ในทางการเมืองนักการเมืองเป็นฝ่ายขาย ฝ่ายซื้อคือประชาชน...ฝ่ายขายให้ผลงาน ฝ่ายซื้อให้ศรัทธาตอบแทน ...นักการเมืองที่มีผลงานมาก ก็ได้รับศรัทธากลับมามาก ..
ในทางการค้าพ่อค้าเป็นฝ่ายขาย ฝ่ายซื้อคือลูกค้า....พ่อค้าให้สินค้า ลูกค้าให้เงินสดตอบแทน..
บางครั้งดีลทางการเมืองและดีลทางการค้า มีสิ่งที่ต้องใช้เหมือนกันอย่างนึงนั่นคือ "เครดิต"
ว่าด้วย เครดิต
ทางการเมือง..นักการเมืองที่มีเครดิตอาจได้ศรัทธาไปก่อนที่จะมีผลงาน..
แต่ในทางการค้า..ลูกค้าจะได้สินค้าไปก่อน ลูกค้าต้องมีเครดิต ลูกค้าคนไหนที่ไม่มีเครดิต จะขอเอาสินค้าไปก่อน แล้วโอนเงินตามทีหลัง คงไม่มีพ่อค้าคนไหนยอมปล่อยสินค้าให้ เพราะตัวลูกค้าไม่มีความน่าเชื่อถือ.. สู้ยอมลดราคาสี่บาทห้าบาทเก็บเงินสดๆดีกว่า...ว่ามั๊ย.
แต่ในทางการเมืองนี้ เหมือนพ่อค้าที่ปล่อยสินค้าคือผลงานไปแล้ว ลูกค้าคือประชาชนบางกลุ่มกลับไม่ยอมให้ศรัทธาเป็นค่าสินค้า แถมยังก่อม๊อบบ่นมุ้งมิ้งเป็นหมีกินผึ้ง ....สี่บาทห้าบาท พ่อค้าก็ลดราวาศอกให้แล้ว มันจะบ่นอะไรนักหนา....น่ารำคาญจริงๆมิ้งมุ้งเนี่ย...คิดเหมือนปู่ไหมครับ.
ปล.1 ปู่เป็นทั้งพ่อค้าและลูกค้า
...ในสถานะที่ปู่เป็นพ่อค้า เศษเงินสี่บาทห้าบาทปู่ไม่เอา บอกลดให้ลูกค้าเลยไม่ต้องรอให้ลูกค้าขอลด
...ในสถานะที่ปู่เป็นลูกค้าไปซื้อของร้านไหน ปู่ไม่เคยบ่นร้านค้า ต่อคำเดียว ลดให้ก็ซื้อ ไม่ลดให้ก็ต้องซื้อ เพราะปู่ต้องการสินค้าเพื่อมาทำงานให้เสร็จ เค้าไม่มีน้ำใจลดให้สี่บาทห้าบาทก็ไม่บ่น แต่ถ้าร้านไหนลดราคาให้ ปู่ก็อวยพรให้ร่ำรวยมหาศาล บางครั้งคำอวยพรมีค่ายิ่งกว่าสี่บาทห้าบาทอีกนะ..
ปล.2 สังคมจะน่าอยู่ หากทุกคนพยายามมองหาความผิดของตัวเองแล้วแก้ไข... สังคมจะไม่น่าอยู่เพราะทุกคนพยายามเพ่งโทษหาความผิดของคนอื่น...นะ
นักการเมืองขายผลงานต้องการศรัทธา ดุจพ่อค้าขายสินค้าต้องการเงินสด..
ในทางการค้าพ่อค้าเป็นฝ่ายขาย ฝ่ายซื้อคือลูกค้า....พ่อค้าให้สินค้า ลูกค้าให้เงินสดตอบแทน..
บางครั้งดีลทางการเมืองและดีลทางการค้า มีสิ่งที่ต้องใช้เหมือนกันอย่างนึงนั่นคือ "เครดิต"
ว่าด้วย เครดิต
ทางการเมือง..นักการเมืองที่มีเครดิตอาจได้ศรัทธาไปก่อนที่จะมีผลงาน..
แต่ในทางการค้า..ลูกค้าจะได้สินค้าไปก่อน ลูกค้าต้องมีเครดิต ลูกค้าคนไหนที่ไม่มีเครดิต จะขอเอาสินค้าไปก่อน แล้วโอนเงินตามทีหลัง คงไม่มีพ่อค้าคนไหนยอมปล่อยสินค้าให้ เพราะตัวลูกค้าไม่มีความน่าเชื่อถือ.. สู้ยอมลดราคาสี่บาทห้าบาทเก็บเงินสดๆดีกว่า...ว่ามั๊ย.
แต่ในทางการเมืองนี้ เหมือนพ่อค้าที่ปล่อยสินค้าคือผลงานไปแล้ว ลูกค้าคือประชาชนบางกลุ่มกลับไม่ยอมให้ศรัทธาเป็นค่าสินค้า แถมยังก่อม๊อบบ่นมุ้งมิ้งเป็นหมีกินผึ้ง ....สี่บาทห้าบาท พ่อค้าก็ลดราวาศอกให้แล้ว มันจะบ่นอะไรนักหนา....น่ารำคาญจริงๆมิ้งมุ้งเนี่ย...คิดเหมือนปู่ไหมครับ.
ปล.1 ปู่เป็นทั้งพ่อค้าและลูกค้า
...ในสถานะที่ปู่เป็นพ่อค้า เศษเงินสี่บาทห้าบาทปู่ไม่เอา บอกลดให้ลูกค้าเลยไม่ต้องรอให้ลูกค้าขอลด
...ในสถานะที่ปู่เป็นลูกค้าไปซื้อของร้านไหน ปู่ไม่เคยบ่นร้านค้า ต่อคำเดียว ลดให้ก็ซื้อ ไม่ลดให้ก็ต้องซื้อ เพราะปู่ต้องการสินค้าเพื่อมาทำงานให้เสร็จ เค้าไม่มีน้ำใจลดให้สี่บาทห้าบาทก็ไม่บ่น แต่ถ้าร้านไหนลดราคาให้ ปู่ก็อวยพรให้ร่ำรวยมหาศาล บางครั้งคำอวยพรมีค่ายิ่งกว่าสี่บาทห้าบาทอีกนะ..
ปล.2 สังคมจะน่าอยู่ หากทุกคนพยายามมองหาความผิดของตัวเองแล้วแก้ไข... สังคมจะไม่น่าอยู่เพราะทุกคนพยายามเพ่งโทษหาความผิดของคนอื่น...นะ