ผมมีแฟนเป็นคนทำงานแบงค์สีนึงน่ะครับ เขาก็จะมีสังคมแบบของเขา ซึ่งเราอาจจะไม่เบลนด์เข้าไปด้วยได้เต็มตัวนัก
เเช่น เรื่องกิน เรื่องเที่ยว หรือชอปปิ้ง เพราะผมเป็นคนสังคมน้อย ยิ่งเป็นผู้ชาย เทียบกับผู้หญิงที่มีกลุ่มเพื่อน กลุ่มแฮงก์เอาท์
ปัญหามันเกิดเมื่อตอน วันเกิดเพื่อนคนนึงของแฟน ซึ่งเขาจะมีให้ของขวัญวันเกิดกัน แล้วมันเป็นเรื่อง เมื่อเขารู้สึกว่าต้องซื้อแบรนด์เนมให้กัน (แน่นอนว่ามันเงินเขาเอง)
แต่ด้วยความที่แฟนชอบมาถามว่า ซื้ออะไรให้เพื่อนดี + ต้องพาไปเลือกของขวัญด้วย ผมเลยไปเห็นราคาของ ซึ่งโดยส่วนตัวมองว่า แพงเกินความจำเป็น ก็นำไปสู่การไม่พอใจของแฟน
คือผมก็พอเข้าใจว่า การรักษาหน้าที่ต้องให้ของขวัญที่มีราคาหรือมีแบรนด์คงเป็นเรื่องจำเป็นในสังคมเขา แต่ในมุมผมที่เห็นว่า รายได้เขาไม่ได้เยอะ มันอาจจะเป็นการใช้จ่ายเกินตัว จึงไม่ได้มองว่าจุดนี้จะสำคัญไปกว่าการรู้จักใช้เงิน
แน่นอนว่าผมก็ไม่ได้ร่ำรวยมาก แต่ทางครอบครัวผมเป็นพ่อค้าแม่ขาย จะถูกให้ความสำคัญกับเรื่องใช้จ่ายเงินเป็นเรื่องสำคัญจนติดเป็นนิสัย คือ ไม่ใช่อะไรที่จำเป็นจะไม่ค่อยฟุ่มเฟือย ยิ่งถ้าเป็นเรื่องให้ของขวัญใครแพงๆ นี่แทบเป็นไปได้ยาก
ณ จุดนี้ ผมเลยรู้สึกว่า มีหลายๆ เรื่องที่เรากับแฟน ไลฟ์สไตล์ไม่ตรงกัน เช่น การออกไปกินอาหารกับกลุ่มเพื่อนเขา แล้วเราไม่ได้สั่งอาหารอะไรเยอะ หรือการหารอเมริกันแชร์ (ซึ่งบางครั้งในกลุ่มเขาจะมีคนเปย์เป็นเจ้าภาพในบางมื้อ)
คือมันเลยเป็นจุดที่แฟนผมเอ่ยปากเองว่า เราดูเหมือนคนงกเงิน ซึ่งผมก็เข้าใจได้ แต่เราโตมากับการปลูกฝังคนละแบบ เรื่องหน้าตาทางสังคมผมให้ความสำคัญน้อยกว่าเรื่องความสุข หรือเรื่องทางจิตใจ แต่สังคมข้างนอกคงคิดคนละอย่างนั่นก็เป็นเรื่องทางสังคม
เลยแอบรู้สึกว่า ต่อไปอนาคตผมกับแฟนคงไปกันไม่รอด (จริงๆ เคยมีเคสแฟนเก่าที่ไปไม่รอดลักษณะนี้มาแล้ว) ยิ่งพอเราเจอเหตุการณ์โควิด (เห็นการค้าขายไม่กำไรแบบเมื่อก่อน หรือคนอื่นธุรกิจเจ๊ง) + ปีนี้อายุ 34 แล้ว แต่แฟนที่อายุเด็กกว่า ทำให้มุมมองชีวิตเราไม่ค่อยให้ความสำคัญกับเรื่องสังคม เที่ยว ภาพลักษณ์มากนัก
มันอาจจะต้องเปลี่ยนมุมคิดเรื่องความสัมพันธ์ไหมครับ รู้สึกว่าคงต้องมองหาคนที่นิสัยใจคอ รูปแบบชีวิต มากกว่าความสวยหรือรูปร่างหน้าตา เพราะจุดนึงเราเองก็แอบเบื่อ ที่ต้องมาเอาอกเอาใจใครเหมือนกัน หรือเรื่องบางอย่างที่แต่ก่อนเห็นเป็นเรื่องสำคัญ แต่ตอนนี้เรากลับไม่เห็นว่ามันจำเป็นอะไรนัก
ทะเลาะกับแฟนเพราะเรื่องซื้อของขวัญไปฝากเพื่อน
เเช่น เรื่องกิน เรื่องเที่ยว หรือชอปปิ้ง เพราะผมเป็นคนสังคมน้อย ยิ่งเป็นผู้ชาย เทียบกับผู้หญิงที่มีกลุ่มเพื่อน กลุ่มแฮงก์เอาท์
ปัญหามันเกิดเมื่อตอน วันเกิดเพื่อนคนนึงของแฟน ซึ่งเขาจะมีให้ของขวัญวันเกิดกัน แล้วมันเป็นเรื่อง เมื่อเขารู้สึกว่าต้องซื้อแบรนด์เนมให้กัน (แน่นอนว่ามันเงินเขาเอง)
แต่ด้วยความที่แฟนชอบมาถามว่า ซื้ออะไรให้เพื่อนดี + ต้องพาไปเลือกของขวัญด้วย ผมเลยไปเห็นราคาของ ซึ่งโดยส่วนตัวมองว่า แพงเกินความจำเป็น ก็นำไปสู่การไม่พอใจของแฟน
คือผมก็พอเข้าใจว่า การรักษาหน้าที่ต้องให้ของขวัญที่มีราคาหรือมีแบรนด์คงเป็นเรื่องจำเป็นในสังคมเขา แต่ในมุมผมที่เห็นว่า รายได้เขาไม่ได้เยอะ มันอาจจะเป็นการใช้จ่ายเกินตัว จึงไม่ได้มองว่าจุดนี้จะสำคัญไปกว่าการรู้จักใช้เงิน
แน่นอนว่าผมก็ไม่ได้ร่ำรวยมาก แต่ทางครอบครัวผมเป็นพ่อค้าแม่ขาย จะถูกให้ความสำคัญกับเรื่องใช้จ่ายเงินเป็นเรื่องสำคัญจนติดเป็นนิสัย คือ ไม่ใช่อะไรที่จำเป็นจะไม่ค่อยฟุ่มเฟือย ยิ่งถ้าเป็นเรื่องให้ของขวัญใครแพงๆ นี่แทบเป็นไปได้ยาก
ณ จุดนี้ ผมเลยรู้สึกว่า มีหลายๆ เรื่องที่เรากับแฟน ไลฟ์สไตล์ไม่ตรงกัน เช่น การออกไปกินอาหารกับกลุ่มเพื่อนเขา แล้วเราไม่ได้สั่งอาหารอะไรเยอะ หรือการหารอเมริกันแชร์ (ซึ่งบางครั้งในกลุ่มเขาจะมีคนเปย์เป็นเจ้าภาพในบางมื้อ)
คือมันเลยเป็นจุดที่แฟนผมเอ่ยปากเองว่า เราดูเหมือนคนงกเงิน ซึ่งผมก็เข้าใจได้ แต่เราโตมากับการปลูกฝังคนละแบบ เรื่องหน้าตาทางสังคมผมให้ความสำคัญน้อยกว่าเรื่องความสุข หรือเรื่องทางจิตใจ แต่สังคมข้างนอกคงคิดคนละอย่างนั่นก็เป็นเรื่องทางสังคม
เลยแอบรู้สึกว่า ต่อไปอนาคตผมกับแฟนคงไปกันไม่รอด (จริงๆ เคยมีเคสแฟนเก่าที่ไปไม่รอดลักษณะนี้มาแล้ว) ยิ่งพอเราเจอเหตุการณ์โควิด (เห็นการค้าขายไม่กำไรแบบเมื่อก่อน หรือคนอื่นธุรกิจเจ๊ง) + ปีนี้อายุ 34 แล้ว แต่แฟนที่อายุเด็กกว่า ทำให้มุมมองชีวิตเราไม่ค่อยให้ความสำคัญกับเรื่องสังคม เที่ยว ภาพลักษณ์มากนัก
มันอาจจะต้องเปลี่ยนมุมคิดเรื่องความสัมพันธ์ไหมครับ รู้สึกว่าคงต้องมองหาคนที่นิสัยใจคอ รูปแบบชีวิต มากกว่าความสวยหรือรูปร่างหน้าตา เพราะจุดนึงเราเองก็แอบเบื่อ ที่ต้องมาเอาอกเอาใจใครเหมือนกัน หรือเรื่องบางอย่างที่แต่ก่อนเห็นเป็นเรื่องสำคัญ แต่ตอนนี้เรากลับไม่เห็นว่ามันจำเป็นอะไรนัก