สวัสดีค่ะ
ขอแชร์ประสบการณ์เพื่อเป็นข้อมูลช่วยประกอบการตัดสินใจสำหรับการเลือกโรงพยาบาลในการคลอดสำหรับพ่อแม่หลายๆคนนะคะ
โดยส่วนตัวบ้านอยู่ จ.สมุทรสงคราม ตั้งแต่รู้ว่าตั้งครรภ์ จึงพยายามหาโรงพยาบาลที่น่าเชื่อถือและใกล้บ้าน จึงเลือกฝากครรภ์ที่ รพ.เอกชนชื่อดัง (จ. ราชบุรี)
ในช่วงระหว่างการฝากครรภ์และไปหาหมอทุกครั้งทั้งแม่และเด็กปกติและสมบูรณ์ดี จนมาถึงวันที่นัดทำการผ่าคลอดได้เข้ารับบริการผ่าคลอดในช่วงเช้า ซึ่งภายหลังจากทำการผ่าตัดน้องแข็งแรง สมบูรณ์ ส่งเสียงร้องไห้ดังปกติ จนหมอและพยาบาลในห้องคลอดพูดแซวกันว่าเสียงดีจังเลย ระหว่างที่แม่ไปพักฟื้นที่ที่ห้องพักคนไข้ มีพยาบาลมาแจ้งว่าน้องมีอาการหายใจเร็วจึงให้อยู่ในห้องขอดูอาการ ผ่านไปช่วงกลางคืนมีพยาบาลมาแจ้งว่าทารกมีอาการหายใจเร็วขึ้นแต่ทางโรงพยาบาลมีเครื่องให้อ็อกซิเจนเพียง 1 เครื่องเท่านั้น ซึ่งมีเด็กอีกคนนึงใช้อยู่ แพทย์เวรกลางคืนจึงทำเรื่องส่งตัวทารกไปอยู่กับโรงพยาบาลรัฐบาลใน จ.ราชบุรี เพื่อรักษาตรวจหาสาเหตุและอาการผิดปกติ ระหว่างนั้นแพทย์ที่ทำการผ่าตัดเข้ามาดูอาการแม่และก็บอกเองว่าทารกปกติ หมอเวรไม่น่าจะต้องส่งตัวเด็กไปไหน ไม่ทราบว่าหมอเวรกับหมอเจ้าของเคสผ่าตัดทำไมก่อนส่งตัวเด็กไปไหนไม่ได้ประสานข้อมูลและอาการเด็กก่อนหรืออย่างไร
เป็นการคลอดที่แยกแม่กับลูกให้อยู่คนละโรงพยาบาล เจาะตรวจลูกจนน่าสงสาร หัวอกคนเป็นแม่ที่อุ้มท้องมาตลอด 9 เดือน เพื่อรอเจอหน้าลูก กอดลูก หอมลูกในอก กลายเป็นความวิตกกังวล กลัวว่าลูกจะไม่ปลอดภัย ไม่ได้เจอหน้า ไม่ได้เข้าไปเยี่ยม รอถามอาการจากพ่อที่ต้องวิ่งไปมา 2 รพ. เพื่อดูอาการลูก โดยในระหว่างนั้นทาง รพ.รัฐบาล ได้เจาะเลือดตรวจดูและรอผลการตรวจ ซึ่งน้องไปอยู่ทั้งหมด 5 คืน 6 วัน เป็น 5 คืน 6 วัน ที่โคตรทรมานสำหรับคนเป็นแม่สุดท้ายผลตรวจทั้งหมดออกมาว่าน้องไม่มีอาการผิดปกติและแข็งแรงสมบูรณ์ดี
ระหว่างที่แม่อยู่ รพ.เอกชน นั้น พยาบาลที่เดินตามหมอไม่รู้แม้กระทั่งการกดปุ่มปรับเตียงคนไข้ พยายามปรับเตียงคนไข้ที่พึ่งผ่าตัดผิดๆอยู่ 4-5 รอบ จนต้องบอกว่าเดี๋ยวปรับเอง พนักงานที่มาเปลี่ยนผ้าปูเตียงลืมกดปลดล็อคสายปัสสาวะให้คนไข้ที่เพิ่งผ่าตัดอยู่ประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าๆ จนรู้สึกว่าปวดหน่วงท้องน้อย พยาบาลเวรถัดไปจึงเพิ่งมาสังเกตุถุงปัสสาวะเป็นปลดล็อคสายปัสสาวะให้
ส่วนตัวคิดว่าทางโรงพยาบาลที่ทำแพคเก็จคลอดนั้น อุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์พื้นฐานที่เหมาะสมต่อการช่วยเหลือทารกหลังคลอดควรมีมากกว่านี้ เพราะจากการ search ข้อมูล อาการหายใจเร็วในทารกแรกเกิดพบได้เป็นปกติสำหรับการผ่าคลอด
ใครที่คิดจะคลอดลูก ควรหาโรงพยาบาลที่มีความพร้อมทั้งอุปกรณ์การแพทย์และคำวินิจฉัยที่มีความน่าเชื่อถือนะคะ
*** ลูกเราทั้งคน รอเจอหน้ามาตั้งนาน ***
[CR] ประสบการณ์ผ่าคลอด “รพ.เอกชนชื่อดัง (จ.ราชบุรี)” ที่สุดเจ็บปวดสำหรับคนเป็น “แม่”
ขอแชร์ประสบการณ์เพื่อเป็นข้อมูลช่วยประกอบการตัดสินใจสำหรับการเลือกโรงพยาบาลในการคลอดสำหรับพ่อแม่หลายๆคนนะคะ
โดยส่วนตัวบ้านอยู่ จ.สมุทรสงคราม ตั้งแต่รู้ว่าตั้งครรภ์ จึงพยายามหาโรงพยาบาลที่น่าเชื่อถือและใกล้บ้าน จึงเลือกฝากครรภ์ที่ รพ.เอกชนชื่อดัง (จ. ราชบุรี)
ในช่วงระหว่างการฝากครรภ์และไปหาหมอทุกครั้งทั้งแม่และเด็กปกติและสมบูรณ์ดี จนมาถึงวันที่นัดทำการผ่าคลอดได้เข้ารับบริการผ่าคลอดในช่วงเช้า ซึ่งภายหลังจากทำการผ่าตัดน้องแข็งแรง สมบูรณ์ ส่งเสียงร้องไห้ดังปกติ จนหมอและพยาบาลในห้องคลอดพูดแซวกันว่าเสียงดีจังเลย ระหว่างที่แม่ไปพักฟื้นที่ที่ห้องพักคนไข้ มีพยาบาลมาแจ้งว่าน้องมีอาการหายใจเร็วจึงให้อยู่ในห้องขอดูอาการ ผ่านไปช่วงกลางคืนมีพยาบาลมาแจ้งว่าทารกมีอาการหายใจเร็วขึ้นแต่ทางโรงพยาบาลมีเครื่องให้อ็อกซิเจนเพียง 1 เครื่องเท่านั้น ซึ่งมีเด็กอีกคนนึงใช้อยู่ แพทย์เวรกลางคืนจึงทำเรื่องส่งตัวทารกไปอยู่กับโรงพยาบาลรัฐบาลใน จ.ราชบุรี เพื่อรักษาตรวจหาสาเหตุและอาการผิดปกติ ระหว่างนั้นแพทย์ที่ทำการผ่าตัดเข้ามาดูอาการแม่และก็บอกเองว่าทารกปกติ หมอเวรไม่น่าจะต้องส่งตัวเด็กไปไหน ไม่ทราบว่าหมอเวรกับหมอเจ้าของเคสผ่าตัดทำไมก่อนส่งตัวเด็กไปไหนไม่ได้ประสานข้อมูลและอาการเด็กก่อนหรืออย่างไร
เป็นการคลอดที่แยกแม่กับลูกให้อยู่คนละโรงพยาบาล เจาะตรวจลูกจนน่าสงสาร หัวอกคนเป็นแม่ที่อุ้มท้องมาตลอด 9 เดือน เพื่อรอเจอหน้าลูก กอดลูก หอมลูกในอก กลายเป็นความวิตกกังวล กลัวว่าลูกจะไม่ปลอดภัย ไม่ได้เจอหน้า ไม่ได้เข้าไปเยี่ยม รอถามอาการจากพ่อที่ต้องวิ่งไปมา 2 รพ. เพื่อดูอาการลูก โดยในระหว่างนั้นทาง รพ.รัฐบาล ได้เจาะเลือดตรวจดูและรอผลการตรวจ ซึ่งน้องไปอยู่ทั้งหมด 5 คืน 6 วัน เป็น 5 คืน 6 วัน ที่โคตรทรมานสำหรับคนเป็นแม่สุดท้ายผลตรวจทั้งหมดออกมาว่าน้องไม่มีอาการผิดปกติและแข็งแรงสมบูรณ์ดี
ระหว่างที่แม่อยู่ รพ.เอกชน นั้น พยาบาลที่เดินตามหมอไม่รู้แม้กระทั่งการกดปุ่มปรับเตียงคนไข้ พยายามปรับเตียงคนไข้ที่พึ่งผ่าตัดผิดๆอยู่ 4-5 รอบ จนต้องบอกว่าเดี๋ยวปรับเอง พนักงานที่มาเปลี่ยนผ้าปูเตียงลืมกดปลดล็อคสายปัสสาวะให้คนไข้ที่เพิ่งผ่าตัดอยู่ประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าๆ จนรู้สึกว่าปวดหน่วงท้องน้อย พยาบาลเวรถัดไปจึงเพิ่งมาสังเกตุถุงปัสสาวะเป็นปลดล็อคสายปัสสาวะให้
ส่วนตัวคิดว่าทางโรงพยาบาลที่ทำแพคเก็จคลอดนั้น อุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์พื้นฐานที่เหมาะสมต่อการช่วยเหลือทารกหลังคลอดควรมีมากกว่านี้ เพราะจากการ search ข้อมูล อาการหายใจเร็วในทารกแรกเกิดพบได้เป็นปกติสำหรับการผ่าคลอด
ใครที่คิดจะคลอดลูก ควรหาโรงพยาบาลที่มีความพร้อมทั้งอุปกรณ์การแพทย์และคำวินิจฉัยที่มีความน่าเชื่อถือนะคะ
*** ลูกเราทั้งคน รอเจอหน้ามาตั้งนาน ***
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้