สวัสดีครับ เจอกับผม เต้ อีกเช่นเคยครับ วันนี้ผมจะมีรีวิวมือถือ Samsung Galaxy Note20 Ultra 5G และถ้าใครที่ติดตามผมก็อาจจะทราบว่า ผมเคยทำพรีวิว Samsung Galaxy S20 Ultra ไปแล้ว แต่ก็ไม่ทำรีวิวออกมาซะที 555+ เอาจริงๆ พอใช้ไปนานๆแล้วพอซอฟแวร์มีการอัพเดต มันก็มีการปรับปรุงแก้ไขไปเรื่อย จนเข้าที่เข้าทาง ซึ่งเดี๋ยวผมจะมารีวิวอีกทีนะครับ 555+
ผมเองก็ต้องบอกตรงๆเลยว่าผมเองก็เป็นแค่สื่อเล็กๆ การที่ผมได้มีโอกาสได้ Samsung Galaxy Note20 Ultra มารีวิว ก็ทำให้ผมลำบากใจไม่น้อยเลย เพราะฟีเจอร์ที่ให้มา ไม่ว่าจะเป็น Galaxy Note ตัวไหนๆที่ผ่านมา มันก็เยอะกว่ามือถือทั่วๆไปมากพอสมควรซึ่งปีนี้ก็ดันมารีวิวตัวที่ฟีเจอร์เยอะสุดๆไปเลย 555+ ปีนี้ซัมซุงเลยให้คำนิยามกับ Galaxy Note20 เอาไว้ ว่าเป็น “พาเวอร์โฟน” ที่เหนือกว่าคำว่า “สมาร์ทโฟน” ไปแล้ว
และด้วยปี 2020 ทั่วโลกมีความเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการใช้ชีวิตวิถีใหม่ หรือที่เรียกกันว่า New Normal ผมรู้สึกว่า Galaxy Note20 Series ปีนี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการทำงานผ่านระบบออนไลน์ที่มากขึ้น การใช้งานที่เปรียบเสมือนคอมพิวเตอร์ ที่ผมรู้สึกว่ามันใช้งานได้จริงกว่ารุ่นก่อนๆ และเติมเต็มฟีเจอร์บางอย่างที่ขาดและจำเป็นเข้าไป ซึ่งมันทำให้เราสามารถทำงานได้ด้วยมือถือเพียงเครื่องเดียวได้ดีขึ้น
สำหรับเรื่องดีไซน์ภายนอก ส่วนตัวผมมองว่ามันต่างจาก Galaxy Note10+ ไม่ค่อยมากเท่าไหร่ แต่สิ่งที่สังเกตได้คือเรื่องของสีสันของตัวเครื่องและผิวสัมผัสที่จะต่างจาก Galaxy Note10+ เล็กน้อย แต่สิ่งที่ผมต้องบอกก่อนคือ Galaxy Note20 ตัวธรรมดาในรีวิวนี้ผมอาจจะไม่ได้พูดถึงมากนัก เพราะผมไม่มีเครื่องอยู่ในมือ...แต่ก็อยากให้ทราบกันไว้ก่อนว่า ฝาหลังของ Galaxy Note20 จะเป็นพลาสติกแต่ทำผิวสัมผัสให้เหมือนกับ Galaxy Note20 Ultra ที่ใช้กระจก...ซึ่งสีบรอนซ์หรือสีทองแดง จะเป็นฝาหลังแบบด้าน แต่ถ้าเป็นเครื่องสีดำ เหมือนเครื่องที่ผมได้มา ฝาหลังจะเป็นแบบเงา
ส่วนเรื่อง 5G เครื่องที่ผมได้มารีวิว เป็นรุ่น 5G ก็จริง แต่เป็นเครื่อง DEMO ที่ไม่สามารถใช้งาน 5G ได้ ก็ต้องขออภัยด้วยนะครับ...วิวนี้ก็อาจจะพูดไม่หมดทุกฟีเจอร์ได้ แต่เอาเป็นว่า ผมจะพยามนำเสนอในแบบของผมให้ดีที่สุดแล้วกันนะครับ เนื้อหาค่อนข้างเยอะ...เตือนแล้วนะ ^^
สำหรับใครที่อยากดูรีวิวเป็นวีดีโอ สามารถดูได้ที่นี่เลยครับผม
V
V
v
กล่องของ Note 20 Ultra ก็จะคล้ายๆกับ S 20 ของปี 2020 และรูปปากกที่อยู่ตรงกลางกล่องก็จะเป็นตัวบอก ว่าสีของตัวเครื่องเป็นสีอะไร แต่ถ้าเป็น S20 สีของตัวอักษรสีอะไรตัวเครื่องก็จะเป็นสีนั้น…แต่กล่องที่ผมยืมมาเป็นกล่องของสี Mystic Bronze นะครับ ^^
สเปกตัวเครื่อง
ขนาดตัวเครื่อง 164.8 x 77.2 x 8.1 มิลลิเมตร
น้ำหนัก : 208 กรัม
หน้าจอแสดงผลขนาด 6.9 นิ้ว ความละเอียด 3088 x 1440 , 496 ppi
ระบบปฏิบัติการ : One UI 2.5 บน Android 10
CPU: Exynos 990
GPU: Mali-G77 MP11
RAM : 8GB (4G) LPDDR5 , 12GB (5G) LPDDR5
ความจุตัวเครื่อง 256 / 512GB ใช้หน่วยความจำแบบ UFS 3.1
กล้องหลัง 3 ตัว 108 + 12 + 12 ล้านพิกเซล
กล้องหลัก 108 ล้านพิกเซล f/1.8
กล้อง Ultra Wide ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง f/2.2 มุมกว้าง 120 องศา
กล้อง Periscope ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล f/3.0 ซูม 5 เท่าแบบออพติคอล และซูมได้ 50 เท่าแบบ Hybrid Zoom
กล้องหน้า 10 ล้านพิกเซล f/2.2 ระบบโฟกัสแบบ Dual Pixel
ระบบโฟกัสแบบ Laser Focus
แบตเตอรี่ 4500 mAh
รองรับ Super Fast Charging 25W , PD 3.0 , Wireless Charging 15W , Reverse Wireless Charging 4.5W
ไม่มีช่องเสียบรูหูฟังขนาด 3.5 mm
สแกนลายนิ้วมือบนหน้าจอแบบ Ultrasonic
ในกล่อง
อุปกรณ์ภายในกล่อง Galaxy Note20 Ultra มีคู่มือ มีหัวชาร์จ 25W สาย Type-C to Type-C หูฟัง AKG พร้อมจุกยาง 3 ขนาด แต่สิ่งที่ขาดไปคือไม่มีเคสใสมาให้ และไม่มีที่เปลี่ยนหัวปากกา??? อันนี้ผมไม่ทราบจริงๆว่าทำไมถึงไม่ให้เคส และที่เปลี่ยนหัวปากกาเหมือนทุกที ทั้งที่มันเป็นสิ่งที่ค่อนข้างสำคัญสำหรับหลายๆคนเลยนะ
ภายนอก
ดีไซน์ภายนอก เป็นบอดี้แบบโลหะแบบเงาตามสีของตัวเครื่อง และดีไซน์จะมีความใกล้เคียงกับ Galaxy Note10+ แต่ผมเคยลองเทียบดูแล้ว แกนกลางของตัว Galaxy Note20 Ultra จะบางกว่า Galaxy Note10+ แต่ตามสเปกแล้ว Galaxy Note20 Ultra จะมีขนาดตัวเครื่อง หนากว่า Galaxy Note10+ อยู่ นิดหน่อย...แต่ก็ยังดีที่ติดฟิล์มตัวเครื่องมาให้แล้ว ^^
แต่ถึงภายนอกจะมีความคล้าย Galaxy Note10+ แต่เรื่องของการใช้สีและวัสดุ ไม่ว่าเราจะใช้สีดำ สีบรอนซ์ หรือสีขาว มันเลยทำให้ Galaxy Note20 Ultra ดูเหมือนเครื่องประดับที่เข้ากับเสื้อผ้ามากกว่า และด้วย Eco System ที่ออกมาไม่ว่าจะเป็น Galaxy Buds Live , Galaxy Watch 3 , Galaxy Tab S7 ก็มีสีให้เลือกให้เข้ากับ Galaxy Note20 Ultra ด้วย ซึ่งส่วนตัวผมชอบสีบรอนซ์มาก 555+
ความหนาของตัวเครื่อง ตามสเปกก็จะบางกว่า Galaxy S20 Ultra อยู่นิดหน่อย ซึ่งขนาดตัวเครื่อง Galaxy Note20 คือ 164.8 x 77.2 x 8.1 มิลลิเมตร แต่น้ำหนักตัวเครื่องนี่ต่างกันอยู่นิดหน่อย Galaxy Note20 Ultra น้ำหนักอยู่ที่ 208 กรัม ส่วน Galaxy S20 Ultra น้ำหนักอยู่ที่ 220 กรัมกันเลยทีเดียว ถึงจะหนักทั้งคู่ แต่ก็บาลานซ์น้ำหนักตัวเครื่องมาค่อนข้างดี ถือนานๆแล้วไม่รู้สึกหนักเท่าไหร่ แต่ถ้าใส่เคส น้ำหนักก็จะเพิ่มขึ้นไปอีกก็อาจจะทำให้รู้สึกเมื่อยมือได้ เพราะขนาดตัวผมใช้ Galaxy S20 Ultra ตอนถือเล่นก่อนนอนหลายครั้งผมต้องถอดเคส ไม่งั้นเมื่อยมือ 555+ เพราะเคสเองก็เพิ่มน้ำหนักให้ตัวเครื่องไปอีก 30-50 กรัม แล้วแต่เคสที่ใช้ 555+
ด้านบนของตัวเครื่องก็จะมีไมโครโฟนตัดเสียงรบกวน และช่องใส่ซิม
ซึ่งถาดใส่ซิมก็จะเป็นแบบ Hybrid Slot ที่ช่อง 1 จะเป็นช่องซิมการ์ด แต่ช่องที่ 2 ต้องเลือกว่าจะใส่ซิมการ์ด หรือเมโมรี่การ์ด...แต่ Galaxy Note20 Ultra รองรับ E-Sim แล้ว นั่นหมายความว่า ถ้าใครจะใช้ 2 ซิม แล้วใส่เมโมรี่การ์ดอีก ก็สามารถทำได้ ซึ่ง Galaxy S20 Series ก็ทำแบบนี้ได้เช่นกัน
ด้านขวาของตัวเครื่องก็จะมีปุ่มเปิดปิดเครื่อง และปุ่มเพิ่มเสียงลดเสียง ซึ่งอยู่ในตำแหน่งที่ดีกว่า Galaxy S10+ ส่วน Galaxy Note10 จะอยู่ฝั่งซ้าย เพราะฝั่งขวาเป็นที่อยู่ของปากก และนี่อาจจะเป็นส่วนหนึ่งรึเปล่าที่ทำให้ปากกาของ Galaxy Note20 ย้ายไปอยู่ด้านซ้ายของตัวเครื่อง เพราะพื้นที่ไม่พอ???
ด้านล่างก็จะเป็นช่องเก็บปากกา S-Pen , ลำโพงตัวหลัก , ช่อง Type-C , ไมโครโฟนตัวหลัก
ด้านหน้าก็จะมีลำโพงสนทนามาให้ แต่จริงๆแล้วมันก็ทำหน้าที่เป็นลำโพงอีกตัว เพื่อใช้งานเป็นสเตอริโอครับ...กล้องหน้าเป็นแบบเจาะรูตรงกลาง ตอนแรกผมก็ไม่ได้สังเกต แต่พอมาเทียบกับ Galaxy S20 Ultra แล้ว ก็พบกว่า รูกล้องหน้าของ Galaxy Note20 Ultra เล็กกว่า Galaxy S20 นิดหน่อย ผมว่าอาจจะเป็นเรื่องของพิกเซลของกล้อง Galaxy S20 Ultra รึเปล่า ที่ทำให้รูกล้องมันใหญ่กว่านิดนึง แต่ผมชอบนะ ที่รูกล้องมันเล็กลง อนาคตก็อาจจะเห็นกล้องใต้หน้าจอก็เป็นได้ 555+
และใต้หน้าจอก็มีเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือแบบ Ultrasonic อยู่ด้วย ซึ่งอยู่ในตำแหน่งทีพอดีมือแล้วผมว่า เพราะตอน Galaxy S10 ผมว่ามันอยู่ต่ำไปซักหน่อย
[SR] รีวิว Samsung Galaxy Note20 Ultra ที่ออกช้าที่สุด
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้