Official Deal เป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับดีล
“อัลบาโร่ โมราต้า” เขากำลังจะกลับไปซบไหล่ม้าลายยูเวนตุสด้วยสัญญายืมตัว 1 ปี คิดค่ายืม 10 ล้านยูโร พร้อมออฟชั่นซื้อขาด 45 ล้านยูโร แต่ทว่ามีแฟนบอลบางกลุ่มบอกว่าเขาไม่ใช่
“ของจริง”!!! บ้างก็ว่าเขาคือนักฟุตบอล
“Overrate” (ถูกอวยเกินฝีเท้า)ซึ่งผมไม่เห็นด้วยอย่างแรง วันนี้ผมจึงอยากจะให้ทุกท่านลองเปิดใจให้กว้างๆ และลองฟังเหตุผลที่ทำให้ผมมองว่าเขาไม่ได้ Overrate!!

ก่อนอื่นขอเล่าถึงประวัติโดยสังเขปของ
“อัลบาโร่ โมราต้า มาร์ติน” เขาเกิดในวันที่ 23 ตุลาคม 1992 ณ กรุงมาดริด ประเทศสเปน สมัยเด็กๆ พ่อของเขาซื้อลูกฟุตบอลให้เป็นของขวัญวันเกิด หลังจากนั้นเขาก็มีลูกฟุตบอลเป็นเพื่อน จนกระทั่งในวัย 3 ขวบ คุณแม่ส่งเขาไปเรียนฟุตบอลในศูนย์ฝึกเยาวชนของ
“เรอัล มาดริด” เขาได้มีโอกาสได้จับมือกับเหล่าตำนานลงสู่สนาม ซานติเอโก เบอร์นาบิว หลายต่อหลายคน ทั้งราอูล, โรแบโต้ คาลอส หรือ กองหน้าคนโปรด เฟอร์นานโด มอริเอ็นเตส
จนกระทั่งเข้าสู่วัย 13 ปีเขาไม่สนใจการเรียนเท่าที่ควร จึงถูกคุณพ่อสั่งให้เลิกเล่นฟุตบอล เขาจึงพยายามตั้งใจเรียนอย่างจริงจังจนพ่ออนุญาตให้เรียนฟุตบอลได้ แต่คราวนี้เขาต้องไปเรียนที่
แอตเลติโก้ มาดริด เพราะว่าใกล้บ้านมากกว่า หลังจากนั้นเขาถูกดึงตัวไป เกตาเฟ่ ซึ่งขณะนั้น เขาคือคนที่เก่งที่สุดในรุ่นจน เรอัล มาดริด ต้องดึงตัวเขากลับไปและได้ขึ้นไปเล่นชุดใหญ่ในสมัยของ “โจเซ่ มูรินโญ่”

สำหรับเหตุผลที่ทำให้ผมมองว่า โมราต้าไม่ได้ Overrate!! เนื่องจาก ประการแรก
“เขามีส่วนรวมกับประตูเยอะถึงจะเป็นแค่สำรอง” โมราต้ามีสถิติการยิงประตูอยู่ในเกณฑ์ที่ดี เขาลงเล่นเกมฟุตบอลระดับลีกอาชีพไปทั้งสิ้น 404 เกม ยิง 148 ประตู กับ 52 แอสซิสต์ เท่ากับว่าทุกๆ 2 เกมเขามักจะมีส่วนร่วมทำประตู 1 ลูก แต่!!! อย่าลืมว่าเขามักจะตกเป็นตัวสำรองเสียเป็นส่วนใหญ่ เพราะสมัยที่มูรินโญ่เรียกมาติดทีมชุดใหญ่ในตอนนั้น ทีมก็มี CR7 และคู่หูเบนเซมา
เมื่อยูเวนตุสยืมไปใช้ในปี 2014 ทั้งซีซั่นเขาต้องตกอยู่ภายใต้เงาของ คาร์ลอส เตเวซ ฤดูกาลต่อมาถูกซื้อขาดก็ฟอร์มดีขึ้นและได้โอกาสลงสนามมากขึ้น ยิง 12 ประตู 11 แอสซิสต์จาก 47 เกม แต่เจ้ากรรม ซีซั่น 2015/16 เปาโล ดีบาล่า ซัดไปถึง 23 ประตูคว้าดาวซัลโวลของทีม สปอร์ตไลท์จึงไม่ส่องไปที่โมราต้ามากนัก เมื่อเ รอัลมาดริด ซื้อตัวกลับไปก็โชว์ฟอร์มแจ่ม ลง 43 นัด ยิง 20 แอสซิสต์ให้เพื่อนอีก 6 ครั้ง
อยากให้ทุกท่านคิดดูว่าคนที่ต้องตกเป็นตัวสำรองแทบจะตลอดเวลากลับมีสถิติมีส่วนร่วมกับประตูได้มากขนาดนี้ แล้วหากเขาได้โอกาสเป็นตัวจริงอย่างสม่ำเสมอจะช่วยทีมได้มากขนาดไหน
เล่นดีในเกมใหญ่ ข้อนี้ผมไม่แน่ใจว่าผมคิดไปเองคนเดียวหรือเปล่า แต่ส่วนหนึ่งที่ทำให้เขามีชื่อเสียง และมักถูกทีมใหญ่ๆ ดึงไปร่วมทีมเพราะเขามักเล่นได้ดีในเกมสำคัญ เขามักจะฝากภาพจำอะไรบางอย่างไว้ในหัวเรา อย่างเช่น เหตุการณ์ที่ทัพม้าลายไปทำศึกกับเสือใต้บาร์เยิร์นมิวนิคแล้วแพ้ไป
4-2 ประตูที่สองที่ทีมยูเวนตุสยิงได้มาจากการลากบอลจากหน้ากรอบเขตโทษตัวเอง ดึงตัวประกอบไป 5 ตัว ก่อนจ่ายถวายพานให้กวาดาโด้ยิงเข้าไป
หรือจะเป็นเกมที่เขี่ยลิเวอร์พูลตกรอบ UCL คาแอนด์ฟิลด์ในฤดูกาลที่แล้ว เขานั่งรอโอกาสอยู่บนม้านั่งสำรองจนกระทั่งถูกส่งลงมาในนาทีที่ 103 ก่อนจะแอสซิสต์ให้ ยอเรนเต้ ยิงเข้าไปในนาทีที่ 105 ตีเสมอเป็น 2-2 และนาทีที่ 120 เขาหลุดเดี่ยวเข้าไปซัดประตูปิดกลอง 2-3 ดับฝันเด็กหงส์ทั่วโลก เกิดเป็นท่าดีใจที่แฟนบอลเอาไว้ล้อเด็กหงส์อยู่พักใหญ่ๆ อยู่ในสนามไม่ถึง 20 นาทีแต่ยิง 1 จ่าย 1
นักฟุตบอลที่มักเล่นได้ดีในเกมสำคัญจำเป็นต่อทุกทีมบนโลก เพราะบางครั้งเราอาจจะต้องหวังพึ่งให้เขาเป็นคนสร้างความแตกต่างในเกม
อาการบาดเจ็บและไม่ได้รับโอกาส ในช่วงแรกที่เขาย้ายไปอยู่กับ
เชลซี ในซีซั่น 2017/18 ฟอร์มถือว่าดีเลยทีเดียว 10 เกมแรกเขามีส่วนร่วมกับประตูถึง 9 ประตู โดยมีการทำแฮตทริคในเกมที่เจอกับ สโต๊ก ซิตี้ เหตุการณ์ทุกอย่างดูไปสวย จนกระทั่งเขาโดนอาการบาดเจ็บรบกวนบริเวณ
แฮมสตริง เขาจึงต้องพักรักษาตัว พอหายกลับมาก็ไม่ค่อยได้รับโอกาสลงสนามมากเท่าที่ควร หลุดไปเป็นตัวสำรองบ้าง บางครั้งก็โดนตัดชื่อออกจากทีมก็เคยมาแล้ว
จนกระทั่งซีซั่น 2018/19 การเข้ามาของ
มาริซิโอ ซาร์รี่ เขาถูกมอบบทบาทให้เป็นตัวสำรองของ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ จนกระทั่งช่วงเดือนธันวาคมเขาถูกตัดชื่อออกจากทีมแล้วปล่อยไปให้ แอตเลติโก้ มาดริด ยืมใช้งาน ผมเชื่อว่าเหตุการณ์เหล่านี้ทำให้เขาเปลี่ยนไป ทั้งอาการบาดเจ็บและการไม่ได้รับโอกาสจากกุนซือทำให้ฟอร์มที่เคยดีหายไป ตำแหน่งกองหน้าเป็นตำแหน่งที่ต้องการยิงประตูเพื่อเรียกความมั่นใจ แต่เขาไม่แม้แต่จะได้รับโอกาสให้เรียกความมั่นใจเสียด้วยซ้ำ

จนกระทั่งในฤดูกาล 2019/20 โมราต้าเริ่มกลับมาฟอร์มดีอีกครั้งด้วยการ ยิงไป 16 ประตู กับ 4 แอสซิสต์ ยืนเด่นเป็นสง่าในฐานะดาวซัลโวลของทีมตราหมี ผมเชื่อว่าเขาคือนักฟุตบอลชั้นยอด และเขาสามารถถล่มสกอร์ได้อีกเป็นกอบเป็นกำแน่นอน เพราะอย่าลืมว่าตอนนี้เขามีอายุเพียง 27 ปีเท่านั้น!!
เขายังมีเวลาอีกหลายปีให้พิสูจน์ตัวเองว่าเขาคือ
“ของจริง” มิใช่นักฟุตบอล
“Overrate” อย่างที่หลายคนเข้าใจ

.
.
เขียนโดย FootballWorm
ปล. รู้หรือไม่? โมราต้า เป็นนักฟุตบอลที่มีค่าตัวการย้ายทีมทุกครั้งรวมกันแพงเป็นอันดับ 6 ของโลกฟุตบอลด้วยสนนราคา 157 ล้านปอนด์
· ย้ายครั้งแรกไป ยูเวนตุส 15.8 ล้านปอนด์
· ย้ายกลับ เรอัล มาดริด 27 ล้านปอนด์
· ย้ายไป เชลซี 58 ล้านปอนด์
· ย้ายไป แอตเลติโก้ มาดริด 58 ล้านปอนด์
อนาคตหาก ยูเวนตุส ซื้อขาดหลังจบฤดูกาลนี้ จะเพิ่มไปอีก 41 ล้านปอนด์
โมราต้า Overrate จริงหรือ?
ก่อนอื่นขอเล่าถึงประวัติโดยสังเขปของ “อัลบาโร่ โมราต้า มาร์ติน” เขาเกิดในวันที่ 23 ตุลาคม 1992 ณ กรุงมาดริด ประเทศสเปน สมัยเด็กๆ พ่อของเขาซื้อลูกฟุตบอลให้เป็นของขวัญวันเกิด หลังจากนั้นเขาก็มีลูกฟุตบอลเป็นเพื่อน จนกระทั่งในวัย 3 ขวบ คุณแม่ส่งเขาไปเรียนฟุตบอลในศูนย์ฝึกเยาวชนของ “เรอัล มาดริด” เขาได้มีโอกาสได้จับมือกับเหล่าตำนานลงสู่สนาม ซานติเอโก เบอร์นาบิว หลายต่อหลายคน ทั้งราอูล, โรแบโต้ คาลอส หรือ กองหน้าคนโปรด เฟอร์นานโด มอริเอ็นเตส
จนกระทั่งเข้าสู่วัย 13 ปีเขาไม่สนใจการเรียนเท่าที่ควร จึงถูกคุณพ่อสั่งให้เลิกเล่นฟุตบอล เขาจึงพยายามตั้งใจเรียนอย่างจริงจังจนพ่ออนุญาตให้เรียนฟุตบอลได้ แต่คราวนี้เขาต้องไปเรียนที่ แอตเลติโก้ มาดริด เพราะว่าใกล้บ้านมากกว่า หลังจากนั้นเขาถูกดึงตัวไป เกตาเฟ่ ซึ่งขณะนั้น เขาคือคนที่เก่งที่สุดในรุ่นจน เรอัล มาดริด ต้องดึงตัวเขากลับไปและได้ขึ้นไปเล่นชุดใหญ่ในสมัยของ “โจเซ่ มูรินโญ่”
สำหรับเหตุผลที่ทำให้ผมมองว่า โมราต้าไม่ได้ Overrate!! เนื่องจาก ประการแรก “เขามีส่วนรวมกับประตูเยอะถึงจะเป็นแค่สำรอง” โมราต้ามีสถิติการยิงประตูอยู่ในเกณฑ์ที่ดี เขาลงเล่นเกมฟุตบอลระดับลีกอาชีพไปทั้งสิ้น 404 เกม ยิง 148 ประตู กับ 52 แอสซิสต์ เท่ากับว่าทุกๆ 2 เกมเขามักจะมีส่วนร่วมทำประตู 1 ลูก แต่!!! อย่าลืมว่าเขามักจะตกเป็นตัวสำรองเสียเป็นส่วนใหญ่ เพราะสมัยที่มูรินโญ่เรียกมาติดทีมชุดใหญ่ในตอนนั้น ทีมก็มี CR7 และคู่หูเบนเซมา
เมื่อยูเวนตุสยืมไปใช้ในปี 2014 ทั้งซีซั่นเขาต้องตกอยู่ภายใต้เงาของ คาร์ลอส เตเวซ ฤดูกาลต่อมาถูกซื้อขาดก็ฟอร์มดีขึ้นและได้โอกาสลงสนามมากขึ้น ยิง 12 ประตู 11 แอสซิสต์จาก 47 เกม แต่เจ้ากรรม ซีซั่น 2015/16 เปาโล ดีบาล่า ซัดไปถึง 23 ประตูคว้าดาวซัลโวลของทีม สปอร์ตไลท์จึงไม่ส่องไปที่โมราต้ามากนัก เมื่อเ รอัลมาดริด ซื้อตัวกลับไปก็โชว์ฟอร์มแจ่ม ลง 43 นัด ยิง 20 แอสซิสต์ให้เพื่อนอีก 6 ครั้ง
อยากให้ทุกท่านคิดดูว่าคนที่ต้องตกเป็นตัวสำรองแทบจะตลอดเวลากลับมีสถิติมีส่วนร่วมกับประตูได้มากขนาดนี้ แล้วหากเขาได้โอกาสเป็นตัวจริงอย่างสม่ำเสมอจะช่วยทีมได้มากขนาดไหน
เล่นดีในเกมใหญ่ ข้อนี้ผมไม่แน่ใจว่าผมคิดไปเองคนเดียวหรือเปล่า แต่ส่วนหนึ่งที่ทำให้เขามีชื่อเสียง และมักถูกทีมใหญ่ๆ ดึงไปร่วมทีมเพราะเขามักเล่นได้ดีในเกมสำคัญ เขามักจะฝากภาพจำอะไรบางอย่างไว้ในหัวเรา อย่างเช่น เหตุการณ์ที่ทัพม้าลายไปทำศึกกับเสือใต้บาร์เยิร์นมิวนิคแล้วแพ้ไป
4-2 ประตูที่สองที่ทีมยูเวนตุสยิงได้มาจากการลากบอลจากหน้ากรอบเขตโทษตัวเอง ดึงตัวประกอบไป 5 ตัว ก่อนจ่ายถวายพานให้กวาดาโด้ยิงเข้าไป
หรือจะเป็นเกมที่เขี่ยลิเวอร์พูลตกรอบ UCL คาแอนด์ฟิลด์ในฤดูกาลที่แล้ว เขานั่งรอโอกาสอยู่บนม้านั่งสำรองจนกระทั่งถูกส่งลงมาในนาทีที่ 103 ก่อนจะแอสซิสต์ให้ ยอเรนเต้ ยิงเข้าไปในนาทีที่ 105 ตีเสมอเป็น 2-2 และนาทีที่ 120 เขาหลุดเดี่ยวเข้าไปซัดประตูปิดกลอง 2-3 ดับฝันเด็กหงส์ทั่วโลก เกิดเป็นท่าดีใจที่แฟนบอลเอาไว้ล้อเด็กหงส์อยู่พักใหญ่ๆ อยู่ในสนามไม่ถึง 20 นาทีแต่ยิง 1 จ่าย 1
นักฟุตบอลที่มักเล่นได้ดีในเกมสำคัญจำเป็นต่อทุกทีมบนโลก เพราะบางครั้งเราอาจจะต้องหวังพึ่งให้เขาเป็นคนสร้างความแตกต่างในเกม
อาการบาดเจ็บและไม่ได้รับโอกาส ในช่วงแรกที่เขาย้ายไปอยู่กับ เชลซี ในซีซั่น 2017/18 ฟอร์มถือว่าดีเลยทีเดียว 10 เกมแรกเขามีส่วนร่วมกับประตูถึง 9 ประตู โดยมีการทำแฮตทริคในเกมที่เจอกับ สโต๊ก ซิตี้ เหตุการณ์ทุกอย่างดูไปสวย จนกระทั่งเขาโดนอาการบาดเจ็บรบกวนบริเวณ แฮมสตริง เขาจึงต้องพักรักษาตัว พอหายกลับมาก็ไม่ค่อยได้รับโอกาสลงสนามมากเท่าที่ควร หลุดไปเป็นตัวสำรองบ้าง บางครั้งก็โดนตัดชื่อออกจากทีมก็เคยมาแล้ว
จนกระทั่งซีซั่น 2018/19 การเข้ามาของ มาริซิโอ ซาร์รี่ เขาถูกมอบบทบาทให้เป็นตัวสำรองของ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ จนกระทั่งช่วงเดือนธันวาคมเขาถูกตัดชื่อออกจากทีมแล้วปล่อยไปให้ แอตเลติโก้ มาดริด ยืมใช้งาน ผมเชื่อว่าเหตุการณ์เหล่านี้ทำให้เขาเปลี่ยนไป ทั้งอาการบาดเจ็บและการไม่ได้รับโอกาสจากกุนซือทำให้ฟอร์มที่เคยดีหายไป ตำแหน่งกองหน้าเป็นตำแหน่งที่ต้องการยิงประตูเพื่อเรียกความมั่นใจ แต่เขาไม่แม้แต่จะได้รับโอกาสให้เรียกความมั่นใจเสียด้วยซ้ำ
จนกระทั่งในฤดูกาล 2019/20 โมราต้าเริ่มกลับมาฟอร์มดีอีกครั้งด้วยการ ยิงไป 16 ประตู กับ 4 แอสซิสต์ ยืนเด่นเป็นสง่าในฐานะดาวซัลโวลของทีมตราหมี ผมเชื่อว่าเขาคือนักฟุตบอลชั้นยอด และเขาสามารถถล่มสกอร์ได้อีกเป็นกอบเป็นกำแน่นอน เพราะอย่าลืมว่าตอนนี้เขามีอายุเพียง 27 ปีเท่านั้น!!
เขายังมีเวลาอีกหลายปีให้พิสูจน์ตัวเองว่าเขาคือ “ของจริง” มิใช่นักฟุตบอล “Overrate” อย่างที่หลายคนเข้าใจ
.
.
เขียนโดย FootballWorm
ปล. รู้หรือไม่? โมราต้า เป็นนักฟุตบอลที่มีค่าตัวการย้ายทีมทุกครั้งรวมกันแพงเป็นอันดับ 6 ของโลกฟุตบอลด้วยสนนราคา 157 ล้านปอนด์
· ย้ายครั้งแรกไป ยูเวนตุส 15.8 ล้านปอนด์
· ย้ายกลับ เรอัล มาดริด 27 ล้านปอนด์
· ย้ายไป เชลซี 58 ล้านปอนด์
· ย้ายไป แอตเลติโก้ มาดริด 58 ล้านปอนด์
อนาคตหาก ยูเวนตุส ซื้อขาดหลังจบฤดูกาลนี้ จะเพิ่มไปอีก 41 ล้านปอนด์