ่มขาวซีด เหยื่อน่าจะเสียชีวิตมาแล้วประมาณหกถึงสิบสองชั่วโมง ซึ่งก็คือเวลาในช่วงหกโมงเย็นถึงเที่ยงคืน เราตรวจสอบกระเป๋าสะพายที่ผู้ดูแลโรงแรมเก็บเอาไว้ ข้าวของข้างในไม่ได้ถูกรื้อค้น คนร้ายน่าจะไม่ได้หมายชิงทรัพย์”
“จากบัตรที่อยู่ในกระเป๋า ผู้ตายชื่อ สีดา ทรัพย์มี เมื่อคืนมีชื่อเธอเป็นคนจองห้องเบอร์สองศูนย์สามของโรงแรม คาดว่าน่าจะมีนัดกับใครที่ห้องนั้น แต่เธอถูกฆาตกรรมเสียก่อนจะไปถึงที่นัดหมาย”
“แล้วเธอนัดพบกับใคร รู้ตัวรึยัง”
“เรายังไม่ทราบครับ แต่จากคำให้การของผู้ดูแล เมื่อคืนตอนประมาณสามทุ่มมีผู้ชายมาเปิดห้องสองศูนย์สามในชื่อ สีดา ทรัพย์มี จริง หลังจากนั้นผู้ดูแลไม่เห็นเขาออกมาจากห้องอีกเลยจนกระทั่งเลยเที่ยงคืนไปพอประมาณ เห็นว่าท่าทางผู้ชายคนนั้นโมโหมากเพราะคู่ขาที่นัดไว้ไม่มา”
ชายคู่ขาไม่น่าจะใช่ฆาตกร ไม่มีสาเหตุอะไรที่ต้องนัดเหยื่อมาฆ่าหน้าโรงแรม ซึ่งเสี่ยงต่อการถูกพบเห็นได้ง่าย หรือหากเขาเป็นคนลงมือสังหารเหยื่อจริงก็ยิ่งไม่มีเหตุผลที่จะเข้าไปปรากฏตัวในโรงแรมให้คนอื่นเห็น
แม้จะคิดแบบนั้น แต่ถึงอย่างไรก็ทิ้งข้อมูลตรงนี้ไปไม่ได้ หลายคดีที่เกิดความผิดพลาดในการสืบสวนเพราะถูกละเลยรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ไป อย่างน้อยเรื่องชายคู่ขานัดผู้ตายมาพบในโรงแรมก่อนเสียชีวิตก็เป็นความจริง ที่สำคัญ บางครั้งโลกในหัวของฆาตกรก็อาจเป็นโลกซึ่งใช้เหตุผลไม่เหมือนกับคนปกติทั่วไป
“ให้ใครไปสืบหาผู้ชายคนนั้นมา อาจได้เบาะแสอะไรเพิ่ม”
“ครับ” ผู้หมวดรับคำสั่งหนักแน่น ก่อนเดินเข้ามาใกล้ผู้บังคับบัญชาแล้วกระซิบถาม
“เอ่อ ท่านรองฯ ครับ ดูจากสภาพบาดแผลของศพ ผมว่าฆาตกรเหมือนจะไม่ใช่คนนะครับ มันเหมือนรอยหมีหรือเสือขย้ำมากกว่า”
ศักดานิ่งฟังความเห็นของผู้ใต้บังคับบัญชาแล้วก็เห็นจริงตาม รอยแผลเป็นทางยาวจำนวนนับไม่ถ้วนบนร่างกาย ขอบแผลไม่เรียบสนิทเหมือนถูกของมีคมเฉือน ดูคล้ายรอยฉีกที่เกิดจากกรงเล็บมากกว่า
แต่จะมีหมีหรือเสือที่ไหนมาเพ่นพ่านในเมืองแบบนี้ อีกทั้งสภาพความเสียหายของที่เกิดเหตุต้องมากกว่านี้แน่นอนหากผู้ตายถูกสัตว์ทำร้าย
ตำรวจนักสืบนั่งลงสำรวจสภาพศพอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนสังเกตเห็นอะไรบางอย่างบนลำคอผู้ตาย เป็นรอยจุดสองจุดอยู่คู่กันคล้ายรอยเจาะ มีเลือดคั่งตรงสองจุดนั้นมากกว่าปกติจนสีแดงที่เห็นเข้มกว่าเลือดที่ถูกละเลงอยู่บนลำคอเล็กน้อย ระยะห่างระหว่างจุดใกล้เคียงกับเขี้ยวของมนุษย์
“เอาล่ะ เก็บหลักฐานไปให้หมดอย่าให้ตกหล่น แล้วส่งศพไปสถาบันนิติเวชหาสาเหตุการตายอย่างละเอียดอีกที”
“ครับ”
ศักดากลับมาที่รถยนต์ บิดกุญแจสตาร์ทเครื่อง เสียงครางกระหึ่มถูกขับออกจากท่อไอเสีย สมองยังครุ่นคิดถึงสภาพศพตลอดจนร่องรอยต่างๆ ในที่เกิดเหตุ แรงจูงใจของฆาตกร พยายามรวบรวมข้อมูลที่มีทั้งหมดเข้าด้วยกันและวิเคราะห์ถึงสาเหตุทั้งหมดที่อาจจะเป็นไปได้ เพียงครู่หนึ่งหลังจากนั้นเขาก็หลุดออกจากภวังค์ความคิด ก่อนบังคับรถให้ทะยานออกไป
อาคาร ‘เลิศธนกิจ’ ตั้งสูงตระหง่านอยู่ในย่านเศรษฐกิจอันเป็นเส้นเลือดใหญ่ของเมืองหลวง เป็นอาคารที่เปิดให้เช่าสำหรับใช้เป็นสำนักงานเพื่อดำเนินการทางธุรกิจ ด้วยทำเลที่ดียิ่งและภาพลักษณ์ที่ดูล้ำสมัยหรูหราของโครงสร้างทำให้ค่าเช่าแพงติดอันดับต้นๆ ของประเทศ แต่ทว่าพื้นที่ทุกตารางนิ้วของที่นี่กลับถูกจับจองไปจนหมด
คนทั่วไปเข้าใจว่าตึกนี้สูงห้าสิบชั้น นั่นเป็นเพราะจำนวนชั้นของลิฟต์ขึ้นไปได้สูงสุดเพียงเท่านั้น อีกทั้งแน่นอนว่าย่อมไม่มีใครใส่ใจจะนับเพื่อหาจำนวนชั้นอย่างจริงจัง ทว่าแท้จริงแล้วอาคารเลิศธนกิจแห่งนี้มีจำนวนชั้นมากกว่านั้น
ชั้นที่ห้าสิบเอ็ดถึงห้าสิบสี่ถูกปล่อยให้ทิ้งร้าง ชั้นห้าสิบห้าซึ่งเป็นชั้นบนสุดเป็นสำนักงานของหน่วยสืบสวนพิเศษที่มีชื่อเรียกเรียบง่ายว่าหน่วย ‘ล่า’ มีเพียงไม่กี่คนแม้แต่คนในวงการเองที่รู้ว่าหน่วยนี้มีอยู่จริง แต่ไม่มีใครสักคนที่รู้ว่าหน่วยนี้มีใครและอยู่ที่ไหนบ้าง
คดีที่ไร้การเชื่อมโยง ไร้เบาะแส คดีที่ยากจะเชื่อด้วยหลักเหตุผล คดีที่อยู่เหนือสามัญสำนึกของคนปกติ มีคดีอีกมากมายที่ไม่สามารถคลี่คลายได้ด้วยหลักการหรือทฤษฎีที่ถูกสั่งสอนอบรมมาในชั้นเรียน คดีเหล่านี้จะถูกเก็บเอาไว้ในแฟ้มลับพิเศษ