คุณเคยปลื้มใครบ้างไหมคะ ไม่ใช่รัก ไม่ใช่ชอบแบบนั้น แต่มันคือความรู้สึกปลื้ม จะว่าปลื้มใจมันก็ไม่ใช่อีก แล้วปลื้มแบบไหนล่ะ ดิฉันก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกันค่ะ ว่ามันเป็นความรู้สึกแบบไหน รู้แต่ว่าดิฉันชอบมองพี่คนนี้ อยากเห็นหน้าทุกวัน ไม่จำเป็นต้องคุยกันค่ะ แค่ดิฉันได้เจอเขาทุกวันที่โรงเรียนก็พอ ดิฉันไม่ได้รักพี่เขานะคะ พี่เขามีแฟนแล้ว ดิฉันรู้จักความรับผิดชอบชั่วดีค่ะ...
ที่ขอบสนามฟุตบอลใต้ต้นขี้เหล็ก กลุ่มของโมรดานั่งมองรุ่นพี่กำลังเตะฟุตบอลอยู่ในสนาม ในชั่วโมงว่างอย่างเอาเป็นเอาตาย พวกเธอไม่ได้จงใจนั่งดู แต่ตรงนี้มันเป็นที่ประจำกลุ่มของพวกเธอต่างหาก นั่งรอเสียงออดสุดท้ายดังกลับบ้านทุกวัน โมรดาเธอมัวแต่นั่งมองพี่ ๆ เพลิน จนไม่ทันระวังว่ามีลูกฟุตบอลลอยมาทางนี้ เจ้ากรรมเพื่อน ๆ หลบได้แต่เธอหลบไม่ทัน โชคดีของเธออีก ถึงหลบไม่ทันแต่เธอยกมือขึ้นมาบังใบหน้าของตนไว้ได้ ไม่อย่างนั้นไม่อยากจะคิด
เสียงกรี๊ดของพวกเธอดังไปหลายเดซิเบล ทั้งกรี๊ดทั้งหัวเราะกับเหตุการณ์เมื่อครู่ แต่คนที่กำลังอึ้งคือเธอ มันเกิดขึ้นเร็วมาก โมรดายังงงว่าตนเองยกแขนขึ้นบังทันได้ยังไง ลูกฟุตบอลคู่กรณีกลิ้งไปไหนแล้วไม่รู้ ที่แขนเป็นลอยแดง เจ็บแต่ไม่เจ็บมากเท่าไหร่อายมากกว่า จากนั้นมีรุ่นพี่คนหนึ่งวิ่งตรงมายังกลุ่มพวกเธอ วิ่งยิ้มหน้าเจื่อน ๆ ถอดสีมาอย่างเห็นได้ชัด หยุดยืนตรงหน้าเธอยิ้มแบบรู้สึกผิดก่อนจะพูดขึ้น
“พี่ขอโทษครับ เป็นไรมากมั้ย” โมรดาพูดอะไรไม่ออก เมื่อเห็นหน้าคู่กรณี เธอเป็นสาววัยแรกรุ่น ย่อมมีความรู้สึกต่อเพศตรงข้ามที่หน้าตาดีเช่นทุกคน และรุ่นพี่คนนี้ ก็ถือว่าอยู่ในมาตรฐานสเปกที่เธอตั้งเอาไว้ โมรดาพูดอะไรไม่ออก ได้แต่ส่ายหัวเป็นคำตอบ ว่าไม่เป็นอะไรเท่านั้นเอง รุ่นพี่ยิ้มให้เธอที่เธอไม่เป็นอะไร “พี่ขอโทษอีกรอบนะครับ” รอยยิ้มของรุ่นพี่คนนี้มันช่างหวานละมุนเหลือเกิน มีลักยิ้มเล็ก ๆ ที่แก้มด้วย ยิ่งทำให้มีเสน่ห์เพิ่มมากขึ้นไปอีก พอพูดจบรุ่นพี่ก็เดินไปเก็บลูกฟุตบอล แล้วรีบวิ่งเข้าไปในสนามเหมือนเดิม เธอได้แค่มองตามหลังเขาและนึกปลื้มอยู่ในใจ ผู้ชายคนนี้แหละใช่เลย โมรดาไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมาให้เพื่อน ๆ เห็น เธอแค่แอบคิดแอบปลื้มในใจอยู่คนเดียว
หลังจากวันนั้นผ่านไป โมรดาก็ไม่ค่อยเห็นพี่คนนั้นอีกเลย ด้วยเรียนคนละตึกกัน นักเรียนในโรงเรียนก็เยอะ เธอเฝ้าแอบมองหาพี่คนนั้นทุกวัน แม้ในเวลาเข้าแถวเคารพธงชาติในช่วงเช้า ก็แอบชำเลืองมอง เห็นบ้างไม่เห็นบ้างแล้วแตวันนั้น ๆ ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงทำให้เธอหวั่นไหวได้ขนาดนี้ โมรดาเฝ้าแต่ถามตัวเองทุกคืนก่อนนอน และก็หลับไปพร้อมกับใบหน้าพี่คนนั้น ที่เธอยังไม่รู้จักชื่อเขาเลย
จนในที่สุดวันที่เธอรอคอยก็มาถึง และไม่คิดว่ามันจะมีวันนี้ด้วย “น้อง! น้องคนที่โดนพี่เตะฟุตบอลไปโดนวันก่อนใช่เปล่า” เสียงเรียกดังมาจากด้านหลังของเธอ ซึ่งเธอกำลังต่อคิวชื่อน้ำปั่นในโรงอาหาร “พี่ชื่อนิวนะ พี่นิว” พี่นิวเดินเข้ามายืนข้าง ๆ ใกล้ ๆ เธอ แต่ไม่ถึงกับตัวติดกัน พี่นิวแนะนำตัวเองก่อน เขายิ้มและก็เดินจากไป ปล่อยให้เธอยืนตัวสั่น ใจสั่นอยู่คนเดียว เขินจนทำอะไรไม่ถูก
“หนูน้ำปั่นได้แล้ว”
“คะ! อ้อค่ะเท่าไหร่คะ” เธอรีบจ่ายเงิน รับโกโก้ชอคโกแลตปั่นจากแม่ค้า และรีบเดินไปหากลุ่มเพื่อน ๆ ของตนทันที เรื่องนี้ทำให้เธอยิ้มได้ทั้งวัน มันแค่ความรู้สึกปลื้ม ปลื้มที่เธอก็อธิบายไม่ถูก ว่ามันเป็นความรู้สึกแบบไหน เธอชอบพี่เขาเหรอ เปล่าเลย โมรดาไม่ได้ชอบพี่เขาแบบนั้น ถึงไม่รู้ก็พอจะเดาได้ว่าพี่นิวต้องมีแฟนอยู่แล้วแน่นอน
“มืงพี่คนเมื่อวานเขาชื่ออะไร พวกมืงรู้ปะ” โมรดาแกล้งถามเพื่อนไปอย่างนั้นเอง ทั้งที่ตนเองรู้แล้วเมื่อตอนเที่ยง อยากรู้ว่าเพื่อนจะเห็นตอนที่พี่นิวเดินมาคุยด้วยหรือเปล่า โชคดีเพื่อน ๆ คงไม่ทันได้มอง ไม่เห็นพี่นิวเดินมาแนะนำตัวเองกับเธอ ตอนอยู่โรงอาหาร
“พี่เขามีแฟนอยู่ กูเคยเห็นด้วย” เพื่อนอีกคนแนะนำพี่นิวให้เธอรู้จัก พร้อมยืนยันว่าพี่นิวมีแฟนแล้ว ถ้าจะคบก็คิดดี ๆ
“มืงกูไม่ได้คิดอะไรกับพี่เขาแบบนั้น กูแค่ถามชื่อเฉย ๆ “ แต่ทำไมความสุขมันหายไป รอยยิ้มที่ยิ้มตลอดทั้งวันมันหายไป หายไปกับข้อมูลของพี่นิวที่มีแฟนแล้ว ช่างเถอะ! จะไปคิดทำไม เธอคิดเองเออเองคนเดียว ไม่ได้ชอบพี่นิวแบบนั้นสักหน่อย แค่มองว่าทำไมผู้ชายคนนี้ดูน่ารักดี ดูดี ไม่รู้มันเป็นความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก ก็แค่ปลื้มแฟนพี่นิวคงไม่ว่าหรอก และดูท่าพี่นิวจะคิดเหมือนเธอด้วย ไม่อย่างนั้นคงไม่เดินเข้ามาแนะนำตัวเองกับเธอที่โรงอาหารแน่นอน
“ดีแล้ว! พี่เขามีแฟนแล้วนะมืง”
“อือ... รู้แล้วน่า” พวกเธอมานั่งที่โต๊ะม้าหินอ่อนประจำตำแหน่ง ใต้ต้นขี้เหล็กหน้าโรงยิมเหมือนเดิม และติดขอบสนามฟุตบอลมุมเดิม วันนี้กลุ่มของพี่นิวไม่ได้ซ้อมฟุตบอล ไม่รู้ไปอยู่มุมไหนของโรงเรียน เจอตั้งแต่ตอนเที่ยงแล้วก็ไม่เจออีกเลย
เหมือนคนบนฟ้า รู้ความคิดในใจของเธอหรืออย่างไร กลุ่มของพี่นิวเดินมานั่งโต๊ะม้าหินอ่อนอีกตัว ที่มันยังว่างอยู่ หัวใจของเธอเต้นเร็วไม่เป็นจังหวะ จะบอกว่าตื่นเต้นก็ได้ โมรดาทำตัวไม่ถูก ทำได้เพียงซ่อนรอยยิ้มแห่งความดีใจเอาไว้ ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่ายิ้ม อมยิ้มให้พี่นิวเมื่อมองมา เมื่อสายตาจ้องมองประสานกัน ก็ทำได้เพียงเมินสายตาไปทางอื่นเท่านั้น
“น้องโมครับพี่นิวมาหา” เพื่อนของพี่นิวคนหนึ่งพูดขึ้น ทั้งที่นั่งอยู่กันคนละโต๊ะ มันก็ไม่ได้อยู่ไกลกันมาก อยู่ใต้ร่มขี้เหล็กต้นเดียวกัน โมรดาทำตาโต ตกใจ ทำตัวไม่ถูกเลยที่เหมือนโดนแกล้ง ทำไมพี่คนนั้นเขาต้องทำแบบนี้ด้วย นึกโกรธอยู่ในที เพื่อน ๆ ของเธอเองก็หันมามองเธอเป็นสายตาเดียวกัน ความลับของเธอได้เปิดเผยออกมาแล้ว
“ฮันแน่อี่โม! ทำเป็นหลอกถามกู”
“เปล่านะพวกมืง! อย่ามองกูแบบนั้น” โมรดารีบปฏิเสธเพื่อน ๆ ไป มันเป็นความจริง เธอยังไม่ได้คุยยังไม่ได้อะไรกับพี่นิวเลย แต่ทว่าเธอนึกขึ้นมาได้ กลุ่มของพี่นิวรู้จักชื่อเธอได้ยังไง ทั้งที่ยังไม่ได้คุยกันเลย ก็มีเพียงพี่นิวที่เดินมาแนะนำตนเองให้เธอรู้จัก พอนึกถึงเรื่องนี้โมรดาก็แอบปลื้มไม่น้อย ที่พี่นิวรู้จักชื่อของเธอแล้ว จะไปถามเอาจากใครก็ช่างเถอะ
ชั่วโมงนี้ มันก็ไม่ได้มีอะไรมากมาย นอกจากเธอกับพี่นิวนั่งแอบมองหน้ากัน และก็แอบยิ้มให้กัน กลุ่มของพวกเธอต่างเล่นต่างคุย กลุ่มของพี่นิวด้วย แต่คนที่ไม่ค่อยพูดเห็นจะมีเธอกับพี่นิวมากกว่าที่นั่งอยู่เงียบ ๆ
หลังจากวันนั้น ความสัมพันธ์แบบพี่น้อง ก็เริ่มก่อตัวขึ้นมาเรื่อย ๆ พี่นิวมีแฟนแล้ว แต่เธอยังไม่มีใคร มันไม่ได้มากไปกว่าการเป็นคนรู้จักกันเลย หรือศัพท์เฉพาะกลุ่มของพวกเธอคือ มันไม่ได้มากไปกว่าการเป็นพี่น้อง พี่นิวก็ยอมรับว่าตนเองมีแฟนอยู่แล้ว มันก็ไม่ได้สะทกสะท้านความรู้สึกของเธอ เพราะเธอไม่ได้คิดเกินเลยกับพี่นิวไปมากกว่าพี่ชาย แม้มันจะมากกว่าคนธรรมดาที่รู้จักกันปกติก็ตาม พอหลังจากวันนั้น เธอก็ได้เจอพี่นิวบ่อยขึ้น เดินไปมุมไหนของโรงเรียนก็เจอ แม้กระทั่งกีฬาสี เธอกับพี่นิวก็ได้อยู่สีเดียวกันตั้งสองปี
จนกระทั่งพี่นิวจบชั้น ม.6 โมรดารู้สึกใจหายมาก จะไม่ได้เจอพี่นิวอีกแล้ว ได้แต่ทำใจยอมรับมัน พวกเธอไม่ได้ติดต่อกัน เจอกันแค่ที่โรงเรียนเท่านั้น ถึงจะมีการแลกเบอร์โทรศัพท์ก็ตาม แต่ก็ไม่มีใครโทรหาใคร นอกจากวันมาเรียน พี่นิวจะโทรถามเธอว่านั่งอยู่ตรงไหน พอพี่นิวขึ้น ม.6 พี่นิวก็หาเวลามาอยู่กับเธอบ่อยขึ้น ในแต่ละวันที่มาโรงเรียน ในแต่ละวันที่มีชั่วโมงว่าง มาทั้งกลุ่ม ไม่ใช่มาแค่พี่นิวคนเดียว จนทุกคนในโรงเรียน คิดว่ากลุ่มพี่นิวจีบกลุ่มของเธอ ทำให้เป็นที่เลื่องลือไปทั่วโรงเรียนนับเดือนแล้วก็ซาไป
“โมมีรูปตัวเองปะ พี่นิวขอหน่อย”
“พี่นิวจะเอารูปโมไปทำไมอ่ะ” ณ สนามหญ้าข้าง ๆ ศาลาทรงไทย พวกเธอกับกลุ่มพี่นิวนั่งจับกลุ่มคุยกัน ส่วนบนศาลามีรุ่นพี่อีกกลุ่มนั่งอยู่ ถัดไปเป็นสปริงเวย์รดน้ำต้นหญ้า ภารโรงยังไม่ได้เปิดน้ำตอนนี้ พวกเธอนั่งเล่นได้
“เขียนเฟรนด์ชิพให้พี่นิวไง จะจบแล้วนะ” พี่นิวยื่นสมุดเล่มหนึ่งให้เธอ “เขียนให้พี่นิวด้วย ติดรูปตัวเองด้วย รูปนักเรียนก็ได้ เขียนให้พี่ทุกคนเลยนะ” เพื่อเป็นการไม่ถูกครหา พี่นิวฉลาดให้ทุกคนเขียนให้ตนเองหมดเลย สำหรับเพื่อน ๆ ของเธอ
เธอเปิดดูทีละหน้าซึ่งพี่นิวก็อนุญาต หน้าแรกก็ช้ำใจเลย แฟนพี่นิวเป็นคนเขียนให้ ทั้งที่เรียนคนละโรงเรียน ก็ไม่เป็นไรก็แค่พี่ชายคนหนึ่งเท่านั้น หน้าถัดไปเป็นเหล่าเพื่อน ๆ ของพี่นิวเขียนให้ มีคนอื่นบ้างที่นอกเหนือจากที่กล่าวมา ไม่แปลกที่พี่นิวจะมีแฟนคลับเยอะ เพราะอัธยาศัยดีบวกกับหน้าตาดีด้วย พอมาถึงหน้าสุดท้ายที่พี่นิวจองไว้ให้เธอ ที่รู้เนื่องจากพี่นิวเขียนจองไว้
น้องโมเมย์ นายชานนท์กับเด็กหญิงโมรดา...
อืมม์! ใครจะไปคิดละคะว่าเราจะได้เจอกันอีก ดิฉันปลื้มพี่เขาจริง ๆ นะคะ ตอนนี้ความรู้สึกแบบนั้นก็ยังอยู่ ไม่รู้พี่นิวยังเก็บเฟรนด์ชิพที่ดิฉันเขียนไว้หรือเปล่า แต่รูปที่พี่นิวให้ยังอยู่กับดิฉันค่ะ ดิฉันซ่อนมันเอาไว้อย่างดี ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเก็บรูปพี่เขาไว้ทำไม หรือดิฉันควรเอาทิ้งไปได้แล้วคะ หลังจากพี่นิวจบ ม.6 ไป ดิฉันก็ไม่ได้เจอพี่เขาอีกเลย บอกก่อนนะคะตอนนั้นดิฉันเป็นเด็กหญิงค่ะ ดิฉันอยู่แค่ ม.2 เองยังไม่มีบัตรประชาชน พี่นิวอยู่ ม.6 สมัยนี้มีตั้งแต่สิบขวบแล้ว
ผ่านไป 10 ปีที่ดิฉันไม่ได้เจอพี่นิวเลย แม้แต่เฟสบุ๊กดิฉันก็ไม่มีพี่เขาเป็นเพื่อน พอเรียนจบเปลี่ยนเป็นวัยทำงาน ใครจะคิดว่าเราสองคนจะได้เจอกันอีก ไม่ได้เจอกันที่บ้าน แต่เจอกันที่ ๆ ดิฉันอาศัยอยู่ มาทำงานที่นี่หลังเรียนจบ เรื่องนี้มันทำให้ดิฉันเชื่อว่า เรื่องบังเอิญมันมีอยู่จริงค่ะ ดิฉันเจอกับพี่นิวที่วัดแห่งหนึ่ง ดิฉันไปทำบุญกับสามี พี่นิวไปทำบุญกับภรรยา ดิฉันจำเขาได้แม่นยำ หัวใจของดิฉันเต้นเร็วและแรงเช่นครั้งก่อนนู้น เพราะเขาเป็นผู้ชายคนแรกที่ดิฉันรู้สึกดีด้วยค่ะ ที่ทำให้หัวใจหวั่นไหว พี่นิวก็เหมือนจะจำดิฉันได้ด้วย มองไม่ละสายตาเลย จนในที่สุดดิฉันเป็นฝ่ายอดใจไม่ไหวต้องเข้าไปทักพี่นิวก่อน
แววตาที่พี่ชายคนนี้มองดิฉันยังเหมือนเดิม รอยยิ้มที่แสนละมุนยังมีเหมือนเดิม พร้อมกับลักยิ้มเล็ก ๆ บนแก้มนั้น เราทักทายกันแบบไม่เคอะเขิน แต่มีระยะห่างของความสัมพันธ์ ไม่เหมือนตอนเรียนมัธยม หลังจากนั้นพี่นิวหาเฟสบุ๊กดิฉันเจอได้ยังไงก็ไม่รู้ พี่นิวเพิ่มเพื่อนดิฉันมา ดิฉันรู้สึกเหมือนตอนที่พี่นิวเข้ามาบอกชื่อตัวเองกับดิฉันก่อนเลยค่ะ รู้สึกดีเหมือนตอนนั้นเลย เหมือนตอนพี่นิวรู้จักชื่อดิฉันก่อน โดยที่ดิฉันยังไม่ได้แนะนำตัวเองเลย ดิฉันรู้สึกปลื้มจริง ๆ
ดิฉันเคยรู้สึกดีกับพี่นิวยังไง วันนี้ผ่านมานับ 10 ปีดิฉันก็ยังรู้สึกแบบนั้นไม่เปลี่ยนแปลง พี่ชายที่น่ารักเสมอ ถามว่าดิฉันรักพี่นิวไหม ดิฉันไม่ได้รักพี่นิวค่ะ ดิฉันไม่ได้คิดแบบนั้นกับพี่นิวตั้งแต่เริ่มแรกเลย และพี่นิวก็ไม่ได้คิดแบบนั้นกับดิฉันด้วย เราสองคนไม่ได้เกินเลยไปกว่าคนรู้จักหรือพี่น้องเลย...
แล้วคุณล่ะคะมีคนที่ปลื้มหรือแอบปลื้มบ้างไหม...
จบ...
❤️❤️❤️
เรื่องสั้น “ปลื้ม”
ที่ขอบสนามฟุตบอลใต้ต้นขี้เหล็ก กลุ่มของโมรดานั่งมองรุ่นพี่กำลังเตะฟุตบอลอยู่ในสนาม ในชั่วโมงว่างอย่างเอาเป็นเอาตาย พวกเธอไม่ได้จงใจนั่งดู แต่ตรงนี้มันเป็นที่ประจำกลุ่มของพวกเธอต่างหาก นั่งรอเสียงออดสุดท้ายดังกลับบ้านทุกวัน โมรดาเธอมัวแต่นั่งมองพี่ ๆ เพลิน จนไม่ทันระวังว่ามีลูกฟุตบอลลอยมาทางนี้ เจ้ากรรมเพื่อน ๆ หลบได้แต่เธอหลบไม่ทัน โชคดีของเธออีก ถึงหลบไม่ทันแต่เธอยกมือขึ้นมาบังใบหน้าของตนไว้ได้ ไม่อย่างนั้นไม่อยากจะคิด
เสียงกรี๊ดของพวกเธอดังไปหลายเดซิเบล ทั้งกรี๊ดทั้งหัวเราะกับเหตุการณ์เมื่อครู่ แต่คนที่กำลังอึ้งคือเธอ มันเกิดขึ้นเร็วมาก โมรดายังงงว่าตนเองยกแขนขึ้นบังทันได้ยังไง ลูกฟุตบอลคู่กรณีกลิ้งไปไหนแล้วไม่รู้ ที่แขนเป็นลอยแดง เจ็บแต่ไม่เจ็บมากเท่าไหร่อายมากกว่า จากนั้นมีรุ่นพี่คนหนึ่งวิ่งตรงมายังกลุ่มพวกเธอ วิ่งยิ้มหน้าเจื่อน ๆ ถอดสีมาอย่างเห็นได้ชัด หยุดยืนตรงหน้าเธอยิ้มแบบรู้สึกผิดก่อนจะพูดขึ้น
“พี่ขอโทษครับ เป็นไรมากมั้ย” โมรดาพูดอะไรไม่ออก เมื่อเห็นหน้าคู่กรณี เธอเป็นสาววัยแรกรุ่น ย่อมมีความรู้สึกต่อเพศตรงข้ามที่หน้าตาดีเช่นทุกคน และรุ่นพี่คนนี้ ก็ถือว่าอยู่ในมาตรฐานสเปกที่เธอตั้งเอาไว้ โมรดาพูดอะไรไม่ออก ได้แต่ส่ายหัวเป็นคำตอบ ว่าไม่เป็นอะไรเท่านั้นเอง รุ่นพี่ยิ้มให้เธอที่เธอไม่เป็นอะไร “พี่ขอโทษอีกรอบนะครับ” รอยยิ้มของรุ่นพี่คนนี้มันช่างหวานละมุนเหลือเกิน มีลักยิ้มเล็ก ๆ ที่แก้มด้วย ยิ่งทำให้มีเสน่ห์เพิ่มมากขึ้นไปอีก พอพูดจบรุ่นพี่ก็เดินไปเก็บลูกฟุตบอล แล้วรีบวิ่งเข้าไปในสนามเหมือนเดิม เธอได้แค่มองตามหลังเขาและนึกปลื้มอยู่ในใจ ผู้ชายคนนี้แหละใช่เลย โมรดาไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมาให้เพื่อน ๆ เห็น เธอแค่แอบคิดแอบปลื้มในใจอยู่คนเดียว
หลังจากวันนั้นผ่านไป โมรดาก็ไม่ค่อยเห็นพี่คนนั้นอีกเลย ด้วยเรียนคนละตึกกัน นักเรียนในโรงเรียนก็เยอะ เธอเฝ้าแอบมองหาพี่คนนั้นทุกวัน แม้ในเวลาเข้าแถวเคารพธงชาติในช่วงเช้า ก็แอบชำเลืองมอง เห็นบ้างไม่เห็นบ้างแล้วแตวันนั้น ๆ ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงทำให้เธอหวั่นไหวได้ขนาดนี้ โมรดาเฝ้าแต่ถามตัวเองทุกคืนก่อนนอน และก็หลับไปพร้อมกับใบหน้าพี่คนนั้น ที่เธอยังไม่รู้จักชื่อเขาเลย
จนในที่สุดวันที่เธอรอคอยก็มาถึง และไม่คิดว่ามันจะมีวันนี้ด้วย “น้อง! น้องคนที่โดนพี่เตะฟุตบอลไปโดนวันก่อนใช่เปล่า” เสียงเรียกดังมาจากด้านหลังของเธอ ซึ่งเธอกำลังต่อคิวชื่อน้ำปั่นในโรงอาหาร “พี่ชื่อนิวนะ พี่นิว” พี่นิวเดินเข้ามายืนข้าง ๆ ใกล้ ๆ เธอ แต่ไม่ถึงกับตัวติดกัน พี่นิวแนะนำตัวเองก่อน เขายิ้มและก็เดินจากไป ปล่อยให้เธอยืนตัวสั่น ใจสั่นอยู่คนเดียว เขินจนทำอะไรไม่ถูก
“หนูน้ำปั่นได้แล้ว”
“คะ! อ้อค่ะเท่าไหร่คะ” เธอรีบจ่ายเงิน รับโกโก้ชอคโกแลตปั่นจากแม่ค้า และรีบเดินไปหากลุ่มเพื่อน ๆ ของตนทันที เรื่องนี้ทำให้เธอยิ้มได้ทั้งวัน มันแค่ความรู้สึกปลื้ม ปลื้มที่เธอก็อธิบายไม่ถูก ว่ามันเป็นความรู้สึกแบบไหน เธอชอบพี่เขาเหรอ เปล่าเลย โมรดาไม่ได้ชอบพี่เขาแบบนั้น ถึงไม่รู้ก็พอจะเดาได้ว่าพี่นิวต้องมีแฟนอยู่แล้วแน่นอน
“มืงพี่คนเมื่อวานเขาชื่ออะไร พวกมืงรู้ปะ” โมรดาแกล้งถามเพื่อนไปอย่างนั้นเอง ทั้งที่ตนเองรู้แล้วเมื่อตอนเที่ยง อยากรู้ว่าเพื่อนจะเห็นตอนที่พี่นิวเดินมาคุยด้วยหรือเปล่า โชคดีเพื่อน ๆ คงไม่ทันได้มอง ไม่เห็นพี่นิวเดินมาแนะนำตัวเองกับเธอ ตอนอยู่โรงอาหาร
“พี่เขามีแฟนอยู่ กูเคยเห็นด้วย” เพื่อนอีกคนแนะนำพี่นิวให้เธอรู้จัก พร้อมยืนยันว่าพี่นิวมีแฟนแล้ว ถ้าจะคบก็คิดดี ๆ
“มืงกูไม่ได้คิดอะไรกับพี่เขาแบบนั้น กูแค่ถามชื่อเฉย ๆ “ แต่ทำไมความสุขมันหายไป รอยยิ้มที่ยิ้มตลอดทั้งวันมันหายไป หายไปกับข้อมูลของพี่นิวที่มีแฟนแล้ว ช่างเถอะ! จะไปคิดทำไม เธอคิดเองเออเองคนเดียว ไม่ได้ชอบพี่นิวแบบนั้นสักหน่อย แค่มองว่าทำไมผู้ชายคนนี้ดูน่ารักดี ดูดี ไม่รู้มันเป็นความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก ก็แค่ปลื้มแฟนพี่นิวคงไม่ว่าหรอก และดูท่าพี่นิวจะคิดเหมือนเธอด้วย ไม่อย่างนั้นคงไม่เดินเข้ามาแนะนำตัวเองกับเธอที่โรงอาหารแน่นอน
“ดีแล้ว! พี่เขามีแฟนแล้วนะมืง”
“อือ... รู้แล้วน่า” พวกเธอมานั่งที่โต๊ะม้าหินอ่อนประจำตำแหน่ง ใต้ต้นขี้เหล็กหน้าโรงยิมเหมือนเดิม และติดขอบสนามฟุตบอลมุมเดิม วันนี้กลุ่มของพี่นิวไม่ได้ซ้อมฟุตบอล ไม่รู้ไปอยู่มุมไหนของโรงเรียน เจอตั้งแต่ตอนเที่ยงแล้วก็ไม่เจออีกเลย
เหมือนคนบนฟ้า รู้ความคิดในใจของเธอหรืออย่างไร กลุ่มของพี่นิวเดินมานั่งโต๊ะม้าหินอ่อนอีกตัว ที่มันยังว่างอยู่ หัวใจของเธอเต้นเร็วไม่เป็นจังหวะ จะบอกว่าตื่นเต้นก็ได้ โมรดาทำตัวไม่ถูก ทำได้เพียงซ่อนรอยยิ้มแห่งความดีใจเอาไว้ ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่ายิ้ม อมยิ้มให้พี่นิวเมื่อมองมา เมื่อสายตาจ้องมองประสานกัน ก็ทำได้เพียงเมินสายตาไปทางอื่นเท่านั้น
“น้องโมครับพี่นิวมาหา” เพื่อนของพี่นิวคนหนึ่งพูดขึ้น ทั้งที่นั่งอยู่กันคนละโต๊ะ มันก็ไม่ได้อยู่ไกลกันมาก อยู่ใต้ร่มขี้เหล็กต้นเดียวกัน โมรดาทำตาโต ตกใจ ทำตัวไม่ถูกเลยที่เหมือนโดนแกล้ง ทำไมพี่คนนั้นเขาต้องทำแบบนี้ด้วย นึกโกรธอยู่ในที เพื่อน ๆ ของเธอเองก็หันมามองเธอเป็นสายตาเดียวกัน ความลับของเธอได้เปิดเผยออกมาแล้ว
“ฮันแน่อี่โม! ทำเป็นหลอกถามกู”
“เปล่านะพวกมืง! อย่ามองกูแบบนั้น” โมรดารีบปฏิเสธเพื่อน ๆ ไป มันเป็นความจริง เธอยังไม่ได้คุยยังไม่ได้อะไรกับพี่นิวเลย แต่ทว่าเธอนึกขึ้นมาได้ กลุ่มของพี่นิวรู้จักชื่อเธอได้ยังไง ทั้งที่ยังไม่ได้คุยกันเลย ก็มีเพียงพี่นิวที่เดินมาแนะนำตนเองให้เธอรู้จัก พอนึกถึงเรื่องนี้โมรดาก็แอบปลื้มไม่น้อย ที่พี่นิวรู้จักชื่อของเธอแล้ว จะไปถามเอาจากใครก็ช่างเถอะ
ชั่วโมงนี้ มันก็ไม่ได้มีอะไรมากมาย นอกจากเธอกับพี่นิวนั่งแอบมองหน้ากัน และก็แอบยิ้มให้กัน กลุ่มของพวกเธอต่างเล่นต่างคุย กลุ่มของพี่นิวด้วย แต่คนที่ไม่ค่อยพูดเห็นจะมีเธอกับพี่นิวมากกว่าที่นั่งอยู่เงียบ ๆ
หลังจากวันนั้น ความสัมพันธ์แบบพี่น้อง ก็เริ่มก่อตัวขึ้นมาเรื่อย ๆ พี่นิวมีแฟนแล้ว แต่เธอยังไม่มีใคร มันไม่ได้มากไปกว่าการเป็นคนรู้จักกันเลย หรือศัพท์เฉพาะกลุ่มของพวกเธอคือ มันไม่ได้มากไปกว่าการเป็นพี่น้อง พี่นิวก็ยอมรับว่าตนเองมีแฟนอยู่แล้ว มันก็ไม่ได้สะทกสะท้านความรู้สึกของเธอ เพราะเธอไม่ได้คิดเกินเลยกับพี่นิวไปมากกว่าพี่ชาย แม้มันจะมากกว่าคนธรรมดาที่รู้จักกันปกติก็ตาม พอหลังจากวันนั้น เธอก็ได้เจอพี่นิวบ่อยขึ้น เดินไปมุมไหนของโรงเรียนก็เจอ แม้กระทั่งกีฬาสี เธอกับพี่นิวก็ได้อยู่สีเดียวกันตั้งสองปี
จนกระทั่งพี่นิวจบชั้น ม.6 โมรดารู้สึกใจหายมาก จะไม่ได้เจอพี่นิวอีกแล้ว ได้แต่ทำใจยอมรับมัน พวกเธอไม่ได้ติดต่อกัน เจอกันแค่ที่โรงเรียนเท่านั้น ถึงจะมีการแลกเบอร์โทรศัพท์ก็ตาม แต่ก็ไม่มีใครโทรหาใคร นอกจากวันมาเรียน พี่นิวจะโทรถามเธอว่านั่งอยู่ตรงไหน พอพี่นิวขึ้น ม.6 พี่นิวก็หาเวลามาอยู่กับเธอบ่อยขึ้น ในแต่ละวันที่มาโรงเรียน ในแต่ละวันที่มีชั่วโมงว่าง มาทั้งกลุ่ม ไม่ใช่มาแค่พี่นิวคนเดียว จนทุกคนในโรงเรียน คิดว่ากลุ่มพี่นิวจีบกลุ่มของเธอ ทำให้เป็นที่เลื่องลือไปทั่วโรงเรียนนับเดือนแล้วก็ซาไป
“โมมีรูปตัวเองปะ พี่นิวขอหน่อย”
“พี่นิวจะเอารูปโมไปทำไมอ่ะ” ณ สนามหญ้าข้าง ๆ ศาลาทรงไทย พวกเธอกับกลุ่มพี่นิวนั่งจับกลุ่มคุยกัน ส่วนบนศาลามีรุ่นพี่อีกกลุ่มนั่งอยู่ ถัดไปเป็นสปริงเวย์รดน้ำต้นหญ้า ภารโรงยังไม่ได้เปิดน้ำตอนนี้ พวกเธอนั่งเล่นได้
“เขียนเฟรนด์ชิพให้พี่นิวไง จะจบแล้วนะ” พี่นิวยื่นสมุดเล่มหนึ่งให้เธอ “เขียนให้พี่นิวด้วย ติดรูปตัวเองด้วย รูปนักเรียนก็ได้ เขียนให้พี่ทุกคนเลยนะ” เพื่อเป็นการไม่ถูกครหา พี่นิวฉลาดให้ทุกคนเขียนให้ตนเองหมดเลย สำหรับเพื่อน ๆ ของเธอ
เธอเปิดดูทีละหน้าซึ่งพี่นิวก็อนุญาต หน้าแรกก็ช้ำใจเลย แฟนพี่นิวเป็นคนเขียนให้ ทั้งที่เรียนคนละโรงเรียน ก็ไม่เป็นไรก็แค่พี่ชายคนหนึ่งเท่านั้น หน้าถัดไปเป็นเหล่าเพื่อน ๆ ของพี่นิวเขียนให้ มีคนอื่นบ้างที่นอกเหนือจากที่กล่าวมา ไม่แปลกที่พี่นิวจะมีแฟนคลับเยอะ เพราะอัธยาศัยดีบวกกับหน้าตาดีด้วย พอมาถึงหน้าสุดท้ายที่พี่นิวจองไว้ให้เธอ ที่รู้เนื่องจากพี่นิวเขียนจองไว้
น้องโมเมย์ นายชานนท์กับเด็กหญิงโมรดา...
อืมม์! ใครจะไปคิดละคะว่าเราจะได้เจอกันอีก ดิฉันปลื้มพี่เขาจริง ๆ นะคะ ตอนนี้ความรู้สึกแบบนั้นก็ยังอยู่ ไม่รู้พี่นิวยังเก็บเฟรนด์ชิพที่ดิฉันเขียนไว้หรือเปล่า แต่รูปที่พี่นิวให้ยังอยู่กับดิฉันค่ะ ดิฉันซ่อนมันเอาไว้อย่างดี ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเก็บรูปพี่เขาไว้ทำไม หรือดิฉันควรเอาทิ้งไปได้แล้วคะ หลังจากพี่นิวจบ ม.6 ไป ดิฉันก็ไม่ได้เจอพี่เขาอีกเลย บอกก่อนนะคะตอนนั้นดิฉันเป็นเด็กหญิงค่ะ ดิฉันอยู่แค่ ม.2 เองยังไม่มีบัตรประชาชน พี่นิวอยู่ ม.6 สมัยนี้มีตั้งแต่สิบขวบแล้ว
ผ่านไป 10 ปีที่ดิฉันไม่ได้เจอพี่นิวเลย แม้แต่เฟสบุ๊กดิฉันก็ไม่มีพี่เขาเป็นเพื่อน พอเรียนจบเปลี่ยนเป็นวัยทำงาน ใครจะคิดว่าเราสองคนจะได้เจอกันอีก ไม่ได้เจอกันที่บ้าน แต่เจอกันที่ ๆ ดิฉันอาศัยอยู่ มาทำงานที่นี่หลังเรียนจบ เรื่องนี้มันทำให้ดิฉันเชื่อว่า เรื่องบังเอิญมันมีอยู่จริงค่ะ ดิฉันเจอกับพี่นิวที่วัดแห่งหนึ่ง ดิฉันไปทำบุญกับสามี พี่นิวไปทำบุญกับภรรยา ดิฉันจำเขาได้แม่นยำ หัวใจของดิฉันเต้นเร็วและแรงเช่นครั้งก่อนนู้น เพราะเขาเป็นผู้ชายคนแรกที่ดิฉันรู้สึกดีด้วยค่ะ ที่ทำให้หัวใจหวั่นไหว พี่นิวก็เหมือนจะจำดิฉันได้ด้วย มองไม่ละสายตาเลย จนในที่สุดดิฉันเป็นฝ่ายอดใจไม่ไหวต้องเข้าไปทักพี่นิวก่อน
แววตาที่พี่ชายคนนี้มองดิฉันยังเหมือนเดิม รอยยิ้มที่แสนละมุนยังมีเหมือนเดิม พร้อมกับลักยิ้มเล็ก ๆ บนแก้มนั้น เราทักทายกันแบบไม่เคอะเขิน แต่มีระยะห่างของความสัมพันธ์ ไม่เหมือนตอนเรียนมัธยม หลังจากนั้นพี่นิวหาเฟสบุ๊กดิฉันเจอได้ยังไงก็ไม่รู้ พี่นิวเพิ่มเพื่อนดิฉันมา ดิฉันรู้สึกเหมือนตอนที่พี่นิวเข้ามาบอกชื่อตัวเองกับดิฉันก่อนเลยค่ะ รู้สึกดีเหมือนตอนนั้นเลย เหมือนตอนพี่นิวรู้จักชื่อดิฉันก่อน โดยที่ดิฉันยังไม่ได้แนะนำตัวเองเลย ดิฉันรู้สึกปลื้มจริง ๆ
ดิฉันเคยรู้สึกดีกับพี่นิวยังไง วันนี้ผ่านมานับ 10 ปีดิฉันก็ยังรู้สึกแบบนั้นไม่เปลี่ยนแปลง พี่ชายที่น่ารักเสมอ ถามว่าดิฉันรักพี่นิวไหม ดิฉันไม่ได้รักพี่นิวค่ะ ดิฉันไม่ได้คิดแบบนั้นกับพี่นิวตั้งแต่เริ่มแรกเลย และพี่นิวก็ไม่ได้คิดแบบนั้นกับดิฉันด้วย เราสองคนไม่ได้เกินเลยไปกว่าคนรู้จักหรือพี่น้องเลย...
แล้วคุณล่ะคะมีคนที่ปลื้มหรือแอบปลื้มบ้างไหม...
จบ...
❤️❤️❤️