👦🏽🤷THE GLOVES 2020 ถุงมือเรื่องสั้น#50 Week#14, 28 กย. - 2 ตค. "ฉันมีสามีที่ไม่ได้เรื่อง" - ถุงมือ syringe 🤷👧🏽

กระทู้คำถาม
อมยิ้ม49
ถุงมือเรื่องสั้น สัปดาห์ที่ 14 เรื่องที่ 4 ครับ เป็นเรื่องของ สามีภรรยาคู่หนึ่ง ^^

คุณผู้หญิงทังหลายที่แต่งงานแล้ว หรือว่าอย่างน้อยที่สุดกำลังมีแฟน ส่วนใหญ่ ก็น่าเชื่อว่าทุกคนคงจะต้องการให้ผู้ชายของตนเป็นคนเข้มแข็ง เป็นชายชาตรี ปกป้องคุ้มครองตนให้คนในสังคมโลกได้เห็นเป็นประจักษ์ ยิ่งคนที่เคยดูหนังเรื่อง "ผู้หญิงข้าใครอย่าแตะ" ที่เฮีย หลิวเต๋อฮว๋า แสดงแล้วละก็ แทบจะร้อยทั้งร้อย อยากให้พ่อเจ้าประคุณสามีหรือแฟนของตนเป็นเหมือนเฮียหลิวในหนังเรื่องนั้นบ้าง คุณภรรยาในเรื่องนี้ก็เช่นเดียวกัน

แต่ดูเหมือนเธอจะผิดหวัง หงุดหงิดและรำคาญกับคุณสามี เพราะว่า เขาเป็นคนออกแนวเฉยๆ เฉื่อยชา ไม่มีเรื่องราวอะไรกับใคร และหลบหลีกเสมอ จนชาวบ้านต่างว่าเขาเป็นผู้ชายอ่อนแอ ไม่สู้คน หงอ ทั้งๆ ที่เขาก็ล่ำบึ้กถึกทน! แม้กระทั่งคนตัวเล็กกว่าก็ยังท้าตีท้าต่อยกะเขา เขาก็เลี่ยงไปเสีย

น่าอิดหนาระอาใจ ใช่ไหมล่ะท่านผู้ชม ? แต่....คุณภรรยาก็ยังคงอดทน อยู่กินกับเขาเรื่อยมาได้

ทำไม คุณเธอจึงอดทนอยู่กับเขาได้ ??? มี "ทีเด็ด" อะไรอยู่หรือเปล่า ???

ต้องลองหาคำตอบกันดูครับ.... ^^

อมยิ้ม19
ไม่มีใครเชื่อหรอกว่า   ผู้หญิงหน้าตาธรรมดา  จบคณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยชื่อดัง อย่างฉัน  จะเลือกไปทำงานต่างจังหวัด ห่างไกลแสงสีบันเทิง  จะว่าไป มันก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับอุดมการณ์สักเท่าไร แบบว่ามันเป็นความชอบส่วนตัวมากกว่า ฉันเบื่อสังคมวุ่นวายในเมืองใหญ่ จึงพอใจออกไปทำงานในชนบท

แต่จะว่าไป ก็ไม่ได้มีที่ไหน ดีพร้อม ทุกแห่งต่าง มีดี มีเสีย ไปคนละอย่าง แต่ฉันถือว่าชีวิตคือการ สุ่มเสี่ยง อย่างหนึ่ง หลังจากไปทำงานอยู่ในโรงพยาบาลของรัฐได้สามปี ฉันก็แต่งงานกับหนุ่มบ้านนอก ไม่นานเราก็มีพยานรักเป็นลูกสาว เวลานี้อายุหกขวบ ตามมาด้วยลูกชายวัยสี่ขวบ

เกือบสิบปีกับชีวิตการแต่งงาน ฉันเองก็ยังหาคำตอบแท้จริงไม่ได้ ว่าทำไมต้องแต่งงาน

เอก สามีของฉัน  อายุมากกว่าฉันสามปี ถ้าพูดถึงฐานะทางสังคม  เขาไม่มีอะไรมาเทียบฉันได้เลย เขาเรียนจบเพียงการศึกษาภาคบังคับ นิสัยไม่สู้คนในขณะที่ฉันต้องการสามี ที่มีศักยภาพในการปกป้อง  เขาไม่เคยมีเรื่องกับใคร จนชาวบ้านพากันพูดว่า คนอย่างไอ้เอก-- ต่อให้เอามือยัดปาก มันก็ไม่กล้ากัด  สิ่งที่เขาทำเวลาเจอคนมีเรื่องกันคือรีบหนี หรือไม่ก็เข้าห้ามปราม  จนตัวเองโดนลูกหลงหลายครั้ง  เอกไม่เคยสู้ใคร แม้จะมีคนตัวเล็กกว่ามาท้าชก ทั้งที่เขาร่างกายแข็งแรงสมส่วน แบบหนุ่มลูกทุ่ง ด้วยการทำงานหนัก ในเทือกสวนไร่นา

เอกอาศัยอยู่กับคุณแม่ของเขา  ส่วนคุณพ่อเสียชีวิตไปแล้ว จะว่าไปทางบ้านของเอก ก็จัดว่าพอมีพออยู่พอกินสบาย  ขายข้าวหักค่าใช้จ่ายแล้ว ยังได้เงินเก็บให้ครอบครัวปีละเป็นแสน  ฉันปรับตัว เข้ากับแม่สามีได้ดีไม่มีปัญหา ท่านเป็นหัวเรี่ยวหัวแรง ช่วยดูแลลูกทั้งสองคน

น้องๆ ที่มาทำงานใหม่ๆ มักจะคิดว่าฉันเป็นโสด เพราะเอกแทบไม่เคยออกงานสังคมกับฉันเลย เขาไม่ชอบงานเลี้ยงแบบแสงสีเสียงดัง และไม่เคยมาร่วมงานรื่นเริง  จะว่าไปถ้าไม่คิดเรื่องการศึกษาและหน้าที่การงาน เราสองคนรูปร่างหน้าตาก็ควงกันไปไหนมาไหนได้โดยไม่อายใคร เพราะเอกเขาก็ดูดีแบบลูกทุ่ง ก่อนแต่งงานมีสาวๆ มาชอบพอเอกอยู่หลายคน แต่ทำไมฉันต้องมาสนิทกับเอก  ยังไงแบบไหน ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรมากมาย เอาเป็นว่าฉันเองก็คงชอบความเป็นไอ้หนุ่มลูกทุ่งของเขาเหมือนกัน มองตารู้ใจ  ไม่งั้นคงไม่แต่งงานด้วย ยอมทิ้งแฟนเก่ารุ่นพี่ที่ทำงานในกรุงเทพ

แต่ผู้ชายที่อ่อนแอไม่สู้คน พูดจาสุภาพจนน่ารำคาญ จะปกป้องครอบครัวได้ยังไง ?  เอกเอาพลังงานมหาศาลของเขา ใส่ลงไปกับท้องทุ่งท้องนา ทำงานเหมือนเครื่องจักร นั่นละที่เขาปกป้อง

ดูตอนที่น้ำฝน ลูกสาวของฉัน  ถูกครูที่โรงเรียนทำโทษจนเนื้อตัวเขียวช้ำ พอเอกรู้เรื่องเขาก็บอกว่า ไม่เป็นไร เดี่ยวก็หาย  ทำเหมือนเรื่องไม่สำคัญ เป็นฉันที่ออกหน้า บุกไปถึงโรงเรียน ขอพบผู้อำนวยการ  ซึ่งมันก็เป็นอย่างที่ฉันแอบคิดไว้ในใจ ผู้อำนวยการพยายามบอกปัด โน่น นี่ แบบไม่ให้มีเรื่อง  กลัวเสียชื่อเสียง มันทำให้ฉันแค้นมากขึ้นไปอีก แต่ทำอะไรไม่ได้ พวกตำรวจ ก็ดูคุ้นเคยกับผู้อำนวยการ เป็นอย่างดี สังคมชนบทที่ฉันรู้จักเป็นแบบนั้น คำมีอิทธิพลมีความหมายมาก

ดูตอนที่งานประจำหมู่บ้าน  นักเลงต่างถิ่นสองสามคนเมาเหล้าแล้วมารุ่มร่ามกับฉัน ในขณะที่ออกไปตั้งศูนย์ฝ่ายพยาบาลในงาน เอกพอรู้เรื่องเขาก็แค่บอกว่า ไม่เป็นไร ไม่เสียหาย พวกนั้นเป็นลูกชายของกำนันตำบลข้างเคียง อย่าไปมีเรื่อง

ภาพของฉันที่สังคมเห็นคือ ฉันเป็นผู้นำครอบครัวอย่างแท้จริง ส่วนสามีเป็นพวกใช้แรงงาน ออกบ้านไปทำงาน ในไร่ในสวนแทบทุกวัน ความเป็นคนไม่สู้คนของเอก  เป็นที่รู้จักกันดีในหมู่บ้าน ไม่มีใครเกรงใจเขา  แม้แต่เด็กรุ่นน้อง  วงการนักเลงก็ไม่ต้องพูดถึง พากันมองข้ามเอกไปหมด

หลายครั้งที่ฉันคิดว่า กลับไปทำงานในกรุงเทพดีไหม  แต่ฉันก็หาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้อยู่ดี  แม้ว่าสังคมชนบทจะเริ่มเปลี่ยนไป สิ่งมอมเมาชาวบ้านมีมากขึ้น ทั้งการพนัน โดยเฉพาะพนันบอล ยาบ้า และสารเสพติดทั้งหลาย ที่นับวันจะมากขึ้นทุกที ฉันเองก็ไม่อยากจะรู้หรอกว่าพวกผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านในเมือง กำลังทำอะไรกันอยู่  ถึงปล่อยให้สิ่งเสพติดมอมเมาระบาดมากมาย  จนทำลายโครงสร้างของสังคมและครอบครัวอย่างน่ากลัว
  
ฉันอดห่วงเยาวชนและผู้คนในสังคมไม่ได้ แต่ผู้หญิงตัวเล็กอย่างฉันจะทำอะไรได้  ต่อให้พาครอบครัวย้ายหนีไปที่อื่น ฉันก็คิดว่าคงไม่มีที่ไหนอยู่รอดปลอดภัย  ฉันจะหนีใจได้ยังไงว่า  ที่อื่นลูกสาวลูกชายจะรอดพ้นจากสิ่งเลวร้าย ในเมื่อยาเสพติด  มันหาซื้อได้ง่ายยิ่งกว่าการเดินไปซื้อ  จากร้านขายยาเสียอีก

อาทิตย์ก่อนฉันได้ข่าวจากเพื่อน ที่โรงพยาบาล ครูคนเก่าที่ชอบทำโทษนักเรียนก่อเรื่องอีกแล้ว  คราวนี้เผลอไปทำร้ายลูกชายเจ้าของร้านค้าคนสำคัญแห่งหนึ่งในท้องถิ่น  เห็นว่าถึงกับขึ้นโรงขึ้นศาล  แต่ข่าวครูคนนั้นไม่ได้สลดอะไรแม้แต่น้อย  ฉันเริ่มกังวลใจทันที กลัวว่าครูคนนั้นจะมาทำร้ายลูกของฉันอีก

ไม่เป็นไร เดี๋ยวลูกเราก็เรียนจบ  นั่นเป็นคำพูดของเอก เขาคิดแค่นี้จริงๆ

วันนี้ฉันลางาน  นั่งดูทีวีในห้องนั่งเล่น ต้องการใช้สมองคิดหลายๆ เรื่อง  ที่ผ่านมาในชีวิต   จะกลับไปอยู่ในเมืองใหญ่ ก็เห็นข้าวอาชญากรรมทุกวัน ฉันควรทำยังไงดี   อีกหน่อยลูกชายก็จะเข้าโรงเรียน  ไปเจอครูใจร้ายคนนั้นอีก

ข้างฝ่ายสามีตัวดี วันนี้เขาก็หยุดงานด้วย ไม่ออกไปดูแลจัดการเทือกสวนไร่นา คงจะอยู่บ้านเพื่อเอาใจฉันนั่นเอง

“พี่จะอยู่เป็นเพื่อนน้องหมอสักวัน”   นั่นเป็นคำพูดของเขาวานนี้  บอกแล้วว่าเขาเป็นคนพูดจาไพเราะ และเขาก็รักษาคำพูด โน่น ....เวลานี้ล้างถ้วยล้างชามอยู่ในห้องครัวโน่น ทั้งที่ฉันบอกว่าจะทำเอง เอกก็ไม่เชื่อ  ถ้าเอกอยู่บ้าน เขาจะแย่งงานบ้านของฉันไปหมด ไม่ว่าการซักผ้า  ทำอาหาร  ดูแลูก ๆ  ทุกอย่าง   น่ารำคาญเสียจริง

เอกโผล่มาจากห้องครัว  ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าทุกอย่างเรียบร้อย ฟองน้ำยาล้างจานสีขาวติดตามใบหน้า ทำให้ฉันอดหัวเราะไม่ได้ เขานั่งลงข้างฉัน พลางยิ้มเห็นฟันขาว เหมือนรอคำสั่งว่ามีงานอะไรอีกใหม่ ฉันถอนใจ จะจัดการกับคนแบบนี้ยังไงดี

“น้องหมอล่ะเบื่อพวกคนไข้ชีกอจริงๆ” ฉันเริ่มบ่น ระบายเรื่องงานในเขาฟัง   “ยิ่งคนไข้หนุ่มๆ ชอบหาเศษหาเลยกับน้องหมออยู่เรื่อย น้องหมอไม่เท่าไร สงสารน้องๆ ที่เพิ่งมาทำงาน พากันตกใจแทบตาย”

“เหรอ แล้วพวกนั้นเป็นใครกัน”   เอกถามเรื่อยๆ แบบไม่ใส่ใจ นี่จะแสดงความหึงหวงหน่อยไม่ได้หรือไง

“พวกเจ้าโต เจ้าสิงห์  ลูกหลานกำนันตัวดีนั่นละ”

“น้องหมออย่าคิดมากเลย ไม่ได้หลุดติดมือไปได้หรอก”

ฟังที่คุณสามีตัวดีพูด  ฉันแทบร้องกรี๊ด เขาเป็นคนคิดง่ายแบบนี้เสมอ

แต่ทำไมฉันถึงทนเขาได้น่ะเหรอ...อันนี้ฉันก็ไม่แน่ใจ ว่าทำไมทนอยู่กับผู้ชายภาพลักษณ์อ่อนแออย่างเอกได้  สิ่งที่ฉันต้องการคือ ฮีโร่แบบไออนแมน วิ่งไปจัดการคนที่สร้างปัญหา จัดการให้พวกมันศิโรราบ ประกาศก้องต่อชาวโลก ว่า... นี่เมียข้าใครอย่าแต่...อนิจจา ฮีโร่ไม่เคยมีจริงให้ชาวโลกเห็น

“ได้ข่าวครูคนนั้นบ้างไหม”  ฉันถาม เขามองหน้าแล้วทำหน้าซื่ออย่างน่าตบ

“คนไหนครับ น้องหมอ”

“ก็ครูคนที่ทำร้ายลูกของเราไง”

“อ้อ...” เขาทำหน้าแบบนึกได้ “จำได้ๆ  เขามารังแกลูกน้ำฝนอีกแล้วเหรอครับ”

“เปล่าหรอก เห็นชาวบ้านว่าเมื่อคืนวานถูกใครไม่รู้ ตีหัว ทุบแขน ทุบขา อาการปางตาย”

เอกทำหน้าตกใจ ก็แล้วก็พยักหน้าบอกว่า น่าสงสาร... พลางทำหน้าซื่อ ฉันจ้องหน้าเขาแล้วหัวเราะอย่างเริ่มมีอารมณ์ จับตัวของสามีตัวดี ให้มามองหน้ากัน จ้องหน้าพูดกับเขา แบบเน้นเสียงเป็นพิเศษ

“ฝีมือเอกอีกแล้ว ใช่ไหม ? คืนวานเอกหายตัวไปเมื่อคืน เอกรู้ว่าครูเขาต้องไปเข้าเวรกลางคืน ใช่ไหม!?”

เอกหัวเราะแบบไม่เต็มเสียง ประสานสายตากับฉันด้วย

“ก็.......”   เอกพูดไม่ออก ยิ้มแห้ง แต่ประกายตาแวววาว เป็นสายตาที่ฉายแววแห่งความรักและการปกป้องดูแลจนถึงที่สุด สีหน้าแววตาที่คนอื่นไม่มีโอกาสเห็น   ฉันอดคิดถึงชะตากรรมของพวกนักเลงต่างถิ่น ที่เคยมาลวนลามฉันเพราะความเมาไม่ได้   หลังจากนั้นสองเดือน มีข่าวว่าพวกนั้นถูกกลุ่มคู่อริลอบทำร้าย  แขนขาหัก อาการปางตายทุกคน  ตำรวจมุ่งความสนใจไปยังกลุ่มวัยรุ่นต่างถิ่น แต่ไม่มีหลักฐาน เรื่องเลยเงียบจนทุกวันนี้

เจ้าคนขายยาบ้าแถวข้างโรงเรียนก็เหมือนกัน ถูกทำร้ายชนิดไม่ตายก็เลี้ยงไม่โต ตำรวจบอกว่าเป็นการล้างแค้นคนในวงการค้ายา

ยังมีอีกหลายกรณี ที่ฉันไม่ได้พูดถึง เอาเป็นว่า ใครก็ตาม มาทำให้ครอบครัวเดือดเนื้อร้อนใจแบบไม่ถูกต้อง คนพวกนั้นจะมีอันเป็นไปในทางเลวร้ายเสมอ หนักเบาตามระดับความผิด  และสร้างความปวดหัวเวียนเกล้า  ให้พวกตำรวจอย่างหนักทุกครั้ง จับมือใครดมไม่ได้ แถมยังตั้งเป้าผู้ต้องสงสัย ไปแบบคนละทิศละทาง

ไอ้พวกบรรดาคนไข้ ปากไวมือเร็วพวกนี้ก็เหมือนกัน พวกมันถูกหมายหัวไว้แล้ว เพียงรอโอกาสและจังหวะเท่านั้นเอง  เอกเขารอคอย วางแผนแยบยลได้อย่างใจเย็นเหนือคนธรรมดา เหมือนเสือรอตะครุบเหยื่อ เขาเป็นคนฉลาดเป็นกรด กลบร่องรอยอำพรางตัวเองได้ยอดเยี่ยม  รู้ว่ามีหลายอย่างพึ่งกฏหมายไม่ได้ ไม่มีใครสงสัย ชายหน้าซื่อคนนี้ สามีของฉันไม่ได้เรื่อง เพราะเขาไม่เคยแสดงให้ใครเห็นว่า เขามีเรื่อง นั่นเป็นสิ่งที่เขาต้องการให้เป็นในสายตาสังคม

เอาเถอะ...ไม่เป็นฮีโร่ต่อชาวโลกไม่เป็นไร ขอให้เป็นฮีโร่สำหรับฉันคนเดียวเท่านั้นก็พอ และจะมีเพียงฉันเท่านั้น ที่รับรู้ถึงการดูแลรักษาปกป้องของเขา

นี่ฉันเองก็ยังมีเรื่องที่ยังไม่เล่าให้เอกฟัง หลายวันก่อนพวกวัยรุ่นเข้ามาตีกันในโรงพยาบาลข้าวของเสียหาย  ลูกหลานคนใหญ่คนโตแทบทั้งนั้น และเวลานี้หลายคนยังนอนในโรงพยาบาล สถานที่พวกตนเข้าไปก่อเรื่องนั่นละ  ถึงเวลาที่ฉันก็ต้องแสดงศักยภาพของความเป็นภรรยาให้สามีเห็นบ้าง  ฉันนึกถึงยาพิเศษที่ฉันแอบคิดค้นขึ้นมา ยาจะสลายตัวในร่างกายคนไข้ในเวลารวดเร็ว แต่ผลของมันจะยั่งยืน คนพวกนั้นจะหมดสิ้นสมรรถภาพความเป็นชายตลอดไป ไม่สามารถสืบทอดเชื้อชั่วนักเลงได้

ฉันเพิ่งฉีดยาพิเศษให้พวกมันวานนี้เอง  ก่อนลาพักผ่อนมาอยู่กับสามีสุดที่รัก นึกพอใจในผลงาน ก็อย่างที่พูดละนะ บางอย่างเราพึ่งกฏหมายไม่ได้  ในเมื่อกฏหมายไม่ได้มีมาตรฐานเดียว

เราสองสามีภรรยานั่งกุมมือ ยิ้มให้กันอย่างคนเข้าใจกัน จะปกป้องครอบครัวและสังคม  ด้วยวิธีการของเราเอง

ทีนี้คงเข้าใจแล้วสินะ  ว่าฉันและสามีเข้ากันได้ดีเพียงใด ยังจะมีใครเหมาะสมอย่างเราสองคนอีกล่ะ

-----/// จบ ///-----



แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่