ขริบหรือไม่ขริบ แบบไหนดีกว่ากัน
ธรรมชาติของเด็กผู้ชายทุกคน 👦 เมื่อเกิดมาจะมีหนังหุ้มที่ปลายอวัยวะเพศ ซึ่งจะเริ่มเปิดได้ดีขึ้นเมื่ออายุ 2 ขวบ จนเมื่อเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นก็จะเปิดได้เกือบหมด ซึ่งถ้าคุณพ่อคุณแม่ดูแลรักษาความสะอาดบริเวณหนังหุ้มปลายของน้องไม่ดี ก็อาจจะเป็นสาเหตุให้เกิดการหมักหมมและนำไปสู่การติดเชื้อได้
วิธีการที่จะช่วยป้องกันปัญหาเหล่านั้นได้ก็คือ “การขริบ” 🍌 หรือการตัดหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศออก เพื่อให้เปิดออกมาทำความสะอาดได้ง่ายขึ้นและช่วยลดโอกาสการติดเชื้อ โดยช่วงอายุที่เหมาะสมที่สุดก็คือ ตั้งแต่แรกเกิดจนถึงหนึ่งสัปดาห์ เพราะเด็กยังไม่รู้ว่าเจ็บตรงไหน เนื่องจากระบบประสาทยังพัฒนาได้ไม่เต็มที่ นอกจากนี้ แผลของทารกจะหายค่อนข้างเร็ว เพราะเลือดออกไม่เยอะ วิธีการดูแลแผลก็ง่ายกว่าเด็กโต
แล้วถ้าไม่ขริบได้มั้ย ลูกจะมีปัญหาอะไรรึเปล่าเมื่อโตขึ้น ผลดีผลเสียของการขริบคืออะไร พี่หมอเชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่หลายคนคงจะแอบสงสัยและมีคำถามเกี่ยวกับเรื่องนี้มากมายทีเดียว พี่หมอเองก็อยากรู้ เลยไปหาคำตอบจากผู้เชี่ยวชาญมาไว้ตรงนี้แล้วครับ 👇
ถ้าไม่ได้ขริบจะมีผลเสียอะไรหรือไม่ ❓
ถ้าไม่ได้ขริบและดูแลรักษาความสะอาดได้ไม่ดี เด็กๆ ก็มีโอกาสที่จะติดเชื้อที่บริเวณหนังหุ้มปลายได้ แต่ถ้าคุณพ่อคุณแม่ช่วยน้องๆ ดูแลความสะอาดอย่างเหมาะสม โดยการรูดหนังหุ้มปลายขึ้นและทำความสะอาดทุกครั้งที่ปัสสาวะและอาบน้ำ โอกาสที่ปัสสาวะจะคั่งค้างที่ส่วนหนังหุ้มปลายก็จะลดลง อ้อ พี่หมอไม่แนะนำให้ทาแป้งบริเวณที่อยู่ข้างในหนังหุ้มนะครับ เพราะอาจจะทำให้เกิดการหมักหมมของเชื้อโรคได้
จำเป็นหรือไม่ที่เด็กทุกคนต้องขริบ ❓
นอกจากข้อบังคับทางศาสนาแล้ว ในเด็กที่มีปัญหาหนังหุ้มปลายตีบหรือเปิดได้ไม่เต็มที่ ซึ่งอาจจะทำให้ปัสสาวะลำบาก คุณหมอก็จะแนะนำให้ขริบ เพื่อป้องกันปัญหาปัสสาวะค้าง ลดการสะสมของเชื้อโรคและโอกาสของการติดเชื้อที่ทางเดินปัสสาวะ รวมไปถึงปัญหาในการล้างทำความสะอาดขี้เปียก (เมือกที่เกิดจากการผสมกันของน้ำมันและเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว มักจะติดอยู่ที่บริเวณใต้หนังหุ้มปลาย ในเด็กทารกจะมีลักษณะคล้ายจุดสีขาวหรือไข่มุก) ซึ่งถ้าล้างไม่หมด ก็อาจจะทำให้เกิดกลิ่นได้
แล้วขริบหรือไม่ขริบแบบไหนดีกว่ากัน ❓
ทั้งสองแบบต่างก็มีข้อดีข้อเสียด้วยกันทั้งนั้น เพราะถึงแม้ว่าการขริบจะช่วยลดการสะสมของเชื้อโรค และลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งที่อวัยวะเพศได้ แต่ก็ต้องไม่ลืมว่าการขริบก็อาจจะทำให้เกิดการติดเชื้อได้เหมือนกัน รวมไปถึงการผ่าตัดที่ออกมาแล้วไม่สวย อาจทำให้เกิดความไม่มั่นใจเมื่อน้อง ๆ โตเป็นหนุ่ม นอกจากนี้ การตัดหนังออกมามากหรือน้อยเกินไป ก็อาจทำให้เกิดการตึงหรือรั้งเมื่ออวัยวะเพศแข็งตัวได้
การขริบทำให้อวัยวะเพศไม่แข็งตัวจริงหรือไม่ ❓
ยังไม่มีหลักฐานทางการแพทย์ที่ออกมายืนยันเรื่องนี้นะครับ เพราะบางคนที่ขริบแล้วก็บอกว่า มีความรู้สึกทางเพศได้ง่าย เพราะอวัยวะเพศที่เป็นจุดที่รับความรู้สึกไม่ถูกห่อหุ้ม ซึ่งจะทำให้เกิดความรู้สึกตลอดเวลาจากการเสียดสีในระหว่างวัน แต่บางคนก็อาจจะบอกว่าไม่ดี เพราะพอโตขึ้นก็จะไม่ค่อยมีความรู้สึก เนื่องจากถูกกระตุ้นตลอดเวลาจนเกิดเป็นความเคยชิน
การทำความสะอาดของคนที่ขริบและไม่ขริบ แตกต่างกันหรือไม่ ❓
👉
สำหรับเด็กๆ ที่ไม่ได้ผ่านการขริบ คุณพ่อคุณแม่ควรสอนให้ลูกๆ รู้จักรูดเปิดหนังหุ้มปลาย เพื่อล้างให้สะอาดทุกครั้งที่อาบน้ำ และเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีปัสสาวะหรือสิ่งสกปรกตกค้าง
👉
ส่วนเด็กที่ได้รับการขริบ คุณพ่อคุณแม่ควรทำสะอาดด้วยการใช้สำลีชุบน้ำต้มสุกที่ทิ้งไว้ให้เย็นแล้วมาแตะที่บริเวณหัวของอวัยวะเพศเบาๆ และถ้าเลือดหยุดไหลแล้ว ก็สามารถใช้ผ้าอ้อมแทนผ้าก๊อซได้ และก็ต้องเปลี่ยนผ้าอ้อมบ่อยๆ ด้วยนะครับ เพื่อป้องกันไม่ให้ปัสสาวะหรืออุจจาระมาทำให้แผลระคายเคือง นอกจากนี้ ควรจะทาขี้ผึ้งเพื่อช่วยลดการระคายเคืองที่อาจเกิดขึ้นจากสารในผ้าอ้อม คุณพ่อคุณแม่ต้องหมั่นทำแบบนี้จนกว่าแผลของน้องจะหายเลยนะครับ ซึ่งโดยปกติก็จะใช้เวลาประมาณ 2-4 สัปดาห์ และแม้ว่าจะผ่านการขริบมาแล้ว เด็กๆ ก็ยังต้องดูแลรักษาความสะอาดในส่วนนั้นด้วยเหมือนกันนะครับ เพราะถ้าไม่ทำก็อาจจะเกิดการสะสมของเชื้อโรคได้
อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว 👨⚕️ พี่หมอเชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่ก็คงยังตัดสินใจไม่ได้ว่า จะให้ลูกขริบหรือไม่ขริบดี เพราะบางคนก็อาจจะกังวลว่าการขริบจะทำให้ลูกต้องเจ็บตัวโดยไม่จำเป็น เพราะถึงแม้จะทำตอนที่ยังเป็นทารก แต่ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นก็อาจจะทำให้เด็กๆ จำฝังใจได้ หรือคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนบุคคล ไว้ค่อยให้ลูกไปตัดสินใจตอนโตก็ได้ว่าจะทำหรือไม่ทำ ซึ่งถ้ายังตัดสินใจไม่ได้ พี่หมอแนะนำให้คุณพ่อคุณแม่มาปรึกษาคุณหมอที่เชี่ยวชาญในเรื่องนี้จะดีกว่า เพราะคุณหมอจะได้ช่วยพิจารณาให้ว่าแบบไหนที่เหมาะกับลูกของเราที่สุด
สัปดาห์หน้าพี่หมอจะมีเรื่องอะไรมาฝากกันอีก อย่าลืมติดตามกันด้วยนะครับ
ดูแลสุขภาพกันด้วยนะครับทุกคน 😘 😘 😘
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ศัลยกรรมเด็กและทารกแรกเกิดครบวงจร โรงพยาบาลเด็กสมิติเวช
ขริบหรือไม่ขริบ แบบไหนดีกว่ากัน
ธรรมชาติของเด็กผู้ชายทุกคน 👦 เมื่อเกิดมาจะมีหนังหุ้มที่ปลายอวัยวะเพศ ซึ่งจะเริ่มเปิดได้ดีขึ้นเมื่ออายุ 2 ขวบ จนเมื่อเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นก็จะเปิดได้เกือบหมด ซึ่งถ้าคุณพ่อคุณแม่ดูแลรักษาความสะอาดบริเวณหนังหุ้มปลายของน้องไม่ดี ก็อาจจะเป็นสาเหตุให้เกิดการหมักหมมและนำไปสู่การติดเชื้อได้
วิธีการที่จะช่วยป้องกันปัญหาเหล่านั้นได้ก็คือ “การขริบ” 🍌 หรือการตัดหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศออก เพื่อให้เปิดออกมาทำความสะอาดได้ง่ายขึ้นและช่วยลดโอกาสการติดเชื้อ โดยช่วงอายุที่เหมาะสมที่สุดก็คือ ตั้งแต่แรกเกิดจนถึงหนึ่งสัปดาห์ เพราะเด็กยังไม่รู้ว่าเจ็บตรงไหน เนื่องจากระบบประสาทยังพัฒนาได้ไม่เต็มที่ นอกจากนี้ แผลของทารกจะหายค่อนข้างเร็ว เพราะเลือดออกไม่เยอะ วิธีการดูแลแผลก็ง่ายกว่าเด็กโต
แล้วถ้าไม่ขริบได้มั้ย ลูกจะมีปัญหาอะไรรึเปล่าเมื่อโตขึ้น ผลดีผลเสียของการขริบคืออะไร พี่หมอเชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่หลายคนคงจะแอบสงสัยและมีคำถามเกี่ยวกับเรื่องนี้มากมายทีเดียว พี่หมอเองก็อยากรู้ เลยไปหาคำตอบจากผู้เชี่ยวชาญมาไว้ตรงนี้แล้วครับ 👇
ถ้าไม่ได้ขริบและดูแลรักษาความสะอาดได้ไม่ดี เด็กๆ ก็มีโอกาสที่จะติดเชื้อที่บริเวณหนังหุ้มปลายได้ แต่ถ้าคุณพ่อคุณแม่ช่วยน้องๆ ดูแลความสะอาดอย่างเหมาะสม โดยการรูดหนังหุ้มปลายขึ้นและทำความสะอาดทุกครั้งที่ปัสสาวะและอาบน้ำ โอกาสที่ปัสสาวะจะคั่งค้างที่ส่วนหนังหุ้มปลายก็จะลดลง อ้อ พี่หมอไม่แนะนำให้ทาแป้งบริเวณที่อยู่ข้างในหนังหุ้มนะครับ เพราะอาจจะทำให้เกิดการหมักหมมของเชื้อโรคได้
จำเป็นหรือไม่ที่เด็กทุกคนต้องขริบ ❓
นอกจากข้อบังคับทางศาสนาแล้ว ในเด็กที่มีปัญหาหนังหุ้มปลายตีบหรือเปิดได้ไม่เต็มที่ ซึ่งอาจจะทำให้ปัสสาวะลำบาก คุณหมอก็จะแนะนำให้ขริบ เพื่อป้องกันปัญหาปัสสาวะค้าง ลดการสะสมของเชื้อโรคและโอกาสของการติดเชื้อที่ทางเดินปัสสาวะ รวมไปถึงปัญหาในการล้างทำความสะอาดขี้เปียก (เมือกที่เกิดจากการผสมกันของน้ำมันและเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว มักจะติดอยู่ที่บริเวณใต้หนังหุ้มปลาย ในเด็กทารกจะมีลักษณะคล้ายจุดสีขาวหรือไข่มุก) ซึ่งถ้าล้างไม่หมด ก็อาจจะทำให้เกิดกลิ่นได้
แล้วขริบหรือไม่ขริบแบบไหนดีกว่ากัน ❓
ทั้งสองแบบต่างก็มีข้อดีข้อเสียด้วยกันทั้งนั้น เพราะถึงแม้ว่าการขริบจะช่วยลดการสะสมของเชื้อโรค และลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งที่อวัยวะเพศได้ แต่ก็ต้องไม่ลืมว่าการขริบก็อาจจะทำให้เกิดการติดเชื้อได้เหมือนกัน รวมไปถึงการผ่าตัดที่ออกมาแล้วไม่สวย อาจทำให้เกิดความไม่มั่นใจเมื่อน้อง ๆ โตเป็นหนุ่ม นอกจากนี้ การตัดหนังออกมามากหรือน้อยเกินไป ก็อาจทำให้เกิดการตึงหรือรั้งเมื่ออวัยวะเพศแข็งตัวได้
การขริบทำให้อวัยวะเพศไม่แข็งตัวจริงหรือไม่ ❓
ยังไม่มีหลักฐานทางการแพทย์ที่ออกมายืนยันเรื่องนี้นะครับ เพราะบางคนที่ขริบแล้วก็บอกว่า มีความรู้สึกทางเพศได้ง่าย เพราะอวัยวะเพศที่เป็นจุดที่รับความรู้สึกไม่ถูกห่อหุ้ม ซึ่งจะทำให้เกิดความรู้สึกตลอดเวลาจากการเสียดสีในระหว่างวัน แต่บางคนก็อาจจะบอกว่าไม่ดี เพราะพอโตขึ้นก็จะไม่ค่อยมีความรู้สึก เนื่องจากถูกกระตุ้นตลอดเวลาจนเกิดเป็นความเคยชิน
👉 สำหรับเด็กๆ ที่ไม่ได้ผ่านการขริบ คุณพ่อคุณแม่ควรสอนให้ลูกๆ รู้จักรูดเปิดหนังหุ้มปลาย เพื่อล้างให้สะอาดทุกครั้งที่อาบน้ำ และเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีปัสสาวะหรือสิ่งสกปรกตกค้าง
👉 ส่วนเด็กที่ได้รับการขริบ คุณพ่อคุณแม่ควรทำสะอาดด้วยการใช้สำลีชุบน้ำต้มสุกที่ทิ้งไว้ให้เย็นแล้วมาแตะที่บริเวณหัวของอวัยวะเพศเบาๆ และถ้าเลือดหยุดไหลแล้ว ก็สามารถใช้ผ้าอ้อมแทนผ้าก๊อซได้ และก็ต้องเปลี่ยนผ้าอ้อมบ่อยๆ ด้วยนะครับ เพื่อป้องกันไม่ให้ปัสสาวะหรืออุจจาระมาทำให้แผลระคายเคือง นอกจากนี้ ควรจะทาขี้ผึ้งเพื่อช่วยลดการระคายเคืองที่อาจเกิดขึ้นจากสารในผ้าอ้อม คุณพ่อคุณแม่ต้องหมั่นทำแบบนี้จนกว่าแผลของน้องจะหายเลยนะครับ ซึ่งโดยปกติก็จะใช้เวลาประมาณ 2-4 สัปดาห์ และแม้ว่าจะผ่านการขริบมาแล้ว เด็กๆ ก็ยังต้องดูแลรักษาความสะอาดในส่วนนั้นด้วยเหมือนกันนะครับ เพราะถ้าไม่ทำก็อาจจะเกิดการสะสมของเชื้อโรคได้
อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว 👨⚕️ พี่หมอเชื่อว่าคุณพ่อคุณแม่ก็คงยังตัดสินใจไม่ได้ว่า จะให้ลูกขริบหรือไม่ขริบดี เพราะบางคนก็อาจจะกังวลว่าการขริบจะทำให้ลูกต้องเจ็บตัวโดยไม่จำเป็น เพราะถึงแม้จะทำตอนที่ยังเป็นทารก แต่ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นก็อาจจะทำให้เด็กๆ จำฝังใจได้ หรือคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนบุคคล ไว้ค่อยให้ลูกไปตัดสินใจตอนโตก็ได้ว่าจะทำหรือไม่ทำ ซึ่งถ้ายังตัดสินใจไม่ได้ พี่หมอแนะนำให้คุณพ่อคุณแม่มาปรึกษาคุณหมอที่เชี่ยวชาญในเรื่องนี้จะดีกว่า เพราะคุณหมอจะได้ช่วยพิจารณาให้ว่าแบบไหนที่เหมาะกับลูกของเราที่สุด
สัปดาห์หน้าพี่หมอจะมีเรื่องอะไรมาฝากกันอีก อย่าลืมติดตามกันด้วยนะครับ
ดูแลสุขภาพกันด้วยนะครับทุกคน 😘 😘 😘
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้