สงครามพิวนิค The Punic Wars , Carthago delenda est (Carthage must be destroyed) III

   หลายๆคนคงพอรู้จักกับสงครามพิวนิคหรือเคยได้ยินกันมาบ้างแล้วว่า มันเป็นสงครามที่สองอาณาจักรได้ฆ่าฟันแย่งความเป็นมหาอำนาจในแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน สงครามนี้ละที่ทำให้โรมสามารถกลายเป็นอารยธรรมที่เป็นรากฐานหลายๆอย่างในปัจจุบันได้ สงครามที่เป็นตัวจุดจบของนครคาร์เธจ
ซึ่งทุกคนคงสงสัยว่าใครคือพวกคาร์เธจ นครรัฐคาร์เธจคือเมืองที่พวกชาวฟินิเชีย (Phoenicia) ได้มาตั้งถิ่นฐานที่บริเวณเหนือสุดของแอฟริกาเมืองทูนิสในปัจจุบัน พวกคาร์เธจนั้นถนัดด้านการค้าและการเดินเรือจึงทำให้พวกนี้นั้นร่ำรวยมากๆแต่มันก็ไม่น่ากลัวเท่ากับการที่พวกคาร์เธจเริ่มขยายเขตแดนของตนซึ่ง สงครามเดี๋ยวมันก็ต้องเกิดแน่ๆหาข้ออ้างได้ไม่ยาก คาร์เธจรบกับโรมันอยู่ทั้งหมด 3 ครั้ง รบยัน 264 ก่อน ค.ศ. ถึง 146 ก่อน ค.ศ. ยาวนานกว่าร้อยปี ผมจะเริ่มเล่าตั้งแต่จุดแรกเริ่มสาเหตุของสงครามของทั้งสองมหาอำนาจในยุคโบราณกันเลยนะครับ

       - สงครามพิวนิคครั้งแรก (264 - 241 ก่อน ค.ศ.)
"ขอบเขตโดยประมาณของดินแดนที่ควบคุมโดยโรมและคาร์เธจทันทีก่อนเริ่มสงครามพิวครั้งแรก"
         
   ชนวนของสงครามครั้งแรกเกิดจากเรื่องเล็กๆ คือพวกมาเมอร์ทีน (Mamertines) กลุ่มทหารรับจ้างชาวอิตาเลียนเข้าโจมตีเมืองเมสซินา (Messina)
แล้วเริ่มบุกปล้นเมืองบริเวณรอบๆ จนเป็นปัญหากับนครไซราคิวส์ (Syracuse) กษัตริย์เฮียโรที่ 2 เลยจัดทัพไปปราบ พอพวกมาเมอร์ทีนสู้ไม่ได้คิดจะขอความช่วยเหลือจากคาร์เธจ แต่ต่อมาหักทางไปหาโรมแทน คาร์เธจที่ส่งกองทัพมาก่อนแถมยังมีอาณานิคมอยู่บนเกาะซิซีลีด้วย เรื่องมันก็เริ่มปานปลายเมื่อต่างฝ่ายต้องการควบคุมซิซีลี จึงเกิดสงครามขึ้น คาร์เธจมีกำลังทางเรือเข้มแข็งที่สุดในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ส่วนโรมนั้นที่กำลังแผ่ขยายอำนาจครอบคลุมคาบสมุทรอิตาลี ทำให้มีทหารรบบนแผ่นดินยอดเยี่ยมที่สุด

"ซิซีลี สมรภูมิรบของสงครามพิวนิคครั้งแรก"

   เป็นสงครามบนแผ่นดินซิซีลีและแอฟริกา ทั้งสองฝ่ายรบกันหลายครั้ง แต่ส่วนใหญ่เป็นสงครามทางเรือ คาร์เธจรู้อยู่ว่าโรมันเก่งเมื่ออยู่บนบกจึงใช้กลอุบายหลบเลี่ยงไม่รบโรมันทางบก แต่ใช้ยุทธนาวีที่ตนถนัด โรมันแก้ทางด้วยกาารพัฒนาเสริมความสามารถกองทัพเรือและอาวุธใหม่คือ คอร์วุส
(Corvus)  คอร์วุส คือ สะพานพาดที่ทำให้ทหารราบข้ามเรือไปสู้ลูกเรือฝ่ายตรงข้ามได้ ทำให้การรบได้ผล จนในที่สุดคาร์เธจต้องยอมแพ้ลงสนธิสัญญา ยอมยกเมืองทั้งหมดบนซิซีลีและจ่ายค่าปฏิกรรม  ถึงสงครามจะสร้างความเสีบหายเป็นจำนวนมาก แต่โรมตอนนี้นั้นได้กลายเป็นรัฐที่ทรงอำนาจมากที่สุดในเมดิเตอร์เรเนียน สงครามนี้จะเป็นตัวก่อเกิดศัตรูเก่งกาจที่โรมจะจำไปตลอดกาล

"เรือโรมันที่มีคอร์วุสติดตั้ง"


       - ช่วงระหว่างก่อนสงครามพิวนิคครั้งที่สอง ( 241- 218 ก่อน ค.ศ.)
          
         หลังจากจบสงครามครั้งแรกได้ไม่นานนัก คาร์เธจได้เจอปัญหากับทหารรับจ้างที่ไปสู้ให้กับคาร์เธจได้เรียกร้องให้จ่ายค่าจ้างของตนตามที่กำหนด
แรกๆกองทัพก็เรียกร้องกันดีๆ จนมีผู้นำก่อกบฎขึ้นจนปานปลายกลายเป็นสงครามย่อยๆ คาร์เธจจึงเรียกนายพลชำนาญในสงครามครั้งก่อนคือ ฮามิลคาร์ บาร์คา (Hamilcar Barca) บิดาของฮานนิบาล จนสามารถกำจัดกบฏลงได้ ระหว่างที่คาร์เธจวุ่นวายกับปัญหาของตนอยู่นั้น โรมได้ใช้โอกาสรับความช่วยเหลือจากเมืองอาณานิคมของคาร์เธจที่ซาร์ดิเนียและคอร์ซิกาพร้อมครอบครองเมืองไว้ คาร์เธจที่ไม่อยากมีเรื่องกับโรมก็ให้เมืองไป คาร์เธจแค้นไม่หายกับการกระทำของโรม ฮามิลคาร์ที่เห็นว่าต้องเพิ่มอำนาจและกำลังทหารมากกว่านี้ถึงจะสู้โรมได้ จึงไปบุกโจมตีพื้นที่ไอบีเรีย ระหว่างนั้นเอง ฮามิลคาร์ได้ให้ลูกของเขาฮานนิบาลสาบานไว้ว่า "อย่าเป็นมิตรกับโรม" ซึ่งอนาคตอาณาเขตบนไอบีเรียจะเป็นชนวนสงครามครั้งต่อไป

"ฮานนิบาล บาร์คา"


       - สงครามพิวนิคครั้งที่สอง ( 218 - 201 ก่อน ค.ศ.)

      
        หลังจากสงครามครั้งแรกผ่านไป 23 ปี คาร์เธจได้ถิ่นอาณานิคมใหม่ไอบีเรียจาก ฮามิลคาร์ หลังสูญเสียซาร์ดิเนียและคอร์ซิกาไปให้กับโรม โดยหลังจากการตายของเขา ฮานนิบาลก็มารับช่วงต่อจากพ่อพร้อมความแค้นที่ส่งต่อมา พอดีในเวลานั้นเกิดเรื่องขึ้นที่เมืองซากันตุม (Saguntum) เมืองบริวารของโรม ซึ่งผู้ปกครองที่นั้นใช้กำลังปราบปรามชนกลุ่มน้อยที่เป็นชาวคาร์เธจ สภาคาร์เธจให้ฮานิบาลไปจัดการเรื่องนี้ ฮานิบาลตอบสนองด้วยการยกกองทัพเข้ายึดเมืองซากัมตุม โรมจึงประกาศสงครามกับคาร์เธจ ฮานนิบาลที่เตรียมกองทัพไว้อยู่เเล้ว จึงเซอร์ไพรส์โรมด้วยการข้ามเทือกเขาแอลป์เข้ามาบุกอิตาลีทางตอนเหนือโดยที่โรมันอึ้งตาแตกกันไปหลายคนและไม่ทันตั้งตัว แถมยังชนะโรมันไปหลายครั้งด้วยทัพน้อยนิดที่รอดมาได้จากเทือกเขา

"ฮานนิบาลข้ามเทือกเขาแอลป์"

          สภาเซเนทนั้นได้ตั้งผู้เผด็จกาจคือ ฟาบิอุส แม็กซิมัส (Fabius Maximus) มาแก้สถานการณ์แต่วิธีที่เขาใช้นั้นเรียกว่า กลยุทธ์ฟาเบียน มันคือการที่ไม่สู้กับศัตรูแบบตรงตัวแต่จะคอยทำลายเสบียงและก่อกวนศัตรูจนอ่อนแอ่ไปเองโดยไม่ต้องเสียแรงกองทัพตนเอง แต่โรมันก็ไม่เห็นด้วยหมดเพราะวิธีนี้เป็นการสู้แบบไม่มีเกียรติหรือศักดิ์ศรีใดๆ แถมโรมันไม่อยากรอดูศัตรูมาปล้นเมืองของตนด้วยการนั่งเฉยๆ ไม่นานนักสภาเซเนทจึงเปลี่ยนคนมาแทนที่
ต่อมากงสุล Gaius Terentius Varro และ  Lucius Aemilius Paullus ทั้งคู่ได้รับกองทัพจากสภาเซเนทที่ใหญ่ที่สุดในตอนนั้นเพื่อกำจัดทัพฮานนิบาล ซึ่งกำลังอยู่ที่กันไร (Cannae) โรมันได้รีบบุกจู่โจมใจกลางทัพของฮานนิบาลแต่ทหารฝั่งตรงข้ามสามารถล้อมทัพโรมันระหว่างที่บุกเข้ามาได้  พอถูกล้อมไว้แล้วสุดท้ายกองทัพโรมันได้ถูกบดขยีจนไม่เหลือซากตายกันไม่รู้กี่ศพ นับว่าเป็นการสูญเสียที่ใหญ่หลวง ฮานนิบาลจึงยื่นขอเสนอให้โรมยอมแพ้ซึ่งถ้าปกติก็ต้องยอมแล้วครับ แต่โรมนั้นมุ่งมั่นที่จะไม่ยอมแพ้ ทำให้ฮานนิบาลต้องอยู่ที่อิตาลีต่อไป


          เมื่อโรมสูญเสียขนาดนี้พันธมิตรของโรมก็คิดว่าโรมต้องแพ้แน่ๆเลยเปลี่ยนฝั่งมาอยู่กับฮานนิบาลหนึ่งในเมืองที่เริ่มคือ Capua และเมืองทางตอนใต้แต่ส่วนใหญ่เมืองอื่นๆยังไม่ทรยศโรม แต่ปัญหาใหม่ก็เกิดเมื่อพวกเมซิโดเนียนำโดยกษัตริย์ฟิลิปที่ 5 เป็นพันธมิตรช่วยฮานนิบาล เพื่อที่จะลดอำนาจของโรมันลงในแถบอิตาลี กลายเป็นสงครามเมซิโดเนียครั้งแรก แทรกกับสงครามพิวนิค แต่ส่วนใหญ่ทั้งคู่ก็ไม่ได้สู้กันอย่างจริงจัง

"พันธมิตรของฮันนิบาลทางตอนใต้ของอิตาลี"
 
         ระหว่างที่อิตาลีโรมันกำลังเผชิญกับฮานนิบาล ผมลืมเล่าไปว่าก่อนที่ฮานนิบาลจะข้ามเทือกเขาแอลป์บังเอิญไปเจอกับกองทัพโรมันของคอร์นีเลียส สคิปิโอ (Cornelius Scipio) พ่อของ สคิปิโอ แอฟริกานุส ที่จัดกองทัพอยู่ทั้งสองได้เข้าปะทะกัน สคิปิโอได้พ่ายแพ้และบาดเจ็บสาหัสและได้มอบหน้าที่คุมกองทัพให้น้องของเขา ต่อมาก็ได้ไปรบต่อที่ไอบีเรียจนตาย เหลือแค่สคิปิโอลูกของเขา หลังเหตุการณ์ที่กันไร มีตำแหน่งผู้นำทัพที่ว่างอยู่ซึ่งโรมันจะส่งไปที่ฮิสปาเนีย (Hispania) หรือไอบีเรีย  สคิปิโอได้อาสาเอาตำแหน่งนี้แล้วจัดทัพบุกซึ่งชนะพร้อมได้ยึดเมือง Carthago Nova ได้ สคิปิโอได้ปะทะกับน้องชายฮานนิบาลจนน้องชายโดนฆ่าตาย ฮานนิบาลที่ไม่รู้ข่าวเลยว่าตอนนี้สถานการณ์ที่ไอบีเรียเป็นยังไงบ้าง อยู่ๆโรมันก็ส่งหัวน้องชายมาให้ดูต่อหน้า เมื่อภารกิจพิชิตฮิสปาเนียจบแล้วสคิปิโอก็ได้กลับโรม

          "สคิปิโอ แอฟริกานุส"

          เมื่อโรมันจัดการพวกเมืองทางตอนใต้เรียบร้อย ตอนนี้สถานการณ์ของฮานนิบาลเรียกง่ายๆว่าดูแย่มากเสบียงที่กำลังหมด ทหารที่น้อยลงทุกๆวัน
ฮานนิบาลพยายามขอกองทัพเพิ่มจากสภาคาร์เธจแต่ก็ถูกปฏิเสธ ทำให้ฮานนิบาลต้องติดอยู่ที่อิตาลีไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากก่อกวนทัพโรมัน
ไม่นานสคิปิโอได้คิดที่จะบุกแอฟริกาเพื่อให้ฮานนิบาลออกมาจากอิตาลี ด้วยกองทัพที่ได้มาสคิปิโอบุกโจมตีทันที ซึ่งการบุกครั้งนี้ทำให้สคิปิโอได้ชื่อ แอฟริกานุส "ผู้พิชิตแห่งแอฟริกา" มา

"การรบที่แอฟริกาของสคิปิโอ"

          ฮานนิบาลถูกเรียกกลับมาปกป้องเมืองคาร์เธจ ศึกสุดท้ายของเขาคือที่ซามา (Battle of Zama) ทั้งคู่ก่อนรบกันได้พูดสนทนาเจรจาแต่ก็ไม่สำเร็จ
สคิปิโอได้ครองชัยชนะมาได้ ส่วนฮานนิบาลได้หนีจากไป คาร์เธจยอมแพ้พร้อมลงสนธิสัญญา ทำให้คาร์เธจไม่เหลืออาณานิคม ได้แต่เพียงปกครองตนและยอมตกลงกับโรมว่าจะไม่รวบรวมกองทัพอีก พร้อมเสียค่าปฏิกรรมอย่างหนัก เหลือไว้แต่เมืองนครคาร์เธจ
             "สองขุนพลได้พบกัน"
"อาณาเขตของโรมหลังจบสงครามพิวนิคครั้งที่สอง"

             - สงครามพิวนิคครั้งที่สาม (149 - 146 ก่อน ค.ศ.) "Carthago delenda est" 
               หลังจากจบสงครามครั้งก่อนไป 50 ปี พวกคาร์เธจที่โดนโรมันกำราบและกำลังฟื้นฟูจากสงคราม โรมันที่กลัวว่าคาร์เธจจะกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งก็เริ่มกังวล ถึงจะกลับมาได้แต่ทหารของคาร์เธจไม่มีจึงถูกอาณาจักรนูมิเดียรุกราน คาร์เธจเรียกร้องให้โรมช่วยแต่ไม่มีเสียงตอบกลับจึงรวมกองทัพขึ้น โรมันเห็นดังนั้นว่าละเมิดข้อสัญญา เลยฉวยโอกาสประกาศสงคราม โรมได้ยกทัพไปทำลายล้างเมืองคาร์เธจจนกลายเป็นซากถูกเผาเมืองอยู่ 17วัน
แถมไม่พอโรมันเอาเกลือโรยซ้ำไปทั่วเมืองเพื่อไม่ให้มีอะไรงอกจากแผ่นดินนี้อีก นับเป็นจุดจบของมหานครเมืองคาร์เธจ
"Cato the elder ผู้บุกเบิกการทำลายนครคาร์เธจ"


           
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่