ฉลาดเกมส์โกง เดอะ ซีรีส์ - เมื่อการโกงคือทางออก...?
_______________________________________________
.
"บางครั้งก็อยากจะหนีไปให้ไกล แต่ความจนมันรั้งไว้ให้อยู่กับความจริง - แบงก์ "

.
หลังจากสร้างปรากฎการณ์ความโด่งดังเป็นพลุแตกของหนังฉลาดเกมส์โกง กลับมาครั้งนี้ GDH ก็ได้นำกลับมาทำเป็นเวอร์ชั่นของซีรีส์ทั้งหมด 12 ตอน ซึ่งได้เปลี่ยนนักแสดงใหม่ทั้งหมดเพื่อให้เราลืมภาพจำของเวอร์ชั่นหนัง โดยในเวอร์ชั่นซีรีส์นี้ก็มีการเล่าขยายเรื่องออกไปมากกว่าหนัง โดยเราจะได้เห็นการโกงข้อสอบ GAT-PAT ที่ในหนังได้เปรยทิ้งท้ายไว้ตอนจบ รวมไปถึงเราจะได้เห็นมิติของตัวละคร ปูมหลังต่างๆที่ลึกกว่าในฉบับของภาพยนตร์
.
ในเวอร์ชั่นซีรีส์นี้หลังจากดูจบก็ต้องบอกเลยว่า มันสุดยอดมากจริงๆ ถึงแม้ว่าตอนจบนั้นอาจจะทำให้ใครหลายๆคนไม่พอใจก็ตามแต่ แต่ส่วนตัวแอดแล้วมองว่าซีรีส์เรื่องนี้ได้ส่งต่อข้อความที่หนังพยายามจะพูดถึงได้ดีเยี่ยมแล้ว ในเรื่องของวงจรอุบาทของการโกง ในหลากหลายเลเวลของสังคม เมื่อเปรียบเทียบกับฉบับหนังแล้วนั้น อาจจะมองได้ว่า ตัวละครในฉบับภาพยนตร์นั้นดูสุขุมและเลือดเย็นกว่ามาก ซึ่งแตกต่างจากในแบบซีรีส์ที่เรามองตัวละครสมวัยกับบทมากกว่า ที่มีความสดใสและมืดมนในจิตใจปะปนกันไป เหมือนผ้าขาวที่ค่อยๆหม่นหมองด้วยสภาพสังคมอันเลวร้าย การยอมทำความผิดที่ขัดกับหลักการของตัวเอง เพื่อคนที่ตัวเองรัก
.
การแสดงของทุกคนในซีรีส์ถือว่าเล่นได้สุดยอดมากๆ โดยเฉพาะจูเน่และเจ้านาย เรียกได้ว่ามาเหนือความคาดหมายมากๆจริงๆ เจ้านายเล่นบทแบงก์ออกมาได้แตกต่างจากฉบับของนนกุลที่ดูมีแต่ความคับแค้นใจ แบงก์ในเวอร์ชั่นของเจ้านายนั้นกลับมีการพัฒนาด้านจิตใจของตัวละครที่น่าจะมากที่สุดในบรรดาทั้ง 4 คน และมีความซับซ้อนในด้านอารมณ์และการตัดสินใจให้เห็นเสมอๆ เมื่อครั้งที่จะต้องทำผิดเพื่อช่วยคนที่รักอย่างแม่ เราจะเห็นได้ว่าการโกงนั้นเป็นการก้าวข้ามหลักข้ามที่แบงก์ได้ยึดถือ แต่เจ้านายก็แสดงให้เราได้เห็นถึงความขัดแย้งและความลังเลในใจของตัวแบงก์อยู่ตลอด กล่าวได้ว่าแบงก์ในเวอร์ชั่นของเจ้านายนั้น ยังคงมีความเห็นอกเห็นใจและสามัญสำนึกหลงเหลืออยู่ในจิตใจ ซึ่งแตกต่างจากของนนกุลที่เหลือเพียงแค่ความเคียดแค้นที่มีต่อสังคมและระบบ
.
เกรซ ก็เป็นอีกหนึ่งตัวละครที่มีการตีความใหม่ในเวอร์ชั่นของซีรีส์ เราจะเห็นได้ว่าในฉบับภาพยนตร์นั้น เกรซ ดูไม่รู้สึกสำนึกผิดกับการกระทำอะไรเลยก็ตาม แต่ เกรซ ในเวอร์ชั่นซีรีส์นี้ที่รับบทโดย นาน่า นั้นมีการพัฒนาตัวละครที่เห็นได้มากพอๆกับแบงก์เลยทีเดียว เป็นเกรซที่มีสามัญสำนึกอยู่ในใจเสมอ เพราะรักพัฒน์เลยยอมทำตาม เพื่อให้ได้อยู่กับพัฒน์ตลอดไป เป็นเกรซที่เหมือนติดอยู่ในกับดักของสังคมโดยรอบตัว เพื่อน พ่อแม่ และตัวเอง จึงต้องโกงเพื่อดิ้นรนให้ตัวเองหนีพ้นปัญหาเหล่านั้นถึงแม้จะเสียใจและกดดันกับการตัดสินใจของตัวเองก็ตามแต่
.
การ "โกง" ในฉบับซีรีส์มีการตีความออกมาได้ลึกซึ้งกว่าในแบบฉบับหนังพอสมควร หนังไม่ได้พูดแค่เพียงว่าเพราะ สังคมโกงเรา เราจึงต้องโกงมันกลับ แต่หนังสะท้อนให้เห็นอีกด้านว่า "การที่เราโกงเพื่อที่จะชนะคนที่โกงเรานั้น ก็ทำให้เราไม่ต่างอะไรกับคนหรือระบบที่เราเกลียดและพยายามต่อสู้กับมันเลย" เมื่อย้อนกลับไปที่ตอนแรกแบงก์นั้นไม่ยอมโกงข้อสอบให้เพื่อนเพราะมองว่า "ถ้าคนอื่นโกง แต่เราก็ไม่จำเป็นต้องโกงด้วยนิ" เมื่อดูจนจบแล้วมองวกย้อนกลับมาเราก็จะได้คำตอบในที่สุดว่า การโกงนั้นมันยิ่งแต่จะทำให้ทุกอย่างแย่ลงและบานปลายไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดจบ
.
เรียกได้ว่าประทับใจกับการแสดงและบทในฉบับซีรีส์มากๆ ไม่เคยผิดหวังใน GDH เลยจริงๆ ถ้าให้มองเปรียบเทียบกันแล้วหนังทำให้กระชับและเล่นประเด็นในวงที่แคบและสะเทือนใจมากกว่า แต่ซีรีส์ทำให้เราเข้าใจและเห็นใจตัวละครในเรื่องมากกว่า รวมไปถึงการมองวิธีหาทางออกที่กว้างมากกว่า
.
"ให้มันจบที่รุ่นเรา"
"รุ่นเรา มันต้องไม่มีคนโกงแล้ว"
สามารถติดตามต่อได้ที่เพจ Facebook: โต๊ะดราฟตัวนั้น
https://www.facebook.com/TheDraftingTable
[CR] ฉลาดเกมส์โกง เดอะ ซีรีส์ - เมื่อการโกงคือทางออก..?
_______________________________________________
.
"บางครั้งก็อยากจะหนีไปให้ไกล แต่ความจนมันรั้งไว้ให้อยู่กับความจริง - แบงก์ "
.
หลังจากสร้างปรากฎการณ์ความโด่งดังเป็นพลุแตกของหนังฉลาดเกมส์โกง กลับมาครั้งนี้ GDH ก็ได้นำกลับมาทำเป็นเวอร์ชั่นของซีรีส์ทั้งหมด 12 ตอน ซึ่งได้เปลี่ยนนักแสดงใหม่ทั้งหมดเพื่อให้เราลืมภาพจำของเวอร์ชั่นหนัง โดยในเวอร์ชั่นซีรีส์นี้ก็มีการเล่าขยายเรื่องออกไปมากกว่าหนัง โดยเราจะได้เห็นการโกงข้อสอบ GAT-PAT ที่ในหนังได้เปรยทิ้งท้ายไว้ตอนจบ รวมไปถึงเราจะได้เห็นมิติของตัวละคร ปูมหลังต่างๆที่ลึกกว่าในฉบับของภาพยนตร์
.
ในเวอร์ชั่นซีรีส์นี้หลังจากดูจบก็ต้องบอกเลยว่า มันสุดยอดมากจริงๆ ถึงแม้ว่าตอนจบนั้นอาจจะทำให้ใครหลายๆคนไม่พอใจก็ตามแต่ แต่ส่วนตัวแอดแล้วมองว่าซีรีส์เรื่องนี้ได้ส่งต่อข้อความที่หนังพยายามจะพูดถึงได้ดีเยี่ยมแล้ว ในเรื่องของวงจรอุบาทของการโกง ในหลากหลายเลเวลของสังคม เมื่อเปรียบเทียบกับฉบับหนังแล้วนั้น อาจจะมองได้ว่า ตัวละครในฉบับภาพยนตร์นั้นดูสุขุมและเลือดเย็นกว่ามาก ซึ่งแตกต่างจากในแบบซีรีส์ที่เรามองตัวละครสมวัยกับบทมากกว่า ที่มีความสดใสและมืดมนในจิตใจปะปนกันไป เหมือนผ้าขาวที่ค่อยๆหม่นหมองด้วยสภาพสังคมอันเลวร้าย การยอมทำความผิดที่ขัดกับหลักการของตัวเอง เพื่อคนที่ตัวเองรัก
.
การแสดงของทุกคนในซีรีส์ถือว่าเล่นได้สุดยอดมากๆ โดยเฉพาะจูเน่และเจ้านาย เรียกได้ว่ามาเหนือความคาดหมายมากๆจริงๆ เจ้านายเล่นบทแบงก์ออกมาได้แตกต่างจากฉบับของนนกุลที่ดูมีแต่ความคับแค้นใจ แบงก์ในเวอร์ชั่นของเจ้านายนั้นกลับมีการพัฒนาด้านจิตใจของตัวละครที่น่าจะมากที่สุดในบรรดาทั้ง 4 คน และมีความซับซ้อนในด้านอารมณ์และการตัดสินใจให้เห็นเสมอๆ เมื่อครั้งที่จะต้องทำผิดเพื่อช่วยคนที่รักอย่างแม่ เราจะเห็นได้ว่าการโกงนั้นเป็นการก้าวข้ามหลักข้ามที่แบงก์ได้ยึดถือ แต่เจ้านายก็แสดงให้เราได้เห็นถึงความขัดแย้งและความลังเลในใจของตัวแบงก์อยู่ตลอด กล่าวได้ว่าแบงก์ในเวอร์ชั่นของเจ้านายนั้น ยังคงมีความเห็นอกเห็นใจและสามัญสำนึกหลงเหลืออยู่ในจิตใจ ซึ่งแตกต่างจากของนนกุลที่เหลือเพียงแค่ความเคียดแค้นที่มีต่อสังคมและระบบ
.
เกรซ ก็เป็นอีกหนึ่งตัวละครที่มีการตีความใหม่ในเวอร์ชั่นของซีรีส์ เราจะเห็นได้ว่าในฉบับภาพยนตร์นั้น เกรซ ดูไม่รู้สึกสำนึกผิดกับการกระทำอะไรเลยก็ตาม แต่ เกรซ ในเวอร์ชั่นซีรีส์นี้ที่รับบทโดย นาน่า นั้นมีการพัฒนาตัวละครที่เห็นได้มากพอๆกับแบงก์เลยทีเดียว เป็นเกรซที่มีสามัญสำนึกอยู่ในใจเสมอ เพราะรักพัฒน์เลยยอมทำตาม เพื่อให้ได้อยู่กับพัฒน์ตลอดไป เป็นเกรซที่เหมือนติดอยู่ในกับดักของสังคมโดยรอบตัว เพื่อน พ่อแม่ และตัวเอง จึงต้องโกงเพื่อดิ้นรนให้ตัวเองหนีพ้นปัญหาเหล่านั้นถึงแม้จะเสียใจและกดดันกับการตัดสินใจของตัวเองก็ตามแต่
.
การ "โกง" ในฉบับซีรีส์มีการตีความออกมาได้ลึกซึ้งกว่าในแบบฉบับหนังพอสมควร หนังไม่ได้พูดแค่เพียงว่าเพราะ สังคมโกงเรา เราจึงต้องโกงมันกลับ แต่หนังสะท้อนให้เห็นอีกด้านว่า "การที่เราโกงเพื่อที่จะชนะคนที่โกงเรานั้น ก็ทำให้เราไม่ต่างอะไรกับคนหรือระบบที่เราเกลียดและพยายามต่อสู้กับมันเลย" เมื่อย้อนกลับไปที่ตอนแรกแบงก์นั้นไม่ยอมโกงข้อสอบให้เพื่อนเพราะมองว่า "ถ้าคนอื่นโกง แต่เราก็ไม่จำเป็นต้องโกงด้วยนิ" เมื่อดูจนจบแล้วมองวกย้อนกลับมาเราก็จะได้คำตอบในที่สุดว่า การโกงนั้นมันยิ่งแต่จะทำให้ทุกอย่างแย่ลงและบานปลายไปเรื่อยๆอย่างไม่มีจุดจบ
.
เรียกได้ว่าประทับใจกับการแสดงและบทในฉบับซีรีส์มากๆ ไม่เคยผิดหวังใน GDH เลยจริงๆ ถ้าให้มองเปรียบเทียบกันแล้วหนังทำให้กระชับและเล่นประเด็นในวงที่แคบและสะเทือนใจมากกว่า แต่ซีรีส์ทำให้เราเข้าใจและเห็นใจตัวละครในเรื่องมากกว่า รวมไปถึงการมองวิธีหาทางออกที่กว้างมากกว่า
.
"ให้มันจบที่รุ่นเรา"
"รุ่นเรา มันต้องไม่มีคนโกงแล้ว"
สามารถติดตามต่อได้ที่เพจ Facebook: โต๊ะดราฟตัวนั้น
https://www.facebook.com/TheDraftingTable
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้