สวัสดีค่ะ ชื่อแวว นะคะ วันนี้จะมาแชร์ประสบการณ์การท่องเที่ยวแบบไม่ค่อยมีจุดหมายเท่าไร เพราะพอดีว่าอยู่ระหว่างหางานใหม่ เลยอยากใช้เวลาช่วงหนึ่ง ออกมาเที่ยวแบบไม่ต้องกังวลเรื่องเวลามากนัก เลยเลือกมาเชียงใหม่คนเดียวครั้งแรก (จริงๆมาเชียงใหม่หลายครั้งมากๆแล้วค่ะ แต่ส่วนใหญ่มากับคนอื่น) แววเลือกเที่ยวแบบ Backpack รอบนี้ เพื่อการคล่องตัว เดิมกำหนดแผนไว้ 1 อาทิตย์ โดยประมาณ
และครั้งนี้เลือกเดินทางโดยรถไฟสายกรุงเทพ-เชียงใหม่ กับรถไฟนอนขบวน 13 (ซึ่งซื้อผิด ตั้งใจจะซื้อรถนอนขบวนใหม่ เพื่อนๆดูให้ดีๆนะคะ ถ้าขบวนใหม่ต้องเป็นขบวน 10 ค่ะ)
ไม่รู้ตัวว่าไม่ใช่ขบวน 10 ที่เคยนั่ง จนขึ้นโบกี้ไปแล้วถึงจะรู้ตัว 5555
ตอนที่มาถึงได้ยินประกาศจากสถานีหัวลำโพงว่าทุกขบวนจะไม่มีตู้เสบียง เนื่องจากอยู่ระหว่างปรับปรุงระบบ เลยต้องหาอะไรทานจากโรงอาหารที่นั้น และซื้อของกักตุนไว้เองจากมินิมาร์ท
แววกดเงินสดไว้ตั้งแต่ที่นี่เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียค่ากดนอกพื้นที่ (แววกดมาแค่ 2,500 และกระจายซุกไว้ตามที่ต่างๆ)
งอแงเลยตอนที่รู้ว่าต้องนอนคันนี้ เพราะรถเก่า บอกตรงๆไม่ชอบค่ะ อากาศไม่ถ่ายเท และห้องน้ำแบบเก่า และที่สำคัญไม่มีเต้าปลั๊กไฟด้วย TT^TT
สำหรับผู้หญิงที่เดินทางคนเดียว หัวลำโพงคือที่แรกที่รู้สึกไม่ปลอดภัย 555+
ทั้งโบกี้จะมีเต้าปลั๊กไม่มาก รอดึกๆเลยเอาสามตาที่พกมาลากมาเพื่อแก้ปัญหาไปก่อน (แววต้องการให้แบตตารี่ทุกอย่างเต็ม เพราะจองที่พักแบบไม่มีไฟฟ้าไว้ของคืนวันที่ 2 ตุลา และไม่แน่ใจว่าจะเปลี่ยนแปลงการเดินทางอะไรหรือไม่ด้วย)

พอถึงลำพูนเลยตัดสินใจอาบน้ำบนรถไฟครั้งแรก กลัวเหมือนกันว่าอาบๆไปน้ำหมดจะทำไง แต่ก็ผ่านไปด้วยดี และมาถึงสถานีเชียงใหม่เวลาประมาณ 9 โมงเช้า
เพื่อนใหม่วัย 63 ชื่อป้าวันดี นั่งข้างๆกัน แกชวนไปเที่ยวดอยแกที่เวียงแหกด้วย เลยแลกเบอร์กันไว้
ที่สถานีมีจุดคัดกรองที่เข้มงวด น่าประทับใจคนเชียงใหม่มากๆที่ใส่ใจการป้องกันโควิทจากนักท่องเที่ยว ทำดีและมีมาตราฐาน
ออกมาขึ้นรถแดงเพื่อไปลงประตูท่าแพ ราคาว่ากันว่าแค่ 30 บาท แต่เราจ่ายมา 60 บาท (ต่อจาก 90บาท)
ขึ้นรถสองแถวสีเหลือง เชียงใหม่-จอมทอง ราคา 30 บาท ไปลงหน้าวัดพระธาตุจอมทอง ถึงเกือบเที่ยง เดินวนไปมาระหว่างท่ารถว่าจะไปไหนต่อดี แต่ค่ารถแพงมาก จะให้เหมา 1,500 กับไปแค่ 4 จุด (ระยะทาง 40 โล เขาว่าซั่น) เลยข้ามฝั่งไปเช่ารถมอไซค์ดีกว่า
เช่ามอไซค์เป็นตัวเลือกที่คิดไว้กรณีที่ไม่มีฝนฟ้าพายุ แล้วคนพื้นที่ประเมินแล้วว่าเราขับได้ ร้านเช่ามอไซค์แนะนำไปน้ำตกอย่างเดียวเลย แต่เราไม่ค่อยชอบไปน้ำตก จึงลงเอยที่ปลายทางขุนแปะ
รถมอไซค์ที่นี่ถือว่าแพง ราคา 300/วัน ทุกรุ่นราคาเดียวกัน เราเอาซูโม่X มา ก็วางมัดจำ 1,000 บาท พร้อมบัตรปชน. ไม่ต้องเติมน้ำมันคืน รถสภาพไม่ค่อยดี ขนาดคนไม่ได้ขับมาเป็น 10 ปี ยังรู้สึกได้ (พิกัดร้านตรงข้ามวัดพระธาตุจอมทอง) ถ้าเช่าต่อก็เอาไปได้เด่วร้านหักจากเงินมัดจำเอง แววโทรหาที่พักที่เดิมจองไว้ของอารียาโฮมสเตย์วันที่ 2 ตุลา ว่าจะขอเช็คอินวันนี้ (วันที่ 1 ตุลา) แทนได้มั้ย แต่เขาไม่มีห้องเลยแนะนำของเพื่อนให้
ทางขับง่ายเหมือนที่ร้านบอกจริงๆ เป็นถนนปูนดีแม้จะขึ้นดอยมาแล้ว แต่สัญญาณดีแทดตายสนิทตั้งแต่ตีนทางเข้า
ใครจะมาให้ใช้ทรูมูฟกับวันทูคอลนะคะ
แม้ว่าทางจะเป็นปูนดีๆ แต่คดเคี้ยวและแคบ สูงชัน ขับขี่ระมัดระวังไม่ประมาท เลยมาถึงช้า เกือบ 2 ชม.ได้มั้ง
แววนัดกับลุงสุพัฒน์ทางโทรศัพท์ไว้หน้าโครงการหลวงแต่ไม่มีโทรศัพท์โทรหาแกได้ เลยไปยืมร้านก๋วยเตี๋ยวหน้ารร.ขุนแปะ แกก็ขับรถกระบะมารับ ซึ่งคุณลุงคนนี้แหละที่ทำให้การมาเที่ยวของเราเปลี่ยนไปอย่างไม่น่าเชื่อ จากที่กำหนดไปแค่ 1-2 วัน กลายเป็น 1 เดือน....
Backpack ดอยขุนแปะ จ.เชียงใหม่ คนเดียว ฉบับสาวโสด(มั้ง)
สวัสดีค่ะ ชื่อแวว นะคะ วันนี้จะมาแชร์ประสบการณ์การท่องเที่ยวแบบไม่ค่อยมีจุดหมายเท่าไร เพราะพอดีว่าอยู่ระหว่างหางานใหม่ เลยอยากใช้เวลาช่วงหนึ่ง ออกมาเที่ยวแบบไม่ต้องกังวลเรื่องเวลามากนัก เลยเลือกมาเชียงใหม่คนเดียวครั้งแรก (จริงๆมาเชียงใหม่หลายครั้งมากๆแล้วค่ะ แต่ส่วนใหญ่มากับคนอื่น) แววเลือกเที่ยวแบบ Backpack รอบนี้ เพื่อการคล่องตัว เดิมกำหนดแผนไว้ 1 อาทิตย์ โดยประมาณ
และครั้งนี้เลือกเดินทางโดยรถไฟสายกรุงเทพ-เชียงใหม่ กับรถไฟนอนขบวน 13 (ซึ่งซื้อผิด ตั้งใจจะซื้อรถนอนขบวนใหม่ เพื่อนๆดูให้ดีๆนะคะ ถ้าขบวนใหม่ต้องเป็นขบวน 10 ค่ะ)
ไม่รู้ตัวว่าไม่ใช่ขบวน 10 ที่เคยนั่ง จนขึ้นโบกี้ไปแล้วถึงจะรู้ตัว 5555
ตอนที่มาถึงได้ยินประกาศจากสถานีหัวลำโพงว่าทุกขบวนจะไม่มีตู้เสบียง เนื่องจากอยู่ระหว่างปรับปรุงระบบ เลยต้องหาอะไรทานจากโรงอาหารที่นั้น และซื้อของกักตุนไว้เองจากมินิมาร์ท
แววกดเงินสดไว้ตั้งแต่ที่นี่เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียค่ากดนอกพื้นที่ (แววกดมาแค่ 2,500 และกระจายซุกไว้ตามที่ต่างๆ)
งอแงเลยตอนที่รู้ว่าต้องนอนคันนี้ เพราะรถเก่า บอกตรงๆไม่ชอบค่ะ อากาศไม่ถ่ายเท และห้องน้ำแบบเก่า และที่สำคัญไม่มีเต้าปลั๊กไฟด้วย TT^TT
สำหรับผู้หญิงที่เดินทางคนเดียว หัวลำโพงคือที่แรกที่รู้สึกไม่ปลอดภัย 555+
ทั้งโบกี้จะมีเต้าปลั๊กไม่มาก รอดึกๆเลยเอาสามตาที่พกมาลากมาเพื่อแก้ปัญหาไปก่อน (แววต้องการให้แบตตารี่ทุกอย่างเต็ม เพราะจองที่พักแบบไม่มีไฟฟ้าไว้ของคืนวันที่ 2 ตุลา และไม่แน่ใจว่าจะเปลี่ยนแปลงการเดินทางอะไรหรือไม่ด้วย)
พอถึงลำพูนเลยตัดสินใจอาบน้ำบนรถไฟครั้งแรก กลัวเหมือนกันว่าอาบๆไปน้ำหมดจะทำไง แต่ก็ผ่านไปด้วยดี และมาถึงสถานีเชียงใหม่เวลาประมาณ 9 โมงเช้า
เพื่อนใหม่วัย 63 ชื่อป้าวันดี นั่งข้างๆกัน แกชวนไปเที่ยวดอยแกที่เวียงแหกด้วย เลยแลกเบอร์กันไว้
ที่สถานีมีจุดคัดกรองที่เข้มงวด น่าประทับใจคนเชียงใหม่มากๆที่ใส่ใจการป้องกันโควิทจากนักท่องเที่ยว ทำดีและมีมาตราฐาน
ออกมาขึ้นรถแดงเพื่อไปลงประตูท่าแพ ราคาว่ากันว่าแค่ 30 บาท แต่เราจ่ายมา 60 บาท (ต่อจาก 90บาท)
ขึ้นรถสองแถวสีเหลือง เชียงใหม่-จอมทอง ราคา 30 บาท ไปลงหน้าวัดพระธาตุจอมทอง ถึงเกือบเที่ยง เดินวนไปมาระหว่างท่ารถว่าจะไปไหนต่อดี แต่ค่ารถแพงมาก จะให้เหมา 1,500 กับไปแค่ 4 จุด (ระยะทาง 40 โล เขาว่าซั่น) เลยข้ามฝั่งไปเช่ารถมอไซค์ดีกว่า
เช่ามอไซค์เป็นตัวเลือกที่คิดไว้กรณีที่ไม่มีฝนฟ้าพายุ แล้วคนพื้นที่ประเมินแล้วว่าเราขับได้ ร้านเช่ามอไซค์แนะนำไปน้ำตกอย่างเดียวเลย แต่เราไม่ค่อยชอบไปน้ำตก จึงลงเอยที่ปลายทางขุนแปะ
รถมอไซค์ที่นี่ถือว่าแพง ราคา 300/วัน ทุกรุ่นราคาเดียวกัน เราเอาซูโม่X มา ก็วางมัดจำ 1,000 บาท พร้อมบัตรปชน. ไม่ต้องเติมน้ำมันคืน รถสภาพไม่ค่อยดี ขนาดคนไม่ได้ขับมาเป็น 10 ปี ยังรู้สึกได้ (พิกัดร้านตรงข้ามวัดพระธาตุจอมทอง) ถ้าเช่าต่อก็เอาไปได้เด่วร้านหักจากเงินมัดจำเอง แววโทรหาที่พักที่เดิมจองไว้ของอารียาโฮมสเตย์วันที่ 2 ตุลา ว่าจะขอเช็คอินวันนี้ (วันที่ 1 ตุลา) แทนได้มั้ย แต่เขาไม่มีห้องเลยแนะนำของเพื่อนให้
ทางขับง่ายเหมือนที่ร้านบอกจริงๆ เป็นถนนปูนดีแม้จะขึ้นดอยมาแล้ว แต่สัญญาณดีแทดตายสนิทตั้งแต่ตีนทางเข้า
ใครจะมาให้ใช้ทรูมูฟกับวันทูคอลนะคะ
แม้ว่าทางจะเป็นปูนดีๆ แต่คดเคี้ยวและแคบ สูงชัน ขับขี่ระมัดระวังไม่ประมาท เลยมาถึงช้า เกือบ 2 ชม.ได้มั้ง
แววนัดกับลุงสุพัฒน์ทางโทรศัพท์ไว้หน้าโครงการหลวงแต่ไม่มีโทรศัพท์โทรหาแกได้ เลยไปยืมร้านก๋วยเตี๋ยวหน้ารร.ขุนแปะ แกก็ขับรถกระบะมารับ ซึ่งคุณลุงคนนี้แหละที่ทำให้การมาเที่ยวของเราเปลี่ยนไปอย่างไม่น่าเชื่อ จากที่กำหนดไปแค่ 1-2 วัน กลายเป็น 1 เดือน....