ผ่านมา 10 ปี บางทีก็ต้องรีวิววิธีคิดของเราใหม่ (การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนโปรดศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจ)

ปูพื้นก่อนว่า สนใจการลงทุน ตั้งแแต่สมัยยังเรียน สมัยนั้น สุดยอดทางความคิดคงไม่พ้น คุณลูกยอดกตัญญูโรเบิรต์ ของเรานั่นเอง เราก็อินอ่านะ ถูกปลูกฝังแนวคิดให้เงินทำงาน อ่านหนังสือม่วงๆ ที่ว่าเล่มแรกตั้งแต่ยังเรียน

พอจบมาก็เริ่มเปิด port ซื้อกองทุน ซื้อหุ้น และซื้อประกันทันที พอมีหน้าที่การงานดีขึ้นเงินมากขึ้นก็เริ่มสะสมอสังหา
รุ่นผมนี่ผ่านมาหมดตั้งแต่ ปี 40 ซึ่งตอนนั้นคนบ้านนอกอย่างผมไม่ค่อยจะเดือดร้อน, ฟองสบู่แนสแดคปี 2000 ก็ยังไม่เกี่ยวข้อง, ซับไพร์มตอนเรียนต่อ ตอนนั้น port หุ้นแค่หลักแสนต้นๆ ลบไม่กี่หมื่นก็ยังไม่เดือดร้อน

แต่ เผลอๆ แป๊บๆ การงานก็พัฒนาขึ้น เงินใน port เราจากหลักแสนขำๆ มันก็หลักล้าน อสังหาที่กู้มาอีก 2-3 ที่ ที่ยังก่อให้เกิดกระแสเงินสด แต่...ติดลบ ก็ยังเป็นวิบากกรรมที่เริ่มต้องเผชิญ เมื่ออายุเข้าวัย mid life nearly crisis

ช่วงโควิด ไม่ได้ตกงาน มีเงินจากการทำงานแต่ละเดือนมากกว่าเก่า แต่ port และเทะมากๆ

แล้วเมื่อวัน พฤหัสที่ผ่านมา ฟ้าก็ประทานตามาให้ เนื่องจากวันธรรมดาวันหนึ่ง บมจ โทรมาว่าโปรแกรมลงทุนที่ทำไว้ ต้องเปลี่ยนแปลงสัญญาใหม่ จากเดิมเป็น robot ซื้อขายหุ้น ให้เปลี่ยนเป็น private wealth ก็งงๆ ว่าทำไม เลยได้มีเวลาไปทบทวนผลงานดู ที่ทำมา 2 ปีเศษๆ ที่ผ่านมาถึงกับทำให้คิดได้ว่า ที่ผ่านมามัวแต่ทำงาน แล้วคิดว่าเราลงทุนไปคงมีแต่เสมอตัว ถึงไม่กำไร แต่ก็ขนาดกองทุนของเราก็โตมากขึ้นเรื่อยๆ คงไม่เป็นไร สุดท้ายก็น่าจะได้ปันผลตามที่หวังไว้ ว่าไปนั่นนึกว่าตัวเองเก่งอย่างน้อยก็น้องๆ ดร. ล่ะวะ

นี่คือผลงานที่ทำไว้ ครัช

ใน port จะมีของ Robot ซื้อขายด้านบน และของตัวเองซื้อขายด้านล่างตัดต่อมาเปรียบเทียบให้ทุกท่านดู
และมี graph performance ให้ดูตามรูปนี้ด้วย เยี่ยมจริงๆ ของ บมจ นี้

จะเห็นว่า robot มันก็เก่งกว่าเรานะ ประมาณเท่าตัว จากของเรา -13.77% ของ Robot -6.9% แต่มันก็ยังห่วงอยู่ดีมั้ยอ่ะ ที่หวังว่าจะให้เงินทำงานอะไรนี่คงไม่ใช่ละ

จริงๆ ก็มี port หุ้นอยู่ที่ nomura อีกทีนึง อันนั้นปอดใหญ่กว่านี้ แต่ถือ jasif ตัวเดียวไม่ซื้อไม่ขาย ซึ่งก็คงจะขายเร็วๆ นี้ เพราะตอน Set 1000 จุด jasif ท่านก็ลงไปเยอะ

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
มาแนวนี้คือ จะล้าง port ทั้งหมดสินะ ใช่แล้วครับ แล้วล้างมันทำไม หุ้น blue shittttt ถือไปเรื่อยๆ อีก 5-10 ปี ก็กำไรน่า คงใช่มั้งครั้ง แต่ตอนนี้ก็วัย mid life แล้วอะไรที่ผิดทางบางทีก็น่าจะพิจารณาใหม่ กลายเป็นว่า ผ่านการลงทุนมาร่วมๆ 8-10 ปีนี่ ไม่รู้ว่าเสียให้ตลาดไปกี่บาทกันแน่ คาดว่า คงราวๆ 5 แสน แบบไม่รู้ตัว
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

แล้วเอาไงต่อ แน่นอนครับว่าไม่ใช่ว่าจะถอนเงินสดทุกอย่างมาฝังไหหลังบ้าน อย่างน้อยบางข้อมูลก็ให้แนวคิดใหม่ๆ กับเราได้ เช่น

อันนี้ถือมานานตั้งแต่เริ่มซื้อกองทุนเพื่อลดภาษีเมื่อ 10 ปีที่แล้วเลยทีเดียว ตอนแรกๆ ปีนึงซื้อไม่กี่บาท ทั้ง RMF (ใช่ กอง JB25 RMF ซื้อตั้งแต่เริ่มทำงานปีแรก) และ LTF (LTF น่าจะต้นทุนเฉลี่ย 4-5 ปีโดยประมาณ)

จะเห็นว่า บางอันมันก็ไม่ไหวจริงๆ JB25 RMF ทุนเฉลี่ย 10 ปี ยังติดลบ แล้วแนวโน้มประเทศไทยประชากรหดตัวแบบนี้ ถือยังหลานโตจะบวกได้มั้ย อันนี้น่าคิดเหลือเกิน ถือขนาดนี้มันควร +200% ไม่ใช่เหรอ ตั้งแต่ถือว่า จำได้ว่าบวกอย่างมาก 20% แล้วกลับไปติดลบโดยที่ lock profit ไม่ได้

แล้วบางอันก็แสนประเสริฐ ก็คือ FIF ทั้งหลาย ทั้งฝรั่งหัวทอง ทั้งจีนหัวดำ บวกกันถ้วนทั่ว ไม่เว้นแม้แต่ทองที่เริ่มสะสมมา 2 ปีก็บวกจริงจังมาก

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
รายได้อีกส่วนใหญ่ๆ ลงอสังหาเพื่อลงทุน เป็นทาวน์เฮ้าส์ และตึกแถว ไม่มีคอนโด ต้องผ่อนต่อเดือนประมาณ 8 หมื่นบาท คิดเป็นดอกซัก 2-3 หมื่น (ช่วงนี้ดอกถูกมากๆ) และอีกชิ้น ผ่อนเดือนละ 6 หมื่น คือบ้านตัวเอง คิดเป็นดอกก็อีกเดือนละ 1.5 หมื่น (ก็ผ่อนมาหลายปีต้นลดไปเยอะ และดอกถูกอีกเช่นกัน)
ส่วนที่เป็นดอกนี้ก็กัดกร่อนกระแสเงินสดเราไม่น้อย เพราะ ทรัพย์เพื่อลงทุนก็กระแสเงินสดติดลบ ทรัพย์ไว้อยู่ก็ไม่ก่อรายได้
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

จึงได้ข้อสรุปว่า
1. ตลาดหุ้นมันไม่ใช่ที่เด็กเล่นนะครับท่าน อย่าคิดว่าแน่เผลอตัวมาเป็น 10 ปี ไม่ได้อะไรเลย มีแต่เสียเงินไปทีละนิดทีละนิด
2. คนเราอายุสั้น ยิ่งอายุทำงานยิ่งสั้น หลังโควิด การจะตามหา ห่านไข่ทองคำ สำหรับคนไม่มีฝีมือ คงจะเป็นไปไม่ได้เลย ยิ่งเวลาทำงานยิ่งมีน้อยมากขึ้น เวลาจะสร้างห่านออกไข่ ยิ่งเป็นไปได้ยากมากขึ้น
3. ทฤษฎีเก่าๆ บางทีก็ไม่ใช่สำหรับคนยุคเราอีกต่อไป ถือยาวๆ จนพื้นฐานเปลี่ยนค่อยขาย หรือถ้าลากเส้นตลาดหุ้น dj 100 ปีแล้วกราฟมันขึ้นเป็นเส้นตรงเสมอ อนาคตคงไม่แน่อีกแล้ว
4. อย่ามัวแต่ทำงาน ทบทวนตัวเองบ้าง ทุกปีก็ยังดี นี่ไม่ได้ทบทวนมาอย่างน้อยๆ 4 ปีที่แล้ว

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ดังนั้น นโยบายหลักของผมที่คิดได้ ต่อจากนี้ที่จะทำ เพราะเหลือเวลาทำงานไม่เกิน 10-15 ปี คือ

Asset allocation

ด้วยวิธีการสำคัญ
- อย่างที่หนึ่งคือ เร่งลดหนี้สิน เพราะทุกเงินต้นที่หายไป แปลว่า ดอกเบี้ยทบต้นที่เราจะต้องจ่ายก็ลดลง ในเมื่อหาผลประโยชน์จากตลาดหุ้นไม่ได้ และไม่สามารถเอาเงินออกจากอสังหาได้ (โดยเฉพาะช่วงนี้ที่ไม่น่าจะขายอะไรออกเลย) ก็ต้องลดภาระหนี้ลงจะดีกว่า เป็นการย้ายเงินจากตลาดหุ้นไปลงอสังหา
- อย่างที่สองคือ ลงทุนกองทุนรวมเป็นหลัก ใช้ผลประโยชน์จาก RMF มาช่วยได้ เพราะขั้นอัตราภาษีของผม คือ 30% ได้แต้มต่อเหลือเฟือ แถมอายุตอนนี้ขายตอนอายุ 55 นี่ชักไม่ไกลเกินไปแล้วไม่เหมือนอดีต ข้อดีอีกอย่างของ RMF ก็คือมี FIF ซึ่งที่ผมบอกไว้แล้วว่าต้อง asset allocation คิดว่าต่อไป ตลาดหุ้นไทยที่ไม่มีหุ้นในเศรษฐกิจยุคใหม่ คงไปรอดยากมากๆ ย้ายเงินไปลงตลาด hi-tech และตลาด frontier จะดีกว่า แต่จะให้ไปเอง ก็คงไม่รอด ก็ซื้อ RMF นั่นแหละ อ้อ ลง ทองไว้อีกส่วนประกันความเสี่ยงด้วย
- อย่างที่สามคือ สะสมเงินสด ตอนนี้ใจหายวาบๆ ว่า ทำงานมาตั้งงาน เงินเดือนก็มากมาย เงินสดกุหายไปไหนวะ มาเปิด port ดูถึงเกิดบางอ้อ ว่า อ้อ มันน้ำซึมบ่อทรายไปกับบ่อนนี่เอง ต่อไปต้องชักเงินสดเก็บไว้บ้าง

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

สรุป ความรู้พื้นฐานการเงินช่างอ่อนด้อย เวลาไม่ได้ช่วยให้ฉลาดขึ้น วิธีการหาเงินของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน เลียนแบบแบบลวกๆ ก็ได้ผลดังนี้ ทุกท่านควรทบทวนตัวเองสม่ำเสมอด้วยนะ ว่าที่ผ่านที่ชำนาญในสิ่งที่ทำมั้ย ...... ฝากไว้นะครับ

---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ห้ามด่าผมนะ ยังไงก็ยอมรับว่าที่ผ่านมามันพลาดไปเยอะ ต่อไปจะทำตัวใหม่เป็นเด็กดี
อ้อ แล้วระยะเวลาอาจคลาดเคลื่อนบ้าง คิดๆ ดู รวมเวลาทำงาน รวมเวลาเรียนต่อ แล้วกลับมาทำงานอีก มัน 15 ปีกว่าๆ บวกลบละ ไม่ใช่ 10 ปีตามที่เขียนแต่แรก แสดงว่าแก่จนลืมเวลา
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่