เหตุผลที่พรีเมียร์ลีกไม่หมูเหมือนฤดูกาลก่อน

ผมเชื่อว่าตอนนี้แฟนบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษจะกลับมาคึกคักกันอีกครั้งอย่างแน่นอน เนื่องจากช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาพรีเมียร์ลีกทำการเปิดฤดูกาลไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว  และหลายๆทีมมีนัดเปิดสนามที่น่าตื่นตาตื่นใจอย่างที่สุด  หากผมต้องเลือกว่าคู่ไหนที่เร้าใจผมที่สุด ผมขอยกให้ศึกระหว่างลิเวอร์พูลและลีดส์ ยูไนเต็ด  ก่อนเกมผมคิดว่าคู่นี้สนุกแน่ เพราะแชมป์เก่าคงไม่ยอมให้น้องใหม่มาตบได้ถึงถิ่นแอนด์ฟิลด์ แต่ก็อย่างที่ทราบกันว่าผลสกอร์ 4-3 ที่ออกมามันค่อนข้างเหนือความคาดหมาย  หลังเกมนี้จบลงผมด้มานั่งคิดวิเคราะห์ในหลายๆมุมแล้ว ทำให้ผมรู้สึกลึกๆว่า “การป้องกันแชมป์ไม่ใช่เรื่องง่ายของลิเวอร์พูลแล้ว” อาจจะต้องอ่านกันยาวสักหน่อยแต่รับรองว่าทุกท่านจะดูพรีเมียร์ลีกปีนี้สนุกขึ้นแน่นอนครับ

เหตุผลประการแรก “ทีมน้องใหม่ที่ไม่ใช่แค่น้องใหม่”  ไม่ใช่ชื่อเพลงจากวง Getsunova นะครับลีดส์, ฟูแล่ม และเวสต์บรอมเป็นน้องใหม่ที่ก้าวขึ้นมาพรีเมียร์ลีกในฤดูกาลนี้  แต่เมื่อเห็นชื่อแล้ว ทุกท่านต่างก็รู้ดีว่าทีมเหล่านี้วนเวียนอยู่ในพรีเมียร์ลีกเสมอ  มีประสบการณ์และเคยขับเขี้ยวในสนามการแข่งขันที่ดุเดือดมาก่อน พวกเขารู้ดีว่าต้องเจอกับอะไรและต้องรับมืออย่างไร???  ยกเว้น “ลีดส์ ยูไนเต็ด” ที่ห่างหายจากพรีเมียร์ลีกไปถึง 16 ปี  แต่ในปีนี้พวกเขากลับมาในฐานะแชมป์จากลีกแชมป์เปี้ยนชิป พร้อมกับกุนซือที่ขึ้นชื่อว่าทำทีมฟุตบอลได้สุดยอดที่สุดคนหนึ่งอย่าง “มาร์เซโล บิเอลซ่า” ซึ่งนัดเปิดฤดูกาลเขาก็แสดงให้เห็นแล้วว่าน้องใหม่เคี้ยวไม่ง่าย!!!

ประการที่สองคือ “BIG6 ขยับตัวได้น่ากลัว”  อย่างที่ทราบกันดีว่าฤดูกาลที่แล้วลิเวอร์พูลคว้าแชมป์ด้วยการทิ้งห่างจากทีมในพื้นที่ Top4 หลักหลายสิบคะแนน  แต่ฤดูกาลนี้ผมคิดว่าระยะห่างของคะแนนจะลดลงอย่างแน่นอน  เพราะหลายทีมใน BIG6 ต่างพัฒนาทีมกันได้น่ากลัวทีเดียว  ไม่ว่าจะเสริมคมแดนหน้า หรือ อุดรอยรั่วแดนหลัง

เชลซี เสริมทัพได้อย่างบ้าคลั่งด้วยการทุ่มเงินกว่า 200 ล้านปอนด์ดึงผู้เล่นระดับท็อปในยุโรปตบเท้าเข้าแคมป์สิงห์บลูเพียบ ติโม แวร์เนอร์, ไค ฮาแวตซ์, ฮาคิม ซีเยค แค่ชื่อก็ขนลุกแล้ว พี่แกยังเสริมเกมรับที่มีปัญหามากในฤดูกาลก่อนด้วยการดึง ดิเอโก้ ซิลบา และ เบน ชีเวล เข้าสู่ทีม ซึ่งยังไม่รวมถึงนายด่านคนใหม่ที่มีข่าวว่ากำลังจะย้ายมาเร็วๆนี้
ปืนใหญ่อาร์เซนอล ในฤดูกาลที่แล้วแฟนปืนบ่นกันอุบว่าหน้ารถถัง หลังรถไถ  อาร์เตต้าเลยจัด Center Back เข้ามาซะแน่นทีม  กองหน้าความหวังของทีมอย่างโอบาเมยองก็ต่อสัญญาไปถึง 2023 โน่น แถมได้วิลเลี่ยนนักเตะประสบการณ์สูงมาช่วยยกระดับแนวรุกให้ดูน่าเกรงขามยิ่งขึ้นไปอีก เชื่อว่าปีนี้ปืนใหญ่คงไม่ต้องการแค่พื้นที่ยูโรป้าอย่างแน่นอน 
ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ของเดอะสเปเชียลวัน “โชเซ่ มูรินโญ่” ก็ได้ช็อปปิ้งนักเตะตามที่ตนเองต้องการ และอย่างที่น้ามูแกทำให้เห็นมาหลายครั้งว่าถ้าลงทุนซื้อนักเตะที่เขาต้องการ เขาก็จะตอบแทนด้วยความสำเร็จให้ทีมอยู่เสมอ และตอนนี้ก็กำลังจะดึง แกเรธ เบล กลับมาเล่นที่อังกฤษอีกครั้ง  ลองคิดภาพ 3 ประสาน แกเรธ เบล, แฮรี่ เคน และ ซอน เฮือง มิน สิครับ  อาจถึงคราวที่ไก่เดือยทองจะได้ถ้วยแชมป์ติดไม้ติดมือก็เป็นได้

จาก 3 เกลอเมืองลอนดอน เราหันมามองคู่หูแดนอีสานอย่าง “แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด” และ “แมนเชสเตอร์ ซิตี้” กันบ้าง  ในฤดูกาลที่แล้วซิตี้มีปัญหาอย่างมากเรื่องการขาดแคลน Center Back เนื่องจาก ลาปอร์ต มีอาการบาดเจ็บรบกวน  ที่บอกว่าขาดแคลนไม่ได้แปลว่ามีน้อยนะครับ แต่เท่าที่มีไม่สามารถทดแทนกันได้  ถึงขั้นต้องขยับแฟร์นันนินโญ่ลงมาเล่นตำแหน่งกองหลัง  แต่ในตลาดซื้อขายนักเตะรอบนี้ซิตี้แก้ปัญหาด้วยการดึง นาธาน อาเก้ กองหลังตัวแบกจาก FC บอร์นมัธเข้ามาสู่ทีม แถมยังมีข่าวว่าตามจีบ คาลิดู คูลิบาลี่ แนวรับพันธุ์ดุจากนาโปลีอยู่  ถึงดีลนี้จะยังไม่เกิดขึ้น แต่ถ้าหากซิตี้คว้าตัวคูลิบาลี่มาได้ เชื่อว่าปัญหาหลังบ้านของซิตี้ต้องหายไปเป็นปลิดทิ้งแน่นอน
ในส่วนของปีศาจแดงคงจะเป็นทีมที่น่าสงสารแฟนบอลสุดๆ เพรา ณ เวลาที่ผมกำลังนั่งเขียนบทความอยู่นี้ ปีศาจแดงเพิ่งจะเสริมทัพไปได้เพียง 1 คนเท่านั้นก็คือ ดอนนี่ ฟาน เดอเบค  ซึ่งต้องบอกตามตรงว่าหากตลาดซัมเมอร์นี้แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดซื้อนักเตะใหม่เข้ามาได้เพียง 1 คนจริงๆ  ผลงานในสนามคงต้องนั่งลุ้นกันปัสสาวะเหนียวอย่างที่เป็นในฤดูกาลก่อนอย่างแน่นอน เพราะนักวิเคราะห์หลายสำนักต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ทีมยังขาดปีกขวาที่ไว้ใจได้ และกองหลังที่จะมาเป็นคู่หูกับแมกไกวร์ ในตอนนี้ยังไม่มีวี่แววว่าจะสามารถคว้าใครเข้ามาร่วมทีมเพิ่มได้เลย

ประการที่สาม “ม้ามืดก็น่ากลัว”  นอกจาก BIG6 ที่ขยับตัวกันได้ดีแล้ว เหล่าบรรดาทีมเล็กก็พัฒนาทีมให้พร้อมที่จะชนกับทีมใหญ่เช่นกัน  เอฟเวอร์ตัน คือม้ามืดตัวหนึ่งที่อาจจะแซงเข้าวินก็เป็นได้  ในตลาดซื้อขายนักเตะซัมเมอร์นี้ “อันเช่” เดินเกมด้วยการคว้าสตาร์ดังในยุโรปอย่าง ฮาเมส โรดิเกรซ และ อาลัน เข้ามาสู่ทีม ซึ่งนักเตะทั้ง 2 คนนี้เคยร่วมงานกับอันเช่มาก่อน แน่นอนว่าอันเช่รู้วิธีใช้แข้งของ 2 คนนี้เป็นอย่างดี รวมไปถึงการดึง อับดูลาย ดูกูเร่ ที่แบกวัตฟอร์ดจนหลังแอ่นในฤดูกาลก่อน ผมเชื่อว่านักฟุตบอลเหมือนกับวัตถุดิบ ส่วนกุนซือเปรียบเสมือนเชฟ  หากวัตถุดิบที่ดีตกอยู่ในมือเชฟที่สุดยอด  อาหารจานนี้คงเลิศรสเป็นแน่แท้
นี่ยังไม่รวมถึง เลสเตอร์ ซิตี้, วูล์ฟ แฮมตัน, ที่เสริมทีมได้น่าสนใจ  ทีมเหล่านี้ไม่ได้เล่นเพื่อแค่ให้ทีมอยู่รอดในพรีเมียร์ลีกอีกต่อไปแล้ว พวกเขาต้องการคว้าโควตาบอลยุโรป ฉะนั้นหากลิเวอร์พูลต้องการป้องกันแชมป์ พวกเขาต้องระวังทีมเหล่านี้ให้ดี ไม่เช่นนั้นแต้มอาจหลุดมือเพราะม้ามืดก็เป็นได้

ประการสุดท้าย และถือว่าเป็นปัจจัยภายในที่ลิเวอร์พูลต้องจัดการด้วยตัวเองก็คือ “ความกดดัน” จริงอยู่ที่ลูกทีมของ “เจอร์เกน คลอปป์” ยังดูน่ากลัวเสมอเมื่อยามต้องลงฟาดแข้งด้วย  แต่ด้วยความสำเร็จในช่วงเวลา 2 ปีที่ผ่านมามันถือเป็นการแบกรับความกดดันอันหนักอึ้งเช่นเดียวกัน  ซึ่งบางครั้งการแบกรับความกดดันก็มักจะทำให้ไม่เป็นตัวของตัวเอง และอาจจะทำให้นักเตะในทีมมีฟอร์มหลุดกันบ้าง  สังเกตได้จากฟอร์มนัดเปิดฤดูกาลที่โดนถลุงคาบ้านไปถึง 3 ลูก ถึงท้ายที่สุดคว้า 3 แต้มมาได้ แต่จะได้เห็นว่าความผิดพลาดและความประมาทจาก “เวอร์จิล ฟานไดค์” เดอะแบกที่ถูกยกย่องให้เป็นกองหลังเบอร์ 1 ของโลก หรือฟอร์มที่หดหายไปของ “เทรน อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์” ซึ่งความผิดพลาดของทั้งสองคนนำมาสู่การเสียประตูทั้งสิ้น

สุดท้ายนี้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดๆ ก็ตามที่ทำให้ “ลิเวอร์พูล” อาจต้องเหนื่อยสักหน่อยหากต้องการป้องกันแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาลนี้  แต่ทั้งหมดทั้งมวลผมอยากให้ทุกท่านที่ได้อ่านบทความนี้รู้สึกถึงความเข้มข้นและความน่าสนใจของลีกที่ได้รับความนิยมที่สุดในโลกในเวลานี้  ซึ่งแต่ละปีทุกทีมต่างก็พร้อมสู้เต็มที่ ไม่ว่าจะทีมเล็กหรือทีมใหญ่  ไม่ว่าจะน้องใหม่หรือแชมป์เก่า

หากทุกท่านชอบบทความแบบนี้ ฝากทุกท่านกด Recommend กด Like เพื่อเป็นกำลังใจในการเขียนผลงานดีๆต่อไปนะครับ...ขอบคุณครับ
.
.
เขียนโดย FootballWorm
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่