
คิดว่าจะต้องรอนานกว่านี้ซะแล้ว เพราะตอนแรกทางค่ายแถลงว่าอาจจะเลื่อนเป็นปลายปี แต่สุดท้ายก็เข้าฉายจนได้ และถือว่าจังหวะดีทีเดียว เมื่อสัปดาห์ที่เข้าฉายมีหนังที่มาต่อกรแค่เรื่องเดียวเท่านั้น แต่ก็ความความดีงามของหนังอีกนั่นแหละ ที่สร้างกระแสการพูดถึงในแง่ดีได้เยอะแยะมากมาย ถึงแม้จะมีข่าวการบอยคอทหนังเรื่องนี้ เนื่องจากเหตุการณ์ทางการเมืองจากทางฝั่งคนจีนก็ตาม

เรื่องราวของประเทศจีนในอดีตที่ถูกรุกรานโดยกลุ่มโจรสุดโหด ทำให้พระจักรพรรดิต้องเกณฑ์ผู้ชายจากแต่ละครอบครัวมาฝึกเป็นทหารเพื่อออกรบ โชคร้ายที่ตระกูล “ฮัว” ไม่มีลูกชาย และพ่อผู้เป็นทหารผ่านศึกก็พิการที่ขา ทำให้ลูกสาวคนโต “มู่หลาน” ต้องแอบหนีออกจากบ้านและปลอมตัวเป็นลูกชายตระกูล “ฮัว”เพื่อออกรบ “มู่หลาน” ต้องเผชิญหน้ากับศัตรู และปกป้องเมืองด้วยคำปฏิญาณ 3 ข้อ คือ กล้าหาญ ภักดี และซื่อสัตย์

สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนมากๆ ของ “MULAN” เวอร์ชั่นนี้คือเรื่องของการเล่าเรื่องที่ดูเป็นผู้ใหญ่และมีความเข้มข้นจริงจังมากขึ้นกว่าในตอนเป็น animation เยอะมาก บนพื้นฐานของเส้นเรื่องตามแบบฉบับของเดิม แต่เพิ่มเอาความเป็นจริง และเพิ่มความซีเรียสเข้าไป ลบอารมณ์ความเป็นการ์ตูนแบบเด็กๆ มุ๊งมิ๊งออกจนไม่เหลือ ซึ่งหนังอาจจะปรับบางอย่างที่เคยมีในอนิเมชั่นออกแล้วใส่ความ real เข้าไปให้ดูสมจริงยิ่งขึ้น ไม่ได้เดินตามต้นฉบับ 100% มีบางอย่างมที่อาจจะตีความใหม่และเน้นย้ำให้มากกว่าเดิม ยกเว้นแค่เรื่องของความเชื่อในเรื่อง “นกฟินิกส์” ที่เหมือนเป็นประเด็นสำคัญของครอบครัวที่หนังใช้ CG สร้างขึ้นมาแทนการใช้ “มังกรมูซู” ในอนิเมชั่น ซึ่งตรงจุดนี้หนังอาจจะให้ความสำคัญของมันน้อยไปนิด

ซึ่งต้องยกความดีความชอบให้ทีมงานผู้สร้างที่เป็นฝรั่ง แต่กลับทำการบ้านเรื่องราววัฒนธรรมของชาวจีนได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะเรื่องของสถานภาพของเพศชายหญิงในสมัยก่อนที่เป็นวัฒนธรรมที่ยึดติดมาแต่โบราณ รวมไปถึงการเน้นย้ำคำปฏิญาณ 3 คำของเรื่อบให้กระจายอยู่ในเนื้อหาทั้งหมดของเรื่อง ซึ่งทั้งคนเขียนบท ผู้กำกับ และผู้อำนวยการสร้างทำออกมาได้อย่างเยี่ยมยอด

คิวบู๊และนักแสดงก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่ดูดีมากในหนังเรื่องนี้ ภาพฉากแอ็คชั่นกำลังภายในที่หนังทำออกมาได้สวยงามเหมือนศิลปะการร่ายรำ แต่มีความแข็งแกร่งเหมือนหนังต่อสู้ ยิ่งได้นักแสดงฝีมือยอดเยี่ยมอย่าง “ดอนนี่ เยน” “เจ็ท ลี” “เจสัน สก็อต ลี” และ “กงลี่” มาช่วยเพิ่มความพริ้วไหวในการแสดงด้วย ยิ่งเพิ่มความสุดยอดให้กับศิลปะในหนังเรื่องนี้มากขึ้น

ไฮไลท์สำคัญที่ทุกคนจับตามอง คงหนีไม่พ้น “Disney’s Princess” คนล่าสุดอย่าง “หลิวอี้เฟย” ที่มารับบทนำ “มู่หลาน” ซึ่งอาจจะมีกระแสให้แบนหนังจากหลายๆ ประเทศเนื่องจากผลกระทบทางด้านการเมือง แต่คงไม่ได้กระทบอะไรในบ้านเรา และถ้าดูแค่ผลงานการแสดงในเรื่องนี้ ถือว่าเธอทำได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเฉพาะการร่ายรำศิลปะการต่อสู้ และฉากแอ็คชั่นที่สวยงามเหมือนเจ้าหญิงที่กำลังร่ายรำอยู่บนเวทีการแสดง

ต้องบอกว่า ใครที่กำลังรอหนัง Live Action ของ Disney เรื่องนี้อยู่ ขอให้รีบซื้อตั๋วเข้าไปดูกันเลย เพราะคุณจะไม่ผิดหวังกับสิ่งที่หนังทำออกมาแน่นอน และอาจจะเกินคาดด้วยซ้ำ
ถ้าชอบบทความ ฝากเพจหนังเล็กๆ ด้วยนะครับ >>>
https://www.facebook.com/DooNangGunMai/
[CR] [#Review] Mulan - ในความเป็น Live Action ที่เติบโตและเข้มข้นขึ้นกว่าเวอร์ชั่น Animation
คิดว่าจะต้องรอนานกว่านี้ซะแล้ว เพราะตอนแรกทางค่ายแถลงว่าอาจจะเลื่อนเป็นปลายปี แต่สุดท้ายก็เข้าฉายจนได้ และถือว่าจังหวะดีทีเดียว เมื่อสัปดาห์ที่เข้าฉายมีหนังที่มาต่อกรแค่เรื่องเดียวเท่านั้น แต่ก็ความความดีงามของหนังอีกนั่นแหละ ที่สร้างกระแสการพูดถึงในแง่ดีได้เยอะแยะมากมาย ถึงแม้จะมีข่าวการบอยคอทหนังเรื่องนี้ เนื่องจากเหตุการณ์ทางการเมืองจากทางฝั่งคนจีนก็ตาม
เรื่องราวของประเทศจีนในอดีตที่ถูกรุกรานโดยกลุ่มโจรสุดโหด ทำให้พระจักรพรรดิต้องเกณฑ์ผู้ชายจากแต่ละครอบครัวมาฝึกเป็นทหารเพื่อออกรบ โชคร้ายที่ตระกูล “ฮัว” ไม่มีลูกชาย และพ่อผู้เป็นทหารผ่านศึกก็พิการที่ขา ทำให้ลูกสาวคนโต “มู่หลาน” ต้องแอบหนีออกจากบ้านและปลอมตัวเป็นลูกชายตระกูล “ฮัว”เพื่อออกรบ “มู่หลาน” ต้องเผชิญหน้ากับศัตรู และปกป้องเมืองด้วยคำปฏิญาณ 3 ข้อ คือ กล้าหาญ ภักดี และซื่อสัตย์
สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนมากๆ ของ “MULAN” เวอร์ชั่นนี้คือเรื่องของการเล่าเรื่องที่ดูเป็นผู้ใหญ่และมีความเข้มข้นจริงจังมากขึ้นกว่าในตอนเป็น animation เยอะมาก บนพื้นฐานของเส้นเรื่องตามแบบฉบับของเดิม แต่เพิ่มเอาความเป็นจริง และเพิ่มความซีเรียสเข้าไป ลบอารมณ์ความเป็นการ์ตูนแบบเด็กๆ มุ๊งมิ๊งออกจนไม่เหลือ ซึ่งหนังอาจจะปรับบางอย่างที่เคยมีในอนิเมชั่นออกแล้วใส่ความ real เข้าไปให้ดูสมจริงยิ่งขึ้น ไม่ได้เดินตามต้นฉบับ 100% มีบางอย่างมที่อาจจะตีความใหม่และเน้นย้ำให้มากกว่าเดิม ยกเว้นแค่เรื่องของความเชื่อในเรื่อง “นกฟินิกส์” ที่เหมือนเป็นประเด็นสำคัญของครอบครัวที่หนังใช้ CG สร้างขึ้นมาแทนการใช้ “มังกรมูซู” ในอนิเมชั่น ซึ่งตรงจุดนี้หนังอาจจะให้ความสำคัญของมันน้อยไปนิด
ซึ่งต้องยกความดีความชอบให้ทีมงานผู้สร้างที่เป็นฝรั่ง แต่กลับทำการบ้านเรื่องราววัฒนธรรมของชาวจีนได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะเรื่องของสถานภาพของเพศชายหญิงในสมัยก่อนที่เป็นวัฒนธรรมที่ยึดติดมาแต่โบราณ รวมไปถึงการเน้นย้ำคำปฏิญาณ 3 คำของเรื่อบให้กระจายอยู่ในเนื้อหาทั้งหมดของเรื่อง ซึ่งทั้งคนเขียนบท ผู้กำกับ และผู้อำนวยการสร้างทำออกมาได้อย่างเยี่ยมยอด
คิวบู๊และนักแสดงก็เป็นอีกจุดหนึ่งที่ดูดีมากในหนังเรื่องนี้ ภาพฉากแอ็คชั่นกำลังภายในที่หนังทำออกมาได้สวยงามเหมือนศิลปะการร่ายรำ แต่มีความแข็งแกร่งเหมือนหนังต่อสู้ ยิ่งได้นักแสดงฝีมือยอดเยี่ยมอย่าง “ดอนนี่ เยน” “เจ็ท ลี” “เจสัน สก็อต ลี” และ “กงลี่” มาช่วยเพิ่มความพริ้วไหวในการแสดงด้วย ยิ่งเพิ่มความสุดยอดให้กับศิลปะในหนังเรื่องนี้มากขึ้น
ไฮไลท์สำคัญที่ทุกคนจับตามอง คงหนีไม่พ้น “Disney’s Princess” คนล่าสุดอย่าง “หลิวอี้เฟย” ที่มารับบทนำ “มู่หลาน” ซึ่งอาจจะมีกระแสให้แบนหนังจากหลายๆ ประเทศเนื่องจากผลกระทบทางด้านการเมือง แต่คงไม่ได้กระทบอะไรในบ้านเรา และถ้าดูแค่ผลงานการแสดงในเรื่องนี้ ถือว่าเธอทำได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเฉพาะการร่ายรำศิลปะการต่อสู้ และฉากแอ็คชั่นที่สวยงามเหมือนเจ้าหญิงที่กำลังร่ายรำอยู่บนเวทีการแสดง
ต้องบอกว่า ใครที่กำลังรอหนัง Live Action ของ Disney เรื่องนี้อยู่ ขอให้รีบซื้อตั๋วเข้าไปดูกันเลย เพราะคุณจะไม่ผิดหวังกับสิ่งที่หนังทำออกมาแน่นอน และอาจจะเกินคาดด้วยซ้ำ
ถ้าชอบบทความ ฝากเพจหนังเล็กๆ ด้วยนะครับ >>> https://www.facebook.com/DooNangGunMai/
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้