JJNY : เชื่อมั่นเอสเอ็มอีส.ค.ร่วง/เสื้อแดงอีสานจ่อยกพลร่วมชุมนุม/ม็อบลอตเตอรี่บุกศาลากลาง/พท.ยันไม่สังฆกรรมรบ.แห่งชาติ

ดัชนีเชื่อมั่นเอสเอ็มอี เดือน ส.ค. ร่วง จากกำลังซื้อสัญญาณแผ่ว
https://www.matichon.co.th/economy/news_2379983
 

 
นายวีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขขนาดกลางและขนาดย่อม เปิดเผยรายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ประจำเดือนสิงหาคม 2563 ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นฯ ปรับลดลงเล็กน้อยจากเดือนกรกฎาคม 2563 ที่ระดับ 51.6 มาอยู่ที่ระดับ 51.2 โดยถือเป็นการปรับตัวลดลงครั้งแรกหลังจากที่มีการปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องตลอดช่วงผ่อนปรนมาตรการของรัฐ สะท้อนสัญญาณการเริ่มชะลอตัวทางธุรกิจที่เป็นผลจากการลดลงของกำลังซื้อเป็นสำคัญ เนื่องจากประชาชนใช้เงินเยียวยาเพื่อจับจ่ายใช้สอยไปแล้วในช่วงที่ผ่านมาและ ภาคธุรกิจมีการปรับตัวเพื่อลดต้นทุน โดยเฉพาะการจ้างงาน ทำให้เกิดความเปราะบางของการจ้างงานในหลายธุรกิจ ซึ่งส่งผลต่อการใช้จ่ายที่ลดลงของประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าและบริการที่ไม่จำเป็น เพื่อเก็บเงินสำหรับการบริโภคในอนาคตเพราะความกังวลเกี่ยวกับรายได้ที่ยังมีความไม่แน่นอน
 
ทั้งนี้ สาเหตุของดัชนีความเชื่อมั่นฯ ปรับลดลงเล็กน้อย เนื่องจากองค์ประกอบด้านคำสั่งซื้อ ปริมาณการผลิต การค้าและการบริการ กำไร และการจ้างงาน ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 54.5 55.4 53.0 และ 48.2 ตามลำดับ ส่วนองค์ประกอบด้านต้นทุน และการลงทุนปรับเพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 45.0 และ 50.9 ตามลำดับ
 
โดยภาคการผลิต มีค่าดัชนีความเชื่อมั่นฯ ในเดือนนี้ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 51.3 ส่วนภาคการค้าและภาคการบริการ ปรับลดลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ระดับ 51.0 และ 51.2 ตามลำดับ การปรับตัวลดลงมาจากการระมัดระวังในการจับจ่ายใช้สอย โดยเฉพาะสินค้าและบริการที่ไม่จำเป็น อาทิ เสื้อผ้าและสิ่งทอ ไม้และเฟอร์นิเจอร์ วัสดุก่อสร้าง บริการรถเหมาเพื่อท่องเที่ยว โรงแรมและร้านอาหาร เป็นต้น
 
ดัชนีความเชื่อมั่นฯ ของผู้ประกอบการเอสเอ็มอี แต่ละภูมิภาคมีการเปลี่ยนแปลงแตกต่างกัน โดยภูมิภาคที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น คือ เขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ปัจจุบันอยู่ที่ 48.8 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 48.0 จากการขยายตัวของธุรกิจกลุ่มบริการที่หลายสถานประกอบการกลับมาเปิดกิจการได้ตามปกติ โดยเฉพาะกิจกรรมทางด้านสันทนาการบันเทิงต่าง ๆ และดัชนีความเชื่อมั่นฯ ของภาคใต้ ปัจจุบันอยู่ที่ 53.0 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า ที่ระดับ 51.8 เป็นผลจากการกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวและการจัดงานมหกรรมและงานแสดงสินค้าของภาครัฐและเอกชน อีกทั้งยังมีกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้นของชาวสวนยางที่ได้รับอานิสงส์จากราคายางพาราที่ปรับตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม การขยายตัวทางธุรกิจค่อนข้างจำกัด เนื่องจากขาดรายได้จากการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ยังไม่สามารถเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศได้
 
ส่วนดัชนีความเชื่อมั่นฯ ของภาคกลาง ปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 53.5 ลดลงเล็กน้อยจาก 53.6 โดยภาคการค้าขยายตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสินค้าทางเกษตร การค้าปลีกสมัยใหม่ (modern trade) และการค้าปลีกแบบดั้งเดิม ส่วนภาคการบริการภาพรวมมีการปรับตัวลดลง โดยเฉพาะสาขาการขนส่งสินค้า
ดัชนีความเชื่อมั่นฯ ภาคตะวันออก ปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 49.8 ลดลงจาก 51.2 จากการชะลอตัวของกำลังซื้อและการเพิ่มขึ้นของต้นทุนสินค้าและวัตถุดิบในพื้นที่ ประกอบกับสาขาการท่องเที่ยวยังไม่ฟื้นตัว
 
ดัชนีความเชื่อมั่นฯ ของภาคเหนือ ปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 50.8 ลดลงจาก 54.1 จากการชะลอตัวของการจองและการใช้บริการของกลุ่มโรงแรม ร้านอาหารและบริการด้านสุขภาพ/เสริมความงาม เพราะกำลังซื้อลดลง และยังเป็นช่วงหน้ามรสุมและไม่มีวันหยุดติดต่อเพื่อช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวของพื้นที่
 
ดัชนีความเชื่อมั่นฯ ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 52.6 ลดลงจาก 53.1 เพราะอุปสงค์ในพื้นที่หดตัวลงโดยเฉพาะภาคการผลิต ซึ่งเป็นผลจากกำลังซื้อที่ลดลงและการระมัดระวังการจับจ่ายใช้สอยของประชาชน อีกทั้งการจ้างงานค่อนข้างมีความเปราะบาง
 
สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นฯ คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 56.3 ปรับลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ระดับ 59.3 แนวโน้มความเชื่อมั่นฯ คาดการณ์ลดลงจากความกังวลเพิ่มขึ้นของกำลังซื้อที่ชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า และความเปราะบางของการจ้างงานในอนาคตที่จะส่งผลต่อรายได้ของประชาชน นอกจากนี้ยังไม่มีสัญญาณที่ชัดเจนของการท่องเที่ยว
  
ส่วนปัจจัยสำคัญที่มีผลกระทบต่อกิจการเอสเอ็มอี ในเดือนนี้ 5 อันดับแรก ได้แก่ 
1. ภาวะเศรษฐกิจในประเทศและอำนาจซื้อของประชาชน 
2. การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภค 
3. มาตรการในด้านต่าง ๆ ของรัฐบาล 
4. การแข่งขันในตลาด 
5. ราคาต้นทุนสินค้า/ค่าแรงงาน (ที่เพิ่มสูงขึ้น)
 

 
เสื้อแดงอีสาน มาแล้ว! จ่อยกพลเข้ากรุง ร่วมชุมนุมใหญ่ กับนักศึกษา 14 ตุลานี้
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_5051620
 
เสื้อแดงอีสาน มาแล้ว! อดีตแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้าน [เผล่ะจัง]  (นปช.) ภาคอีสาน จ่อยกพลเข้ากรุง ร่วมชุมนุมใหญ่ กับนักศึกษาทุกลุ่ม 14 ตุลาคม ที่ราชดำเนิน
 
เมื่อวานนี้ (4 ต.ค.) ที่สนามฟ้า มหาวิทยาลัยมหาสารคาม อ.กันทรวิชัย จ.มหาสารคาม มีการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมนิสิต มมส เพื่อประชาธิปไตย โดยมีประชาชน ตลอดจนนิสิต นักศึกษา เดินทางมาร่วมงานจำนวนมาก ต่างก็กระจายกันนั่งตามพื้นสนามหญ้า จนเกือบเต็มพื้นที่ โดยมีกลุ่มภาคีเครือข่ายต่างๆ เข้าร่วม อาทิ
 
กลุ่มโคราชพอกันที แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม กลุ่มโคราชปลดแอก กลุ่มคบเพลิง กลุ่มบุรีรัมย์ปลดแอก กลุ่มภาคีนักเรียนมหาสารคาม กลุ่ม มรม.เสรีเพื่อประชาธิปไตย แนวร่วม ม.ราชภัฎสกลนคร กลุ่มดาวดิน กลุ่มขอนแก่นพอกันที สหภาพร้อยเอ็ดปลอดแอก กลุ่มภาคีนักเรียน KKC และเครือข่ายความหลากหลายทางเพศภาคอีสาน รวมถึงกลุ่มคนเสื้อแดงภาคอีสาน เป็นต้น
 
โดยในช่วงท้ายการชุมนุมดังกล่าว มีการรำลึกวีรชนผู้สูญเสียทางการเมือง อีกทั้งตัวแทนและแกนนำคนเสื้อแดง 20 จังหวัดในอีสานขึ้นเวที พร้อมเปิดเพลง "นักสู้ธุลีดิน" ซึ่งขับร้องโดยจิ้น กรรมาชน เพื่อรำลึกถึงผู้เสียชีวิต และยืนสงบนิ่งไว้อาลัยกับการจากไปของผู้ชุมนุมเสื้อแดง ในเหตุสลายการชุมนุมเมื่อปี 2553
 
ต่อมาตัวแทนกลุ่มคนเสื้อแดงภาคอีสานจาก 20 จังหวัด ได้ประกาศบนเวทีว่า งานนี้ทำให้นึกถึงบรรยากาศเก่าๆ สมัยการชุมนุมของ นปช. แต่ครั้งนี้เป็นเวทีของนักศึกษา คนเสื้อแดงมาวันนี้ ด้วยความภาคภูมิใจและจะอยู่เคียงข้างนักศึกษา เพราะทุกคนล้วนผ่านสนามรบมาแล้ว หลายต่อหลายคนเคยร่วมเรียกร้อง ร่วมกดดันและนอนบนท้องถนน หลังการรัฐประหาร 2557 บางคนเคยถูกเรียกเข้าค่ายทหาร
  
“วันนี้ประกาศเลยว่า คนเสื้อแดงภาคอีสานจะต่อสู้ร่วมกับพลังคนรุ่นใหม่ เพราะคนรุ่นใหม่ กับคนเสื้อแดงพฤษภา 53 มีแนวทางเดียวกัน คือโค่นล้ม [เผล่ะจัง]  และจะสนับสนุนการชุมนุมของคนรุ่นใหม่เพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย ดังนั้น วันที่ 14 ตุลาคม 2563 นี้ กลุ่มคนเสื้อแดงอีสานก็จะเข้าร่วมการชุมนุมเพื่อไล่ [เผล่ะจัง] ที่กรุงเทพมหานครด้วย” ตัวแทนคนเสื้อแดงอีสานประกาศ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่