ปรึกษาเรื่องการลงทุนทำธุรกิจ

ผมขอท้าวความก่อนนะครับอาจจะยาวหน่อย ผมอายุ 25 ปี ความฝันของผมคือมีธุรกิจส่วนตัวเป็นของตัวเองไม่ต้องไปเป็นลูกจ้างขอแค่ธุรกิจนั้นสามารถเลี้ยงชีพและรับผิดชอบดูแลครอบครัวได้มีเวลาอยู่กับครอบครัวก็พอ ผมได้เริ่มคิดที่จะลงทุนทำฟาร์มเพาะหนูไมค์ชนิดเดียวก่อนเพราะเห็นช่องทางตลาดและความเป็นไปได้บวกกับพี่ชายผมทำฟาร์มงูสีด้วยจึงมีวงการในนั้น ผมเริ่มทำตั้งแต่ปลายปี 2562 โดยเริ่มแรกผมขอทำส่งแค่พี่ของผมก่อน 1 ตู้เพาะ เพราะผมยังไม่มีเงินลงทุนและประสบกาณความรู้เกี่ยวกับหนูหรือธุรกิจ ปัจจุบันนี้ผมทำมาได้ 1 ปี 9 เดือน ซึ่งผมใช้เวลา 1 ปีแรกในการลองทำบวกกับศึกษามันไปด้วย ซึ่งตัวผมเองก็ทำงานประจำควบคู่ไปด้วยเพื่อหาเงินมาลงทุนฟาร์ม พอเข้าสู่ปีที่ 2 คือเมื่อต้นปี 2563 นี้ผมจึงเริ่มเดินหน้าต่อโดยการวางแผนลงทุนซื้อชั้นเพาะแรกของตัวเอง แต่ผมซื้อได้แค่ 1 ตู้เพาะ กับอุปกรณ์นิดหน่อยผมก็ตกงานเพราะวิกฤตโควิด การทำธุรกิจเกี่ยวกับพวกสัตว์มันพึ่งหลายปัจจัยในการที่จะทำให้ผลผลิตนั้นเพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า ปัญหาคือหนูผมนั้นยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้าหรือตลาดเลยแม้แต่น้อย การทำฟาร์มธุรกิจของผมด้วยความที่ผมทุนน้อย คือครั้งแรกผมรับหนูพ่อพันธ์ุแม่พันธุ์มาวันแรกในปีแรก 15 คู่ ซึ่งตอนนี้ พ่อพันธ์ุแม่พันธุ์รวมแล้วมีประมาณ แค่ 450 ตัว ซึ่งไม่สามารถขายได้เพราะไม่เพียงพอแน่นอนสิ่งสำคัญคือต้องเก็บไว้เพาะพันธุเพิ่มอีกเพื่อขยาย วิธีของผมคือค่อยๆเพาะเท่าที่มีพอเริ่มเยอะขึ้นก็จะซื้อตู้เพาะมาเพิ่มแบบค่อยๆขยายไปตามที่หนูให้ผลผลิตออกมา ทีนี้งานประจำก็ตกเงินเก็บก็ไม่มีหมุนค่าอาหารผมจึงหาทางออกโดยการดึงพี่ที่รู้จักเข้ามาร่วมธุรกิจด้วยเพราะเขาเห็นผมทำแล้วเขาก็อยากจะมีเอี่ยวด้วย ผมเลยเสนอเขาโดยการที่เขาไม่ต้องลงแรงเพราะอยู่คนละจังหวัดซึ่งผมทำที่บ้านผม ลงแค่เงินตามที่ผมทำใบเสนอราคาให้ไปเราก็คุยข้อตกลงกันนู้นนี่นั้นกันเสร็จเขาจะมาดูปีละครั้งสองครั้งเขาว่างั้น ปีหน้าผมมีแผนว่าจะขยายฟาร์มอยู่แล้วแต่ระหว่างนี้ผมก็เห็นคู่แข่ง โผล่มาหลายเจ้าซึ่งปีหน้าก็มีแนวโน้มว่าจะโผล่มาอีกประเด็นคือจู่ๆโผล่มาแล้วเขาแทบจะมีพร้อมทุกอย่างผมเลยรู้สึกว่าวิธีการของผมมันช้าไปหรือเปล่าเพราะอย่างที่บอกวิธีการของผมคือเลี้ยงและรอไปพอหนูเริ่มเยอะเมื่อไหร่ก็ค่อยเพิ่มทีละตู้เพาะ ซึ่งปีนี้ 2563 ผมมี 3 ตู้เพาะน่าจะเพิ่มได้อีก 1 ตู้เพาะในปลายปี ซึ่งไม่พอขายคนทำฟาร์มเขาบอกผมว่าอย่างน้อยๆถ้าอยากเห็นเม็ดเงินต้องมีสัก 1000 แม่พันธุ์ขึ้น แต่ยังไม่สามารถเลี้ยงชีพไม่ได้ ซึ่งของเขามี 3000-4000 ตัว ยังไม่พอขาย รายใหญ่ๆมีเป็น 10000 ตัว ซึ่งตอนนี้ผมมีแค่ 450 ตัว ซึ่งมันก็จริงของเขา ซึ่งระหว่างนี้ผมก็ได้มีคนรู้จักอยู่บ้างแต่ยังไม่มีฐานลูกค้าที่ชัดเจนเพราะผมไม่กล้าเสนอหน้าไปขายหนูให้เขา ถ้านิดๆหน่อยๆพอขายได้แต่สั่งมาที 100 200 300 ตัว ผมไม่มีให้ ผมเสียดายที่ผมไม่สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าตรงนี้ได้ ซึ่งผมเห็นคู่แข่งจู่ๆโผล่มาตัดหน้า ผมก็รู้สึกตัวผมเองมันแย่มันช้าหรือกลัวการที่จะลงเงินเยอะเพราะเป็นเงินของพี่เขา เพื่อนผมในกลุ่ม คนนึงก็มีงานดีๆเงินเดือนเยอะ อีกคนทำงานราชการ อีกคนทำงานบริษัท ผมคนเดียวในกลุ่มที่เรียนไม่จบปริญญาแต่ยังไงผมต้องประคองธุรกิจนี้ไปให้ถึงฝันให้ได้เร็วกว่านี้แต่ก็ต้องคำนึงถึงความเสี่ยงด้วย

คำถามอยู่ตรงนี้ครับ

ผมควรจะทำแบบไหนดีระหว่าง
1.ทำแบบเดิมค่อยๆไปช้าๆหนูเกินมาเมื่อไหร่ก็ลงตู้เพาะเพิ่ม แต่ปี 2564 น่าจะยังไม่ทันขายอยู่ดีแต่ก็ไม่รู้ว่าแบบนี้ดีอยู่แล้วรึเปล่า
2.ลงทุนขยายฟาร์มเพิ่มทีเดียวไปเลยเจ็บๆตัว จะได้ทันเจ้าอื่นเขาน่าจะเริ่มพอขาย แค่พอขายได้นะ 

หรือใครมีความรู้หรือวิธีการดีๆแบบอื่นบอกผมได้ครับผมจะเก็บไว้ไปศึกษา
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่