สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
มันเป็นสัจธรรมอ่ะค่ะ
แรงขับเคลื่อนที่จะทำให้ผู้ชายออกแรง ตามประสานักล่า (โดยสัญชาตญาณ)
คือตอนที่ยังไม่ได้มา นี่แหละค่ะ
ผู้หญิงเรา จะมีอำนาจต่อรอง ก็ตอนที่ยังไม่ตกเป็นของเขา
เขาได้ไปแล้ว อยู่บ้านเขาแล้ว
ถ้าถามถึงใจเขา ทำไมเขาต้อง ออกแรงอีก (ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นแล้ว)
อาจจะขยับตัวอีกที ตอนรู้ว่าจะเสียไป
แล้วนึกได้ว่า ไม่อยากเสียไปนั่นแหละ
แต่หาก เป็นไปในทิศทางตรงกันข้ามคือ เบื่ออยู่แล้ว ทีนี้เข้าทางเลย
ได้โอกาส ออกล่าอีกครั้ง ตื่นเต้นอีกครั้ง โดยไม่ต้องรู้สึกผิดอะไร
คงสรุปให้คุณได้สั้นๆ ว่า หากเขาไม่อยากแต่ง คุณต้องทำใจล่ะค่ะ
หรือไม่ก็ต้องตระเตรียมทุกอย่างให้เรียบร้อย
แล้วขอร้องให้เขามานั่งเป็นเจ้าบ่าวเข้าพิธีให้หน่อย
ถ้าเขามองว่าไม่ลำบากจนเกินไป เขาน่าจะยอมทำค่ะ
แรงขับเคลื่อนที่จะทำให้ผู้ชายออกแรง ตามประสานักล่า (โดยสัญชาตญาณ)
คือตอนที่ยังไม่ได้มา นี่แหละค่ะ
ผู้หญิงเรา จะมีอำนาจต่อรอง ก็ตอนที่ยังไม่ตกเป็นของเขา
เขาได้ไปแล้ว อยู่บ้านเขาแล้ว
ถ้าถามถึงใจเขา ทำไมเขาต้อง ออกแรงอีก (ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นแล้ว)
อาจจะขยับตัวอีกที ตอนรู้ว่าจะเสียไป
แล้วนึกได้ว่า ไม่อยากเสียไปนั่นแหละ
แต่หาก เป็นไปในทิศทางตรงกันข้ามคือ เบื่ออยู่แล้ว ทีนี้เข้าทางเลย
ได้โอกาส ออกล่าอีกครั้ง ตื่นเต้นอีกครั้ง โดยไม่ต้องรู้สึกผิดอะไร
คงสรุปให้คุณได้สั้นๆ ว่า หากเขาไม่อยากแต่ง คุณต้องทำใจล่ะค่ะ
หรือไม่ก็ต้องตระเตรียมทุกอย่างให้เรียบร้อย
แล้วขอร้องให้เขามานั่งเป็นเจ้าบ่าวเข้าพิธีให้หน่อย
ถ้าเขามองว่าไม่ลำบากจนเกินไป เขาน่าจะยอมทำค่ะ

แสดงความคิดเห็น
เมื่อถามแฟนเรื่องแต่งงานแต่กลับมีข้ออ้างทุกครั้งไป ?
ก่อนหน้านั้นแม่เราเตือนว่าอยู่หอเองดีไหมจะได้ไม่น่าเกียจ จนเมื่อได้งาน ครอบครัวแฟนก็บอกให้มายุนี่เถอะจะได้ประหยัด ไม่ต้องเกรงใจ เราก็กลับไปคุยกับแม่ แม่เราก็แล้วแต่เรา แต่แม่ได้เตือนว่าทำอะไรทำให้ดีๆ ถ้าพร้อมก็ให้ ผู้ใหญ่มาคุยไว้ จะได้ไม่น่าเกียจ
ตอนมาอยู่ใหม่ๆ แม่แฟนก็ถามพร้อมเมื่อไหร่บอกแม่นะเดี๋ยวแม่จะไปคุยกับแม่เรา เราก็ตอบกลับไปว่า เราก็บ่ายเบี่ยง ขอผ่านช่วงโปรไปก่อนเพระาตอนนั้นเราเริ่มทำงานใหม่ๆ หรือ ทำงานถ้าอยู่ได้สักปีเดี๋ยวให้คำตอบใหม่ซึ่งเราก็เอาเรื่องนี้ไปคุยกะแฟน ตอนนี้แฟนบอกไม่พร้อม เงินยังไม่พอเลย แล้วตอนนั้นเรายังไม่อยากแต่งด้วย เราก็ ok ยังไม่แต่ง
จนปัจจุปันอยู่บ้านแฟนจะเข้าได้ 2 ปี แม่เราก๋ถามอีกจะยังไงย้ายไปอยู่บ้านเขาแล้ว เรามีแต่เสียเปรียบนะ ไม่ต้องจัดงานใหญ่อะไรแค่เอาผู้ใหญ่มาคุยสู่ขอให้รับรู้ทั้งสองฝ่ายก็พอ จนแฟนเราอยู่ตรงนั้นพอด่เราเลยบอก แม่คุยกับแฟนหนูเลยไหม แม่เราก็คุย ในเชิงที่ไม่ได้เร่งรัดแค่สอบถาม ว่าจะยังไงต่ออะไรปีะมานนี้ แฟนเราก็อึกๆ อัก เราเข้าใจแฟนว่าอึกอัด แหละแต่เราก็นึกในใจนะ แค่คุยกับพ่อแม่ของตัวเอง มันจะคุยไหมเพราะเราไม่เคยได้ยินมันคุยเรื่องนี้กับพ่อแม่ของเขาเลย
แล้วต่อมาเราถามเมื่อเดือนที่แล้ว กค. ว่ายังไง ได้คุยกับพ่อแม่ของเทอบ้างไหม มันบอกยังเลย
จนล่าสุด กย. เราถามเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มันบอก รอผ่าน covid ไปก่อน นะ
เรานึกในใจ เออ
สรุปกุควรทำยังไงทุกวันนี้ยังนั่งถามตัวเองทุกวัน ว่ามายุบ้านเขาแล้วไปถามเขาอีก แล้วถูกบ่ายเบี่ยงอีกแบบนี้ ควรไปยังไงต่อ เรารู้ว่าทั้งหมดของชี้วิตไม่ใช่แค่การแต่งงาน แต่มันก็คือส่วนหนึ่งแหละที่จะมีผลต่ออนาคตหรือชีวิตของเรา