หน้าแรก
คอมมูนิตี้
ห้อง
แท็ก
คลับ
ห้อง
แก้ไขปักหมุด
ดูทั้งหมด
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
แท็ก
แก้ไขปักหมุด
ดูเพิ่มเติม
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
{room_name}
{name}
{description}
กิจกรรม
แลกพอยต์
อื่นๆ
ตั้งกระทู้
เข้าสู่ระบบ / สมัครสมาชิก
เว็บไซต์ในเครือ
Bloggang
Pantown
PantipMarket
Maggang
ติดตามพันทิป
ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้
เกี่ยวกับเรา
กฎ กติกา และมารยาท
คำแนะนำการโพสต์แสดงความเห็น
นโยบายเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
สิทธิ์การใช้งานของสมาชิก
ติดต่อทีมงาน Pantip
ติดต่อลงโฆษณา
ร่วมงานกับ Pantip
Download App Pantip
Pantip Certified Developer
ดาราฝรั่งที่ต้องซ่อนสายเลือดอินเดียเพราะเรื่องราวระบบวรรณะในสังคมแองโกลอินเดีย
กระทู้คำถาม
หน้าต่างโลก
ประวัติศาสตร์
เชื้อชาติ
ประวัติศาสตร์สากล
วิเวียน ลีห์
หรือ
วิเวียน แมรี ฮาร์ทลีย์
เกิดในดาร์จีลิงประเทศอินเดียในช่วงเวลาที่ประเทศนั้นอยู่ภายใต้การปกครองของอังกฤษ พ่อของเธอมาจากสหราชอาณาจักร (ยอร์กเชียร์) แต่ต้นกำเนิดของแม่เธอ เกอร์ทรูด แมรี่ นี แย็คจี นั้นลึกลับกว่า ข้อความที่ว่า Vivien Leigh เป็นลูกครึ่งฝรั่งเศสนั้นเป็นเรื่องสมมุติทั้งหมดซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอุบายที่จะทำให้เธอมีลักษณะคล้ายคลึงกับตัวละครที่เธอเล่นใน Gone with the Wind นามสกุลของคุณตาทางฝั่งมารดาของเธอคือ Yackjee ซึ่งเป็นนามสกุลชาวอินเดียที่มีเชื้อสายอาร์เมเนียนหรือ (ฟาร์ซี่) อัฟกาน หรือตะวันออกกลางผสม วิเวียน ลีห์ จึงเป็นชาวแองโกลอินเดีย
ชาวแองโกลอินเดียเป็นกลุ่มที่มีภูมิหลังแบบผสมผสานระหว่างอินเดียและยุโรปซึ่งเป็นกลุ่มที่เกิดขึ้นในช่วงที่อินเดียเป็นอาณานิคมของยุโรป ชาวยุโรปเชื้อสายแองโกลอินเดียโดยทั่วไปได้รับการยกย่องจากอังกฤษ..... ชาวแองโกล อินเดียจะหมายถึงกลุ่มชาวอินเดียที่มีเชื้อสายจากอังกฤษที่เข้ามาในอินเดียพร้อมกับชาติจากสหราชอาณาจักรอื่นๆ เช่นไอริช สกอต ซึ่งพวกลูกหลานจะอยู่ในนิคมแยกจากคนอินเดียทั่วไป...... ซึ่งบางแห่งแองโกลอินเดียจะมีพวกลูกครึ่งอินเดียกับยุโรปชาติอื่นปนด้วยแต่บางแห่งก็ห้ามลูกหลานจากอาณานิคมยุโรปชาติอื่นที่ปกครองอินเดียส่วนอื่นเพราะไม่ถูกกันเช่นลูกหลานจากอาณานิคมดัชต์ อาณานิคมโปรตุเกส ซึงต่างแข็งขันกันจะได้ยึดครองพืนที่ในอินเดีย
ชาวแองโกลอินเดียรุ่นแรกส่วนใหญ่เกิดมาจากพ่อผิวขาวและแม่ชาวเอเชียใต้ ต่างจากลูกผสมอินเดียยุโรปรุ่นปัจจุบันที่มักจะมาจากพ่ออินเดียแม่ฝรั่ง อย่างไรก็ตามในเวลาต่อมาชาวแองโกล - อินเดียได้กลายเป็นชุมชนตามสิทธิของตนเองแต่งงานในกลุ่มของพวกเขาและแยกตัวออกจากคนอินเดียส่วนใหญ่ที่อยู่รอบตัวพวกเขา ในด้านต่างๆเช่นภาษา (โดยปกติจะเป็นภาษาอังกฤษ) และศาสนา (ศาสนาคริสต์ส่วนใหญ่เป็นคาทอลิกหรือแองกลิกัน
ในหลาย ๆ ด้านชาวแองโกล - อินเดียมีลักษณะคล้ายชุมชนผสมอื่น ๆ ในเอเชียเช่นลูกครึ่งในฟิลิปปินส์ อินโดในอินโดนีเซีย และแองโกล-พม่าเช่นเดียวกับชาวแองโกล - อินเดีย กลุ่มคนเหล่านี้ส่วนใหญ่เกิดจากสหภาพแรงงานของชายชาวยุโรปและหญิงชาวเอเชีย พวกเขามักจะยอมรับภาษาและวัฒนธรรมของบิดาเมื่อเทียบกับบรรพบุรุษของมารดา อย่างไรก็ตามเนื่องจากชาวยุโรปไม่เคยมีจำนวนมากในชุมชนเอเชีย คนผิวขาวผสมอเชียจึงมีประชากรเพียงเล็กน้อยในประเทศที่พวกเขาอาศัยอยู่ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีอิทธิพลมากนักต่อประเทศเหล่านี้.....โดยรวมแล้วมันป็นสถานการณ์ที่ค่อนข้างแตกต่างจากลูกครึ่งในละตินอเมริกาซึ่งในที่สุดก็กลายเป็นประชากรส่วนใหญ่ของภูมิภาคนั้นและนำเข้าสู่กลุ่มตะวันตก
Kutcha butcha (कच्चाबच्चे) เป็นวลีภาษาฮินดีที่แปลว่า "ขนมปังอบครึ่งลูก" และใช้เพื่ออ้างถึงคนเชื้อชาติที่มีเชื้อสายอินเดีย (ตะวันออก) และ (คนขาว) เชื้อสายอังกฤษ สำนวนประกอบด้วยคำสองคำ: คุชชา ซึ่งหมายถึง "ไม่ได้ปรุง" หรือ "ยังไม่เสร็จ" และ บุตรชา ซึ่งแปลว่า "เด็ก" คำสองคำรวมกันแปลได้คร่าวๆว่าเด็กที่มีลักษณะคล้ายกับขนมปังอบครึ่งหนึ่ง โดยหลักแล้วเป็นคำที่เสื่อมเสียไม่ว่าจะเป็นชาวอินเดียหรือชาวอังกฤษ Kutcha butcha เป็นคำพ้องเสียงใช้กับคนครึ่งวรรณะ
ในช่วงของการล่าอาณานิคมของอังกฤษในชมพูทวีปชาวอาณานิคมอังกฤษซึ่งหลายคนถูกว่าจ้างโดย บริษัท อินเดียตะวันออกได้รับการสนับสนุนให้แต่งงานและเริ่มต้นครอบครัวกับผู้หญิงอินเดียที่มาจากครอบครัวที่มีวรรณะสูง ในความเป็นจริง บริษัท อินเดียตะวันออกเสนอค่าตอบแทนแก่มารดาชาวอินเดียเพื่อรับบัพติศมาของลูกหลานจากพนักงานบริษัทอังกฤษ แต่ความเป็นจริงแล้วทหารอังกฤษไม่น้อยที่มีลูกครึ่งกับหญิงอินเดียวรรณะล่างง่ายกว่า
เมื่อเวลาผ่านไปปัจจัยหลายอย่างทำให้ทัศนคติที่มีต่อลูกหลานของการแต่งงานแบบนี้เปลี่ยนไป ประการแรกการพัฒนาคลองสุเอซทำให้การเดินทางจากอังกฤษไปอินเดียสั้นลงมาก และผู้หญิงอังกฤษและยุโรปชาติอื่นเดินทางไปอินเดียมากขึ้นผู้ชายอังกฤษที่ทำงานในอินเดียจึงไม่จำเป็นต้องหาผู้หญิงท้องถิ่นมาเป็นภรรยา.... ประการที่สองเมื่อชาวแองโกล - อินเดียรุ่นต่อรุ่นเริ่มแต่งงานกันเอง และสร้างชุมชนของตนเอง ผู้หญิงอินเดียก็ไม่ถือว่าจำเป็นสำหรับชาวอาณานิคมที่จะแต่งงานอีกต่อไป...... ผลที่ตามมาคือการสร้างกลุ่มบุคคลที่แตกต่างกันซึ่งพูดภาษาอังกฤษได้โดยเฉพาะและเป็นกลุ่มใหญ่ที่ภักดีต่อจักรวรรดิอังกฤษ..... สิ่งนี้สร้างผลกระทบที่นำไปสู่การกีดกันตนเองจากวัฒนธรรมอินเดีย ในที่สุดเมื่ออินเดียได้รับเอกราชจากอังกฤษผ่านพระราชบัญญัติอิสรภาพของอินเดีย พ.ศ. 2490 ชาวต่างชาติที่เป็นชาวอังกฤษส่วนใหญ่กลับไปอังกฤษและชาวแองโกล - อินเดียจำนวนมากก็ออกจากอินเดียด้วยเช่นกัน สร้างการพลัดถิ่นผ่านเครือจักรภพในประเทศต่างๆเช่นแคนาดาออสเตรเลียและอังกฤษเอง . (ประมาณว่ามีชาวแองโกล - อินเดียหนึ่งล้านคนทั่วโลกในปัจจุบัน และเนื่องจากชาวแองโกอินเดียนไม่ได้เป็นเพียงผลผลิตจากมรดกทางวัฒนธรรมของอังกฤษและอินเดียที่ผสมผสานกันเท่านั้น แต่เป็นผลมาจากช่วงเวลาและสถานที่ที่เฉพาะเจาะจง ของบริติชอินเดีย ชาวแองโกลอินเดียที่ไม่สามารถจากไปได้ถูกตัดขาดและเรียกว่า คุชชา บุตชา
เดิมป้ายที่มอบให้กับสมาชิกของชุมชนเหล่านี้คือชาวยูเรเชียหรือในกรณีของสหภาพโปรตุเกสอินเดีย ลูโซ่อินเดียคือลูกครึ่งอินเดียโปรตุเกส Luso-Indians เมื่อภาษาอังกฤษมีความโดดเด่นมากขึ้นและชาวโปรตุเกสและชาวยุโรปอื่น ๆ ก็ออกจากอนุทวีปในที่สุดคำว่า Eurasian ก็ไม่ถูกต้องและถูกแทนที่ด้วยแองโกลอินเดียนที่เป็นที่ต้องการมากขึ้น วลี kutcha butcha หมายถึงลูกหลานของพ่อชาวอังกฤษและแม่ชาวอินเดียเป็นหลัก (และลูกหลานของพวกเขาด้วย)
คำว่า kutcha butcha ได้รับการประกาศเกียรติคุณเนื่องจากความอัปยศที่เริ่มติดอยู่กับสมาชิกของชุมชนต่างเชื้อชาตินี้และบ่งบอกถึงการเหยียดเชื้อชาติที่สามารถเกิดขึ้นได้เมื่อใดก็ตามที่คนต่างเชื้อชาติแต่งงานกัน สิ่งนี้เห็นได้ชัดในรูปแบบต่างๆเช่นคำว่า mulatto/mulatta (ใช้ในอเมริกาใต้แถบละตินหมายถึงลูกครึ่งคนดำและคนขาว50/50, quadroon หมายถึงลูกเสี้ยวและ octaroon พวกเชื้อต่างชาติน้อยแทบหมดแต่ยังมีอยู่ 1/8 คำเหล่านี้ ดั้งเดิมใช้ในอเมริกาใต้กับพวกเลือดผสมระหว่างคนขาวและคนดำซึ่งพยายามระบุและหาปริมาณที่แน่นอนของเลือดที่เรียกว่าด้อยคุณภาพหรือแปดเปื้อนซึ่งมีการผสมกับเลือดที่เหนือกว่าทางพันธุกรรมของเผ่าพันธุ์ที่ยอมรับได้ เพราะความอัปยศนี้ชาวแองโกลอินเดียจำนวนมาก (ไม่ต้องการให้ระบุว่าคุชชาบุทชะ) ได้พยายามในอดีตและจนถึงปัจจุบัน......จบยุคบริติชราช พวกเขาถูกมองในแง่ลบในสังคมฮินดูส่วนใหญ่จึงต้องพยามโยกย้ายไปเข้ากลุ่มกับคนอังกฤษเนื่องจากพวกเขาอาจมีโอกาสในการทำงานและสิทธิพิเศษทางชนชั้นที่ดีกว่า
บ่อยครั้งในบริติชราชเด็ก ๆลูกครึ่ง ของการแต่งงานแบบนี้พ่อแม่หย่าร้างและได้รับการเลี้ยงดูที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับสีผิวของพวกเขา ลูกหลานที่มีผิวสีขาวผมสีอ่อนหน้าตายุโรปถูกพาไปอังกฤษและได้รับการศึกษาที่นั่น (ในฐานะคริสเตียน) และลูกหลานที่มีผิวสีเข้มถูกเก็บไว้ในอินเดียและได้รับการเลี้ยงดูแบบฮินดู
Merle Oberon เมอร์เรียล โอบีรอน ลูกผสมแองโกลอินเดียเช่นเดียวกับ วิเวียน ลีห์
เนื่องจากประวัติศาสตร์แห่งการเหยียดวรรณะนี้เพราะในสังคมอินเดียพวกเธอจะถูกกล่าวหาว่ามีแม่เป็นผู้หญิงไม่ดีหรือแต่งงานกับผู้ทรยศเพราะหญิงขายบริการหรือวรรณะล่างส่วนใหญ่จะตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์กับชายจากอาณานิคม......บริบทนี้ปรากฏในภาพยตร์แนวโกธิคhorror ของ Bollywood เรื่อง
"1920" ที่นางเอกของเรื่อง "ลิซ่า" ตามบทแสดงเป็นสาวลูกครึ่งแองโกลอินเดียในสมัยหลังบริติชราชที่ถูกทางพ่อของพระเอกกีดกัน.....ซึ่งย้อนไปถึงอดีตชาติที่เธอเคยเกิดในสมัยบริติชราชเป็นหญิงสาววรรณสูงและเป็นสาเหตุที่ลวงให้คนรักชั่วข้ามคืนของเธอที่เป็นคนอินเดียซึ่งทำานเป็นสายลับของทหารอังกฤษต้องมาถูสำเร็จโทษตาย กรรมนั้นจึงส่งผลให้เธอกลับชาติมาเกิดเป็นลูกครึ่งที่โดนเหยียดหยามจากครอบครัวของสามีซ้ำยังโดนวิญญาณร้ายของคนรักที่เป็นสายให้อังกฤษที่เธอลวงมาถูกฆ่าตามหลอกหลอน
ชาวแองโกลอินเดียและอินโดบริตันจำนวนมากจึงปกปิดมรดกทางพันธุกรรม นักแสดงหญิงที่มีชื่อเสียงเช่น เมอร์เรียล โอบีรอน Merle Oberon และ
วิเวียน ลีห์ Vivien Leigh ต่างซ่อนเชื้อสายแองโกล - อินเดียเช่นเดียวกับอดีต Beatle Pete Best เช่นกัน.....ดาราอังกฤษบางคนเคยมีเชื้อสายเช่น อลิสแตร์ แม็คโกเวน Alistair McGowan เนื่องจากความอับอายของครอบครัว บางทีด้วยการถือกำเนิดของบุคคลที่มีชื่อเสียงหลายคนเช่น เบน คิงส์เล่ Ben Kingsley และ ซัลมาน รัชดี้ Salman Rushdie ความอัปยศ เชื้อสายแองโกอินเดียของพวกเขาจะหายไปและวลี kutcha butcha จะกลายเป็นคำที่ไม่ได้ใช้และล้าสมัย
แก้ไขข้อความเมื่อ
▼
กำลังโหลดข้อมูล...
▼
แสดงความคิดเห็น
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
อินเดียตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษ คนอังกฤษมองคนอินเดียเหนือว่าคล้ายคนยุโรปมั้งมั้ยครับ 😂😅😂
เพราะคนอินเดียเหนือหรือชาวอารยันสีผิวและหน้าตาคล้ายฝรั่ง 1. คนอังกฤษเค้ามองว่าเป็นพวกเดียวกันมั้ยครับ😂😂 2.คนอังกฤษเหยียดคนอินเดียที่เป็นแขกขาวหรืออารยันไหมครับ😅🤔
สมาชิกหมายเลข 7399406
Topพระนางอินเดียที่เป็นมังสาวิรัตและเคร่งแนวการปฏิบัติแบบฮินดู
กังคาณา ราโณช ดาราสาวมังสาวิรัตสายเคร่งนอกจากนี้ยังเป็นพิธีกรรายการศาสนาให้กับ จักรี วสุเทพ สัตตะคุรุ ผู้เผยแพร่วิธีการปฏิบัติสมาธิให้หลุดพ้นตามแนวทางฮินดูในทีวีและนอกจอ หนึ่งในนักแสดงชาวอินเดี
ตุ๊กตาไขนาม
สงสัยและอยากถามทุกวันนี้คนจัณฑาลในอินเดียที่เปลี่ยนศาสนาหันมานับถือพุทธมีชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้นหรือไม่อย่างไรครับ?
คือจขกทดูสารคดีและคลิปที่นำเสนอเรื่องลาวที่ดร.อัมเบ็ดการ์พยายามหลีกหนีชนชั้นวรรณะในอินเดียหรือพูดตรงๆก็คือพยายามหลีกหนีออกจากการเป็นการจัณฑาลหรือทลิตที่ถูกสังคมรังเกียจเหยียดหยาม โดยการเปลี่ยนศาสนาหัน
สมาชิกหมายเลข 2504661
"ทวดผมเป็นจัณฑาล" เรื่องเล่าของหนุ่มมาเลเซียเชื้อสายอินเดีย
เชื่อว่าหลายคนรู้จักกับคำว่า จัณฑาล กันมาพอสมควรแล้ว จัณฑาล ในความหมายที่เรารู้จักกันทั่วไปก็คือผู้ที่อยู่นอกวรรณะทั้ง 4 ของศาสนาฮินดู ส่วนในอินเดีย มักจะรู้จักกับคำว่า Dalit มากกว่า ซึ่งความหมายโดยรว
สมาชิกหมายเลข 5648798
Miss Universe/Miss World ตัวแทนสาวไทยเป็นลูกครึ่งได้ แต่ควรจะใช้ชื่อหรือนามสกุลที่เป็นไทยหน่อยมั้ย แอนโทเนีย ฝรั่งหมดเลย
นางงามจักรวาล นางงามโลก ตัวแทนสาวไทยกองประกวดจะเลือกสาวลูกครึ่งหรือสาวลูกเสี้ยวไปก็ได้ แต่ชื่อและนามสกุลของสาวลูกครึ่งลูกเสี้ยวควรจะใช้ชื่อและนามสกุลไทยมั้ย อย่างน้อย ชื่อไทยนามสกุลฝรั่ง หรือ ชื่อฝรั่
สมาชิกหมายเลข 7849142
ถ้าไทยช่วยอังกฤษรบกับพม่า พอชนะแล้ว เป็นไปได้ไหม ที่จะต่อรองเอา ทวาย มะริด ตะนาวศรี เป็นของไทย
ดูจากลักษณะทางภูมิศาสตร์แล้ว ทวาย ควรเป็นของไทย เท่าที่อ่านมา อังกฤษ ก็ไม่อยากได้พม่าเท่าไหร่ คิดว่า จะหยุดล่าอาณานิคมที่อินเดีย แต่พม่าดันไปหาเรื่องรบกับอินเดีย เลยเป็นเรื่อง ตอนรบพม่า อังกฤษก็ไม
สมาชิกหมายเลข 6782994
คิดว่าวอลเลย์บอลชายอินโดในอนาคต จะมีโอกาสทำทีมตามรอยแบบเดียวกับฟุตบอลไหม
ด้วยอินโดเคยเป็นอาณานิคมของดัชต์มาก่อน ไม่แน่ในอนาคตมีแนวโน้มที่วอลเลย์บอลชายอินโดจะมีนักกีฬาที่เป็นเชื้อสายดัชต์มาเล่นได้ ทั้งรูปแบบลูกครึ่งลูกเสี้ยว ซึ่งตอนนี้ฟุตบอลชายอินโด ก็กำลังทำโมเดลดึงลูกครึ่
สมาชิกหมายเลข 5005229
นักเตะอาเซียนแท้ๆ ที่ไม่ใช่ลูกครึ่ง ที่ทีมยุโรปเอาตัวมาใช้แล้ว คุ้ม เล่นดี เป็นตัวจริงให้ทีมสโมสรในยุโรป เคยมีมั้ยครับ
ถ้ามี คือ ใคร เล่นให้สโมสรไหนในยุโรปครับ ในอดีตก็ได้ ปัจจุบันก็ได้ ขอบคุณครับ ปล ไม่นับพวกลูกครึ่งที่มีเชื้อสายฝรั่ง หรือผิวดำ น่ะครับ ขออาเซียนแท้ๆ เลย ชาติไหนก็ได้ในอาเซียน (ที่ไม่นับ ออสเตรเลีย อั
สมาชิกหมายเลข 6392772
มาดูดาราสาวhotหน้าใหม่ในbollywoodที่วัยรุ่นอินเดียบอกนิยมที่สุดและสวยที่สุดกัน
วันนี้เราจะมาดูกันเรียงลำดับจากอันดับ1ที่หนุ่มอินเดียส่วนใหญ่ว่าสวยนิสัยน่ารักที่สุดกันไปยังอันดับรองๆมาดูกันว่ามีใครบ้าง ........................................ อันดับ 1 เจเนเลีย ดิ ซูซ่า
ตุ๊กตาไขนาม
นักเตะทีมชาติในยุโรปที่มีหลายสัญชาติ มีมานานแล้ว เราควรคิดเป็นเรื่องปกติในแถบบ้านเราได้หรือยัง
นักฟุตบอลทีมชาติในยุโรปที่มีหลายสัญชาติ มีมานานแล้ว โดยปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นบ่อยครั้งในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา สาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้มีนักฟุตบอลหลายสัญชาติในยุโรป มีดังนี้: 1.
สมาชิกหมายเลข 6417497
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
หน้าต่างโลก
ประวัติศาสตร์
เชื้อชาติ
ประวัติศาสตร์สากล
บนสุด
ล่างสุด
อ่านเฉพาะข้อความเจ้าของกระทู้
หน้า:
หน้า
จาก
แชร์ : 554
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน
อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
ยอมรับ
ดาราฝรั่งที่ต้องซ่อนสายเลือดอินเดียเพราะเรื่องราวระบบวรรณะในสังคมแองโกลอินเดีย
วิเวียน ลีห์ หรือ วิเวียน แมรี ฮาร์ทลีย์ เกิดในดาร์จีลิงประเทศอินเดียในช่วงเวลาที่ประเทศนั้นอยู่ภายใต้การปกครองของอังกฤษ พ่อของเธอมาจากสหราชอาณาจักร (ยอร์กเชียร์) แต่ต้นกำเนิดของแม่เธอ เกอร์ทรูด แมรี่ นี แย็คจี นั้นลึกลับกว่า ข้อความที่ว่า Vivien Leigh เป็นลูกครึ่งฝรั่งเศสนั้นเป็นเรื่องสมมุติทั้งหมดซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอุบายที่จะทำให้เธอมีลักษณะคล้ายคลึงกับตัวละครที่เธอเล่นใน Gone with the Wind นามสกุลของคุณตาทางฝั่งมารดาของเธอคือ Yackjee ซึ่งเป็นนามสกุลชาวอินเดียที่มีเชื้อสายอาร์เมเนียนหรือ (ฟาร์ซี่) อัฟกาน หรือตะวันออกกลางผสม วิเวียน ลีห์ จึงเป็นชาวแองโกลอินเดีย
ชาวแองโกลอินเดียเป็นกลุ่มที่มีภูมิหลังแบบผสมผสานระหว่างอินเดียและยุโรปซึ่งเป็นกลุ่มที่เกิดขึ้นในช่วงที่อินเดียเป็นอาณานิคมของยุโรป ชาวยุโรปเชื้อสายแองโกลอินเดียโดยทั่วไปได้รับการยกย่องจากอังกฤษ..... ชาวแองโกล อินเดียจะหมายถึงกลุ่มชาวอินเดียที่มีเชื้อสายจากอังกฤษที่เข้ามาในอินเดียพร้อมกับชาติจากสหราชอาณาจักรอื่นๆ เช่นไอริช สกอต ซึ่งพวกลูกหลานจะอยู่ในนิคมแยกจากคนอินเดียทั่วไป...... ซึ่งบางแห่งแองโกลอินเดียจะมีพวกลูกครึ่งอินเดียกับยุโรปชาติอื่นปนด้วยแต่บางแห่งก็ห้ามลูกหลานจากอาณานิคมยุโรปชาติอื่นที่ปกครองอินเดียส่วนอื่นเพราะไม่ถูกกันเช่นลูกหลานจากอาณานิคมดัชต์ อาณานิคมโปรตุเกส ซึงต่างแข็งขันกันจะได้ยึดครองพืนที่ในอินเดีย
ชาวแองโกลอินเดียรุ่นแรกส่วนใหญ่เกิดมาจากพ่อผิวขาวและแม่ชาวเอเชียใต้ ต่างจากลูกผสมอินเดียยุโรปรุ่นปัจจุบันที่มักจะมาจากพ่ออินเดียแม่ฝรั่ง อย่างไรก็ตามในเวลาต่อมาชาวแองโกล - อินเดียได้กลายเป็นชุมชนตามสิทธิของตนเองแต่งงานในกลุ่มของพวกเขาและแยกตัวออกจากคนอินเดียส่วนใหญ่ที่อยู่รอบตัวพวกเขา ในด้านต่างๆเช่นภาษา (โดยปกติจะเป็นภาษาอังกฤษ) และศาสนา (ศาสนาคริสต์ส่วนใหญ่เป็นคาทอลิกหรือแองกลิกัน
ในหลาย ๆ ด้านชาวแองโกล - อินเดียมีลักษณะคล้ายชุมชนผสมอื่น ๆ ในเอเชียเช่นลูกครึ่งในฟิลิปปินส์ อินโดในอินโดนีเซีย และแองโกล-พม่าเช่นเดียวกับชาวแองโกล - อินเดีย กลุ่มคนเหล่านี้ส่วนใหญ่เกิดจากสหภาพแรงงานของชายชาวยุโรปและหญิงชาวเอเชีย พวกเขามักจะยอมรับภาษาและวัฒนธรรมของบิดาเมื่อเทียบกับบรรพบุรุษของมารดา อย่างไรก็ตามเนื่องจากชาวยุโรปไม่เคยมีจำนวนมากในชุมชนเอเชีย คนผิวขาวผสมอเชียจึงมีประชากรเพียงเล็กน้อยในประเทศที่พวกเขาอาศัยอยู่ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีอิทธิพลมากนักต่อประเทศเหล่านี้.....โดยรวมแล้วมันป็นสถานการณ์ที่ค่อนข้างแตกต่างจากลูกครึ่งในละตินอเมริกาซึ่งในที่สุดก็กลายเป็นประชากรส่วนใหญ่ของภูมิภาคนั้นและนำเข้าสู่กลุ่มตะวันตก
Kutcha butcha (कच्चाबच्चे) เป็นวลีภาษาฮินดีที่แปลว่า "ขนมปังอบครึ่งลูก" และใช้เพื่ออ้างถึงคนเชื้อชาติที่มีเชื้อสายอินเดีย (ตะวันออก) และ (คนขาว) เชื้อสายอังกฤษ สำนวนประกอบด้วยคำสองคำ: คุชชา ซึ่งหมายถึง "ไม่ได้ปรุง" หรือ "ยังไม่เสร็จ" และ บุตรชา ซึ่งแปลว่า "เด็ก" คำสองคำรวมกันแปลได้คร่าวๆว่าเด็กที่มีลักษณะคล้ายกับขนมปังอบครึ่งหนึ่ง โดยหลักแล้วเป็นคำที่เสื่อมเสียไม่ว่าจะเป็นชาวอินเดียหรือชาวอังกฤษ Kutcha butcha เป็นคำพ้องเสียงใช้กับคนครึ่งวรรณะ
ในช่วงของการล่าอาณานิคมของอังกฤษในชมพูทวีปชาวอาณานิคมอังกฤษซึ่งหลายคนถูกว่าจ้างโดย บริษัท อินเดียตะวันออกได้รับการสนับสนุนให้แต่งงานและเริ่มต้นครอบครัวกับผู้หญิงอินเดียที่มาจากครอบครัวที่มีวรรณะสูง ในความเป็นจริง บริษัท อินเดียตะวันออกเสนอค่าตอบแทนแก่มารดาชาวอินเดียเพื่อรับบัพติศมาของลูกหลานจากพนักงานบริษัทอังกฤษ แต่ความเป็นจริงแล้วทหารอังกฤษไม่น้อยที่มีลูกครึ่งกับหญิงอินเดียวรรณะล่างง่ายกว่า
เมื่อเวลาผ่านไปปัจจัยหลายอย่างทำให้ทัศนคติที่มีต่อลูกหลานของการแต่งงานแบบนี้เปลี่ยนไป ประการแรกการพัฒนาคลองสุเอซทำให้การเดินทางจากอังกฤษไปอินเดียสั้นลงมาก และผู้หญิงอังกฤษและยุโรปชาติอื่นเดินทางไปอินเดียมากขึ้นผู้ชายอังกฤษที่ทำงานในอินเดียจึงไม่จำเป็นต้องหาผู้หญิงท้องถิ่นมาเป็นภรรยา.... ประการที่สองเมื่อชาวแองโกล - อินเดียรุ่นต่อรุ่นเริ่มแต่งงานกันเอง และสร้างชุมชนของตนเอง ผู้หญิงอินเดียก็ไม่ถือว่าจำเป็นสำหรับชาวอาณานิคมที่จะแต่งงานอีกต่อไป...... ผลที่ตามมาคือการสร้างกลุ่มบุคคลที่แตกต่างกันซึ่งพูดภาษาอังกฤษได้โดยเฉพาะและเป็นกลุ่มใหญ่ที่ภักดีต่อจักรวรรดิอังกฤษ..... สิ่งนี้สร้างผลกระทบที่นำไปสู่การกีดกันตนเองจากวัฒนธรรมอินเดีย ในที่สุดเมื่ออินเดียได้รับเอกราชจากอังกฤษผ่านพระราชบัญญัติอิสรภาพของอินเดีย พ.ศ. 2490 ชาวต่างชาติที่เป็นชาวอังกฤษส่วนใหญ่กลับไปอังกฤษและชาวแองโกล - อินเดียจำนวนมากก็ออกจากอินเดียด้วยเช่นกัน สร้างการพลัดถิ่นผ่านเครือจักรภพในประเทศต่างๆเช่นแคนาดาออสเตรเลียและอังกฤษเอง . (ประมาณว่ามีชาวแองโกล - อินเดียหนึ่งล้านคนทั่วโลกในปัจจุบัน และเนื่องจากชาวแองโกอินเดียนไม่ได้เป็นเพียงผลผลิตจากมรดกทางวัฒนธรรมของอังกฤษและอินเดียที่ผสมผสานกันเท่านั้น แต่เป็นผลมาจากช่วงเวลาและสถานที่ที่เฉพาะเจาะจง ของบริติชอินเดีย ชาวแองโกลอินเดียที่ไม่สามารถจากไปได้ถูกตัดขาดและเรียกว่า คุชชา บุตชา
เดิมป้ายที่มอบให้กับสมาชิกของชุมชนเหล่านี้คือชาวยูเรเชียหรือในกรณีของสหภาพโปรตุเกสอินเดีย ลูโซ่อินเดียคือลูกครึ่งอินเดียโปรตุเกส Luso-Indians เมื่อภาษาอังกฤษมีความโดดเด่นมากขึ้นและชาวโปรตุเกสและชาวยุโรปอื่น ๆ ก็ออกจากอนุทวีปในที่สุดคำว่า Eurasian ก็ไม่ถูกต้องและถูกแทนที่ด้วยแองโกลอินเดียนที่เป็นที่ต้องการมากขึ้น วลี kutcha butcha หมายถึงลูกหลานของพ่อชาวอังกฤษและแม่ชาวอินเดียเป็นหลัก (และลูกหลานของพวกเขาด้วย)
คำว่า kutcha butcha ได้รับการประกาศเกียรติคุณเนื่องจากความอัปยศที่เริ่มติดอยู่กับสมาชิกของชุมชนต่างเชื้อชาตินี้และบ่งบอกถึงการเหยียดเชื้อชาติที่สามารถเกิดขึ้นได้เมื่อใดก็ตามที่คนต่างเชื้อชาติแต่งงานกัน สิ่งนี้เห็นได้ชัดในรูปแบบต่างๆเช่นคำว่า mulatto/mulatta (ใช้ในอเมริกาใต้แถบละตินหมายถึงลูกครึ่งคนดำและคนขาว50/50, quadroon หมายถึงลูกเสี้ยวและ octaroon พวกเชื้อต่างชาติน้อยแทบหมดแต่ยังมีอยู่ 1/8 คำเหล่านี้ ดั้งเดิมใช้ในอเมริกาใต้กับพวกเลือดผสมระหว่างคนขาวและคนดำซึ่งพยายามระบุและหาปริมาณที่แน่นอนของเลือดที่เรียกว่าด้อยคุณภาพหรือแปดเปื้อนซึ่งมีการผสมกับเลือดที่เหนือกว่าทางพันธุกรรมของเผ่าพันธุ์ที่ยอมรับได้ เพราะความอัปยศนี้ชาวแองโกลอินเดียจำนวนมาก (ไม่ต้องการให้ระบุว่าคุชชาบุทชะ) ได้พยายามในอดีตและจนถึงปัจจุบัน......จบยุคบริติชราช พวกเขาถูกมองในแง่ลบในสังคมฮินดูส่วนใหญ่จึงต้องพยามโยกย้ายไปเข้ากลุ่มกับคนอังกฤษเนื่องจากพวกเขาอาจมีโอกาสในการทำงานและสิทธิพิเศษทางชนชั้นที่ดีกว่า
บ่อยครั้งในบริติชราชเด็ก ๆลูกครึ่ง ของการแต่งงานแบบนี้พ่อแม่หย่าร้างและได้รับการเลี้ยงดูที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับสีผิวของพวกเขา ลูกหลานที่มีผิวสีขาวผมสีอ่อนหน้าตายุโรปถูกพาไปอังกฤษและได้รับการศึกษาที่นั่น (ในฐานะคริสเตียน) และลูกหลานที่มีผิวสีเข้มถูกเก็บไว้ในอินเดียและได้รับการเลี้ยงดูแบบฮินดู
Merle Oberon เมอร์เรียล โอบีรอน ลูกผสมแองโกลอินเดียเช่นเดียวกับ วิเวียน ลีห์
เนื่องจากประวัติศาสตร์แห่งการเหยียดวรรณะนี้เพราะในสังคมอินเดียพวกเธอจะถูกกล่าวหาว่ามีแม่เป็นผู้หญิงไม่ดีหรือแต่งงานกับผู้ทรยศเพราะหญิงขายบริการหรือวรรณะล่างส่วนใหญ่จะตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์กับชายจากอาณานิคม......บริบทนี้ปรากฏในภาพยตร์แนวโกธิคhorror ของ Bollywood เรื่อง
"1920" ที่นางเอกของเรื่อง "ลิซ่า" ตามบทแสดงเป็นสาวลูกครึ่งแองโกลอินเดียในสมัยหลังบริติชราชที่ถูกทางพ่อของพระเอกกีดกัน.....ซึ่งย้อนไปถึงอดีตชาติที่เธอเคยเกิดในสมัยบริติชราชเป็นหญิงสาววรรณสูงและเป็นสาเหตุที่ลวงให้คนรักชั่วข้ามคืนของเธอที่เป็นคนอินเดียซึ่งทำานเป็นสายลับของทหารอังกฤษต้องมาถูสำเร็จโทษตาย กรรมนั้นจึงส่งผลให้เธอกลับชาติมาเกิดเป็นลูกครึ่งที่โดนเหยียดหยามจากครอบครัวของสามีซ้ำยังโดนวิญญาณร้ายของคนรักที่เป็นสายให้อังกฤษที่เธอลวงมาถูกฆ่าตามหลอกหลอน
ชาวแองโกลอินเดียและอินโดบริตันจำนวนมากจึงปกปิดมรดกทางพันธุกรรม นักแสดงหญิงที่มีชื่อเสียงเช่น เมอร์เรียล โอบีรอน Merle Oberon และ
วิเวียน ลีห์ Vivien Leigh ต่างซ่อนเชื้อสายแองโกล - อินเดียเช่นเดียวกับอดีต Beatle Pete Best เช่นกัน.....ดาราอังกฤษบางคนเคยมีเชื้อสายเช่น อลิสแตร์ แม็คโกเวน Alistair McGowan เนื่องจากความอับอายของครอบครัว บางทีด้วยการถือกำเนิดของบุคคลที่มีชื่อเสียงหลายคนเช่น เบน คิงส์เล่ Ben Kingsley และ ซัลมาน รัชดี้ Salman Rushdie ความอัปยศ เชื้อสายแองโกอินเดียของพวกเขาจะหายไปและวลี kutcha butcha จะกลายเป็นคำที่ไม่ได้ใช้และล้าสมัย