แสงแดดแสนอบอุ่นลอดผ่านใบไม้ทำให้เกิดเงากระทบทาบมายังใบหน้าของทับทิมที่กำลังหนุนตักนุ่มๆ ของหญิงคนหนึ่งโดยที่มือของผู้หญิงคนนี้แสนจะนุ่มนวลมากในยามที่ลูปหัวของทับทิมผ่านเส้นผมเล็กๆ พาให้เธอเคลิบคลิ้ม นานแล้วที่ไม่มีใครทำให้เช่นนี้ เธอพลิกตัวแล้วหันหน้าขึ้นไปมองผู้หญิงที่เธอกำลังหนุนตักอยู่ เป็นจังหวะเดียวกับมือของผู้หญิงผู้นี้หยุดที่หน้าผากของเธอ
“แม่”
เธอเรียกแม่ของเธอพร้อมกับเอามือมาสัมผัสท้องของแม่อย่างแผ่วเบา
แต่ผ่านไปไม่ถึงเสี้ยววินาที จากมือที่เคยนุ่มนวลจากตักที่แสนอบอุ่นของแม่ ถูกแทนที่ด้วยแรงถีบมหาศาล ทำเอาตัวทับทิมกระเด็นออกไปไกลจากความอบอุ่นบัดนี้ถูกแทนที่ไปด้วยความเจ็บปวดทั้งร่างกายและจิตใจ มีเลือดสีแดงสดไหลออกมาจากจมูกหยดลงไปสัมผัสกับยอดใบหญ้าสีเขียวขจีตัดกับสีแดงสดของเลือดจนชัดเจน
แล้วจึงตามด้วยเสียงเหยียบคันเร่งของรถยนต์ขนาดใหญ่พุ่งเข้ามาหาเธออย่างรวดเร็ว พร้อมกับเสียงชนกระแทกอัดร่างเธอ
โคล่ม!!
ทับทิมสะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกครั้ง สิ่งที่อยู่ตรงหน้าเธอบัดนี้คือความว่างเปล่า ท้องฟ้าสีดำสนิทและสถานที่แห่งนี้เธอกรอกตาไปรอบๆ ก็รู้ทันทีว่าเป็นสถานที่ที่ไม่น่าควรจะอยู่บนโลกใบนี้
เมื่อเธอรู้สึกตัวอีกทีว่าเธอกำลังนอนอยู่บนพื้นปูนที่เย็นเฉียบ ที่ขว้างใหญ่จนไปสุดลูกหูลูกตาขนานจะจลดไปกับขอบฟ้าสีดำและมองไปรอบๆ เห็นภาพทุกอย่างเป็นสีเทามันเหมือนกับภาพในความฝันของเธอที่อยู่ในโรงพยาบาลเป็นฝันเดียวกับที่เธอ เห็นการตายของเจ้า ‘อุ๊’
เธอจึงค่อยๆ ลุกขึ้นมาแล้วสิ่งที่เธอเห็นตรงหน้าคือเสือตัวหนึ่งซึ่งมันนั่งอยู่ไม่ห่างจากตรงหน้าเธอ
ทับทิมเองก็ประหลาดใจเธอไม่ทันสังเกตเลยว่าเจ้าเสือตัวนั้นมันประจันหน้าเธอตั้งแต่เมื่อไหร่กัน แล้วที่ปากของเจ้าเสือตัวนั้นมันคาบดอกบัวบานสีม่วงไว้
แล้วทันใดนั้น เจ้าเสือมันก็ลุกขึ้นมาเดินตรงมายังทับทิม อุ้มเท้าของมันถูกยกและแตะลงพื้นอย่างก้าวเข้ามาอย่างสม่ำเสมอ ในอารมณ์ที่สบายซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับทับทิมค่อยๆ ก้าวถอยหลังห่างจากมันเพียงแค่หนึ่งก้าว แล้วจึงกลับมายืนตัวตรงอีกครั้ง
ตอนนี้ตัวของทับทิมเองกลับมีความรู้สึกว่า ความกลัวที่เธอมีต่อเจ้าเสือตัวนั้นค่อยๆ จางหายไปจากครั้งก่อนๆ มาก เหมือนเธอจะรับรู้ว่าเจ้าเสือมันไม่ได้มาเพื่อทำร้ายเธอจากเหตุการณ์ที่ผ่านๆ มาอย่างที่เธอรู้สึก
แล้วทับทิมก็สะดุ้งโหยงเหมือนตัวเองหลุดจากภวังค์อีกครั้ง เจ้าเสือที่เดินตรงมายังเธอก็หายวับไปในพริบตาเธอจึงค่อยๆ มองไปที่มือของเธอปรากฏว่า เธอได้ถือดอกบัวสีม่วง เธอไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ามันมาอยู่ในมือเธอตั้งแต่เมื่อไหร่เพียงแค่คิดในใจชั่วคู่เพียงแค่กระพริบตาครั้งเดียวมันก็อยู่ในมือ แล้วดอกบัวก็แสดงความน่าพิศวงต่อหน้าเธอกลายเป็นสมาร์ทโฟนที่เธอเจอใต้ถุนบ้านคืนนั้น
…..
วันนี้เป็นวันโกน พรุ่งนี้ก็เป็นวันพระใหญ่ ขึ้น 15 ค่ำ
อีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะมีงานเปิดบ้านขอพรให้กับชาวบ้านที่มาทั่วสารทิศ
ป้าบอก ‘ว่าวันนี้จะพิเศษหน่อย’ ต้องเตรียมของให้มากกว่าปกติและโชคดีสำหรับทับทิมที่เธอไม่ต้องเลี้ยงชานมอีกแล้ว แต่พอเธอจะถามป้าว่า ป้าของเธอก็มัวแต่ยุ่งการเตรียมของอยู่ในครัว ถามหาเขียงอันใหญ่ ถามหาเลื่อย ถามหาอุปกรณ์ของมีคมทั้งนั้น ป้าพูดพึมพำบ่นอยู่คนเดียวโดยที่ไม่สนใจทับทิมและที่แปลกคือ ป้าของเธอพอได้ของมีคมเหล่านั้นแล้วก็รีบนำมารับกับหินอย่างบ้าคลั่ง!?
หลายเล่ม แต่ด้ามก็ใหญ่ไม่ใช่เล่นบางเล่มก็ต้องใช้แรงผู้ชายถึงจะยกขึ้นมาได้ มีดเหล่านี้เธอไม่เคยเห็นมาก่อนทำไมป้าของเธอถึงได้เก็บอย่างมิดชิด จะว่าไปเขียงขนาดใหญ่ เธอยิ่งไม่เคยเห็นเข้าไปใหญ่เขียงขนาดใหญ่ที่ป้าหามาได้มันใหญ่เท่ากับสองคนโอบเชียวล่ะ มันถูกนำมาล้างจนสะอาดเรียบร้อย
ทับทิมคิดว่าถ้าไม่เลี้ยงน้ำชาคงน่าจะเลี้ยงอาหารค่ำมื้อหลักเป็นแน่
ชายโสร่งแดง ตอน กุมารี วนเวียน 6
แสงแดดแสนอบอุ่นลอดผ่านใบไม้ทำให้เกิดเงากระทบทาบมายังใบหน้าของทับทิมที่กำลังหนุนตักนุ่มๆ ของหญิงคนหนึ่งโดยที่มือของผู้หญิงคนนี้แสนจะนุ่มนวลมากในยามที่ลูปหัวของทับทิมผ่านเส้นผมเล็กๆ พาให้เธอเคลิบคลิ้ม นานแล้วที่ไม่มีใครทำให้เช่นนี้ เธอพลิกตัวแล้วหันหน้าขึ้นไปมองผู้หญิงที่เธอกำลังหนุนตักอยู่ เป็นจังหวะเดียวกับมือของผู้หญิงผู้นี้หยุดที่หน้าผากของเธอ
“แม่”
เธอเรียกแม่ของเธอพร้อมกับเอามือมาสัมผัสท้องของแม่อย่างแผ่วเบา
แต่ผ่านไปไม่ถึงเสี้ยววินาที จากมือที่เคยนุ่มนวลจากตักที่แสนอบอุ่นของแม่ ถูกแทนที่ด้วยแรงถีบมหาศาล ทำเอาตัวทับทิมกระเด็นออกไปไกลจากความอบอุ่นบัดนี้ถูกแทนที่ไปด้วยความเจ็บปวดทั้งร่างกายและจิตใจ มีเลือดสีแดงสดไหลออกมาจากจมูกหยดลงไปสัมผัสกับยอดใบหญ้าสีเขียวขจีตัดกับสีแดงสดของเลือดจนชัดเจน
แล้วจึงตามด้วยเสียงเหยียบคันเร่งของรถยนต์ขนาดใหญ่พุ่งเข้ามาหาเธออย่างรวดเร็ว พร้อมกับเสียงชนกระแทกอัดร่างเธอ
โคล่ม!!
ทับทิมสะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกครั้ง สิ่งที่อยู่ตรงหน้าเธอบัดนี้คือความว่างเปล่า ท้องฟ้าสีดำสนิทและสถานที่แห่งนี้เธอกรอกตาไปรอบๆ ก็รู้ทันทีว่าเป็นสถานที่ที่ไม่น่าควรจะอยู่บนโลกใบนี้
เมื่อเธอรู้สึกตัวอีกทีว่าเธอกำลังนอนอยู่บนพื้นปูนที่เย็นเฉียบ ที่ขว้างใหญ่จนไปสุดลูกหูลูกตาขนานจะจลดไปกับขอบฟ้าสีดำและมองไปรอบๆ เห็นภาพทุกอย่างเป็นสีเทามันเหมือนกับภาพในความฝันของเธอที่อยู่ในโรงพยาบาลเป็นฝันเดียวกับที่เธอ เห็นการตายของเจ้า ‘อุ๊’
เธอจึงค่อยๆ ลุกขึ้นมาแล้วสิ่งที่เธอเห็นตรงหน้าคือเสือตัวหนึ่งซึ่งมันนั่งอยู่ไม่ห่างจากตรงหน้าเธอ
ทับทิมเองก็ประหลาดใจเธอไม่ทันสังเกตเลยว่าเจ้าเสือตัวนั้นมันประจันหน้าเธอตั้งแต่เมื่อไหร่กัน แล้วที่ปากของเจ้าเสือตัวนั้นมันคาบดอกบัวบานสีม่วงไว้
แล้วทันใดนั้น เจ้าเสือมันก็ลุกขึ้นมาเดินตรงมายังทับทิม อุ้มเท้าของมันถูกยกและแตะลงพื้นอย่างก้าวเข้ามาอย่างสม่ำเสมอ ในอารมณ์ที่สบายซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับทับทิมค่อยๆ ก้าวถอยหลังห่างจากมันเพียงแค่หนึ่งก้าว แล้วจึงกลับมายืนตัวตรงอีกครั้ง
ตอนนี้ตัวของทับทิมเองกลับมีความรู้สึกว่า ความกลัวที่เธอมีต่อเจ้าเสือตัวนั้นค่อยๆ จางหายไปจากครั้งก่อนๆ มาก เหมือนเธอจะรับรู้ว่าเจ้าเสือมันไม่ได้มาเพื่อทำร้ายเธอจากเหตุการณ์ที่ผ่านๆ มาอย่างที่เธอรู้สึก
แล้วทับทิมก็สะดุ้งโหยงเหมือนตัวเองหลุดจากภวังค์อีกครั้ง เจ้าเสือที่เดินตรงมายังเธอก็หายวับไปในพริบตาเธอจึงค่อยๆ มองไปที่มือของเธอปรากฏว่า เธอได้ถือดอกบัวสีม่วง เธอไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ามันมาอยู่ในมือเธอตั้งแต่เมื่อไหร่เพียงแค่คิดในใจชั่วคู่เพียงแค่กระพริบตาครั้งเดียวมันก็อยู่ในมือ แล้วดอกบัวก็แสดงความน่าพิศวงต่อหน้าเธอกลายเป็นสมาร์ทโฟนที่เธอเจอใต้ถุนบ้านคืนนั้น
…..
วันนี้เป็นวันโกน พรุ่งนี้ก็เป็นวันพระใหญ่ ขึ้น 15 ค่ำ
อีกไม่กี่ชั่วโมงก็จะมีงานเปิดบ้านขอพรให้กับชาวบ้านที่มาทั่วสารทิศ
ป้าบอก ‘ว่าวันนี้จะพิเศษหน่อย’ ต้องเตรียมของให้มากกว่าปกติและโชคดีสำหรับทับทิมที่เธอไม่ต้องเลี้ยงชานมอีกแล้ว แต่พอเธอจะถามป้าว่า ป้าของเธอก็มัวแต่ยุ่งการเตรียมของอยู่ในครัว ถามหาเขียงอันใหญ่ ถามหาเลื่อย ถามหาอุปกรณ์ของมีคมทั้งนั้น ป้าพูดพึมพำบ่นอยู่คนเดียวโดยที่ไม่สนใจทับทิมและที่แปลกคือ ป้าของเธอพอได้ของมีคมเหล่านั้นแล้วก็รีบนำมารับกับหินอย่างบ้าคลั่ง!?
หลายเล่ม แต่ด้ามก็ใหญ่ไม่ใช่เล่นบางเล่มก็ต้องใช้แรงผู้ชายถึงจะยกขึ้นมาได้ มีดเหล่านี้เธอไม่เคยเห็นมาก่อนทำไมป้าของเธอถึงได้เก็บอย่างมิดชิด จะว่าไปเขียงขนาดใหญ่ เธอยิ่งไม่เคยเห็นเข้าไปใหญ่เขียงขนาดใหญ่ที่ป้าหามาได้มันใหญ่เท่ากับสองคนโอบเชียวล่ะ มันถูกนำมาล้างจนสะอาดเรียบร้อย
ทับทิมคิดว่าถ้าไม่เลี้ยงน้ำชาคงน่าจะเลี้ยงอาหารค่ำมื้อหลักเป็นแน่