ในวันนี้ 23 กันยายน เวลา 20:00น. BTS ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ในฐานะผู้บรรยายพิเศษเพื่อส่งต่อถ้อยคำแห่งความหวังในหัวข้อ ‘ใช้ชีวิตในโลกใบใหม่อีกครั้ง’ แก่คนรุ่นใหม่ผู้เผชิญความยากลำบากจากสถานการณ์ COVID-19 ในการอภิปรายระดับสูงของสมัชชาความเป็นปึกแผ่นเพื่อความมั่นคงทางสุขภาพของโลก ภายใต้การประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติครั้งที่ 75 สมัชชาความเป็นปึกแผ่นเพื่อความมั่นคงทางสุขภาพของโลก ก่อตั้งโดยกระทรวงการต่างประเทศ แห่งประเทศเกาหลีใต้ โดยมีคณะผู้แทนถาวรเกาหลีประจำสหประชาชาติเป็นศูนย์กลาง เพื่อสร้างเวทีการอภิปรายโดยเสรีและเสริมประสิทธิภาพในการรับมือต่อปัญหาความมั่นคงทางสุขภาพ เช่น สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ต่อไปเป็น สุนทรพจน์ BTS ฉบับเต็ม
RM: ขอขอบคุณตัวแทนสมัชชาความเป็นปึกแผ่นเพื่อความมั่นคงทางสุขภาพของโลก, ผู้อำนวยการ UNICEF, ผู้ทรงคุณวุฒิ และแขกผู้มีเกียรติจากทั่วโลก เป็นเกียรติอย่างยิ่งสำหรับพวกเราที่ได้รับโอกาสอันทรงคุณค่าเพื่อมาพูดในการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติครั้งที่ 75 ครับ
ผมชื่อ RM ลีดเดอร์จากวง BTS ครับ สองปีที่แล้วที่นี่ ผมถามชื่อของคุณ ผมผลักดันให้ผมได้ยินเสียงของคุณ และผมปล่อยให้ตัวเองได้เติมเต็มไปด้วยจินตนาการ ในฐานะเด็กชายคนหนึ่งจากเมืองเล็กๆ อย่างอิลซานในประเทศเกาหลี, ในฐานะชายหนุ่มที่ยืนอยู่ ณ การประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ, ในฐานะประชากรของโลกใบนี้ ผมเฝ้าจินตนาการถึงความเป็นไปได้อันไร้ขีดจำกัดที่จะเกิดขึ้นเบื้องหน้าเรา และหัวใจของผมก็เต้นระรัวด้วยความตื่นเต้น แต่ COVID-19 กลับอยู่เหนือจินตนาการของผม คอนเสิร์ตเวิลด์ทัวร์ของพวกเราถูกยกเลิก แพลนทุกอย่างของพวกเรายุติลง และผมเองก็รู้สึกเดียวดาย ผมแหงนมองฟ้าแต่กลับไม่เห็นดวงดาว
Jimin: ผมสิ้นหวังครับ เหมือนทุกสิ่งทุกอย่างมันพังทลายลงมา ผมทำได้เพียงมองออกไปนอกหน้าตา และที่ๆ ผมจะไปได้มีเพียงในห้องของผมเอง เมื่อวานผมยังเต้นและร้องเพลงอยู่กับแฟนๆ ทั่วโลก แต่วันนี้ราวกับว่าโลกของผมลดลงเหลือเพียงห้องๆ เดียว ในตอนนั้นเองที่เพื่อนๆ ของผมจับมือผมไว้ เราปลอบโยนกันและกัน และพูดคุยกันว่ามีอะไรที่เราสามารถทำได้บ้าง
SUGA: นานมาแล้วนับตั้งแต่เดบิวต์มาที่พวกเราได้พบกับ ‘ชีวิตประจำวัน’ เป็นครั้งแรก แม้มันอาจไม่ใช่สิ่งที่พวกเราต้องการ แต่ก็ถือเป็นช่วงเวลาที่มีคุณค่ากับพวกเราอย่างยิ่ง การที่โลกที่กว้างใหญ่ไพศาลหดตัวลงภายในพริบตาคือประสบการณ์ที่ผมคุ้นเคยเป็นอย่างดี เพราะระหว่างทำการแสดงเวิลด์ทัวร์ ผมยืนอยู่ท่ามกลางแสงไฟที่สว่างไสวกับเสียงเชียร์ของแฟนๆ แต่พอกลับมาที่ห้องพักในคืนนั้น โลกของผมก็แปรเปลี่ยนเป็นพื้นที่เพียงไม่กี่พยอง* แม้ในห้องจะเป็นเพียงห้องเล็กๆ แต่โลกของผมและพวกเรากลับแผ่ขยายออกไปกว้างใหญ่ไพศาล เพราะมีเครื่องดนตรี, สมาร์ทโฟน และแฟนๆ อยู่ในโลกใบนั้นนั่นเองครับ *1 พยอง = 3.3057 ตารางเมตร
V: แต่ถึงอย่างนั้น ครั้งนี้ผมทั้งรู้สึกเดียวดาย และต่ำต้อยยิ่งกว่าที่ผ่านมา ผมคิดอยู่พักหนึ่งเลยว่าเพราะเหตุใดกัน ‘บางทีอาจเป็นเพราะมันยากขึ้นที่จะจินตนาการ’ ผมรู้สึกอึดอัดและหดหู่ต่อสถานการณ์ในตอนนี้ แต่ก็จดบันทึก, แต่งเพลง และย้อนมองดูตัวเองพร้อมกับคิดว่า ‘หากผมยอมแพ้ลงตอนนี้ ผมก็คงไม่ได้เป็นคนสำคัญในชีวิตของตัวเอง นี่ต่างหากคือสิ่งที่คนเก่งๆ เขาทำกัน’
j-hope: ผมไม่รู้หรอกครับว่าใครเริ่มเป็นคนแรก แต่พวกเราทั้งเจ็ดคนก็โอบรับความรู้สึกมากมายนั้นไว้ และเริ่มต้นทำเพลงด้วยกัน เพราะเราเริ่มต้นทำเพลงขึ้นแบบนั้น เราถึงตรงไปตรงมากับทุกสิ่งทุกอย่างได้ เหมือนกับชีวิตที่พวกเราไม่อาจคาดการณ์ได้ มันก็ไม่มีคำตอบที่กำหนดเอาไว้เช่นกันครับ ในสถานการณ์ที่ผมรู้เพียงทิศทาง แต่ไม่รู้ว่าวิถีทางที่ชัดเจน ผมเชื่อในตัวผมและพวกเรา, ทำเต็มที่เท่าที่ทำได้ และสนุกกับช่วงเวลาที่มี ถึงได้มาถึงจุดนี้ได้ครับ
Jin: ระหว่างที่ทำเพลง ผมค้นพบเมมเบอร์, ครอบครัว และเพื่อนๆ ที่ผมรัก อีกทั้งตัวตนที่ผมลืมเลือนไปอีกครั้ง ความกังวลที่มีต่ออนาค และความพากเพียรที่ไม่มีหยุดหย่อน ทุกอย่างล้วนเป็นสิ่งสำคัญ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการทะนุถนอมตัวเอง, ให้กำลังใจตัวเอง และทำให้ตัวเองมีความสุขที่สุดครับ ในโลกที่ทุกสิ่งทุกอย่างไม่แน่นอน เราควรที่จะรักษาไว้ซึ่งความสำคัญของ ‘ผม, ‘คุณ’ และ ‘เรา’ เอาไว้เสมอ ก็เหมือนกับถ้อยคำของ ‘LOVE MYSELF’ ที่พวกผมพร่ำบอกมาตลอด 3 ปี และเหมือนกับเนื้อเพลง ‘Dynamite’ ของเราที่ว่า ‘I’m diamond, you know I glow up’ ครับ
Jung Kook: ในคืนหนึ่งที่พวกเราทำเพลงอยู่ด้วยกัน RM ฮยองบอกว่ามองไม่เห็นดวงดาว ในตอนนั้นผมมองเห็นเพียงใบหน้าของผมที่สะท้อนอยู่ในกระจก และมองเห็นใบหน้าของพวกเราทุกคน เราจึงทำเพลงที่อยากบอกเล่าเรื่องราวให้กันและกันได้ฟัง แม้เราจะใช้ชีวิตอยู่ในวันนี้ที่ไม่แน่นอน แต่จริงๆ แล้วไม่มีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปเลยครับ หากมีอะไรที่ผมทำได้ล่ะก็ หากเราสามารถมอบพลังให้ผู้คนมากมายผ่านเสียงของพวกเราได้ล่ะก็ พวกเราก็อยากที่จะทำ และจะดำเนินต่อไปครับ
RM: เมื่อผมเริ่มรู้สึกหลงทาง ผมนึกถึงใบหน้าของผมที่สะท้อนอยู่ในกระจกอย่างที่จองกุกพูดขึ้นมา ผมจำถ้อยคำที่ผมพูดที่นี่เมื่อสองปีก่อนได้ ‘จงรักตัวเอง และบ่งบอกความเป็นตัวเอง’ และในครั้งนี้ยิ่งกว่าครั้งไหนๆ เราต้องพยายามที่จะจดจำให้ได้ว่าเราเป็นใครและเผชิญกับตัวตนที่เราเป็น เราต้องพยายามที่จะรักตัวเอง และจินตนาการถึงอนาคตข้างหน้า BTS เองก็จะคอยอยู่ตรงนั้นกับคุณครับ ในวันพรุ่งนี้อาจมืดมิด, เจ็บปวด และยากลำบาก เราอาจโซซัดโซเซหรือล้มลง แต่ดวงดาวนั้นส่องสว่างที่สุดเมื่อค่ำคืนมืดมิดที่สุดครับ และแม้ดวงดาวจะถูกบดบัง เราก็จะให้ดวงจันทร์นำทางเราไปข้างหน้า และต่อให้ดวงจันทร์มืดมิด ก็ให้ใบหน้าของเราเป็นแสงสว่างที่ช่วยให้เราหาหนทางของเราเจอ มาจินตนาการโลกของเราขึ้นใหม่กันเถอะครับ พวกเราเกาะกลุ่มกันอยู่อย่างเหนื่อยล้า แต่มามีความฝันกันอีกครั้งเถอะครับ มาใฝ่ฝันถึงอนาคตข้างหน้าในวันที่โลกของเราเริ่มต้นใหม่ได้อีกครั้งนอกห้องเล็กๆ ของเรา เราอาจรู้สึกเหมือนมันเป็นค่ำคืนที่ทอดยาวอยู่ตลอดเวลา และเราจะอยู่เพียงลำพังตลอดไป แต่ค่ำคืนนั้นมืดมิดที่สุดเสมอก่อนที่แสงแรกแห่งอรุณจะมาถึงนั่นเองครับ
Jung Kook, Jimin, V, j-hope, Jin, SUGA, RM: ชีวิตยังคงดำเนินต่อไป มาใช้ชีวิตต่อไปกันนะครับ
ที่มา | BTS (방탄소년단) Speech at the 75th UN General Assembly
แปลจากเกาหลีและอังกฤษเป็นไทยโดย CANDYCLOVER
[BTS] สุนทรพจน์ BTS ในการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติครั้งที่ 75 📽