จูเล่อีกครั้งค่ะ ทูกค้นนนนน
ไปเที่ยวต่อกันเลยที่ทะเลสาบปันกอง ..กอง กอง กองงง กองงง... (เสียงเอคโค่ค่ะ)

วันนี้เป็นอีกวันที่เราตื่นเช้ามาก เอาจริงๆตั้งแต่มา ไม่มีวันไหนได้นอนตื่นสายเลย ถามว่าเหนื่อยมั๊ยอ่ะ
ตอบเลยว่า งัวเงีย (เอ้า ตอบไม่ตรงคำถาม) ก็แค่งัวเงียจริงๆค่ะ
ไม่เหนื่อยหรอก ก่อนเรามาเราก็บอกพี่นิไว้แล้วว่า พี่นิคะ ทริปแต่ละวันมันจะต้องตื่นเช้าหน่อยนะ พี่นิก็โอเคมาก
ปกติพี่นิก็ตื่นเช้าอยู่แล้ว (แต่เราไม่) พี่นิบอกว่า ไปเที่ยวก็เก็บเกี่ยวบรรยากาศให้เต็มที่ไปเลย จะไปนอนดึกๆ ตื่นเที่ยงก็ไม่ใช่ แล้วจะไปทำไม อยู่บ้านนอนสบายๆดีกว่า ก็ถูกของพี่นินะ ถ้าไปเที่ยวบางที่มันก็ต้องทำทุกนาทีให้มีค่าที่สุด เพราะวิวบางอย่างถ้าพลาดคือพลาดเลย จะมานั่งเสียดายแล้วจะแบกสังขารมาอีกรอบก็ไม่ใช่ป่ะ เราก็เลยไม่รู้สึกเหนื่อยกับทริปนี้เลย (ที่บ่นๆคือเมื่อยตูดล้วนๆ ฮ่าๆๆ)

วันนี้เป็นรูทที่ยาวมากอีกวัน ก็ราวๆ8ชม.ยาวๆไปค่ะ เราจะย้อนกลับไปทางเดิมแต่จะตัดออกไปทะเลสาบยังไม่เข้าเลห์ เส้นทางสายนี้ก็จะเป็นวิวอีกอย่าง ต่างจากเมื่อวานไปอีก จะเป็นยังไงนั้นมาชมกันค่ะ ม่ะ!!
วันนี้เราจะไป Hunder Sand Dune- Disket Monastery – Pangong Lake
พี่บุญหมุนล้อตั้งแต่เจ้าของที่พักยังไม่ตื่น เรากินข้าวเช้ากันบนรถ(อีกแล้ว) แล้วก็ปล่อยให้พี่บุญบังคับพวงมาลัยไปคนเดียว
โดยที่เรากับพี่นิของีบต่อแล้วแยกย้ายกันคนละมุมรถ
ซักพัก ปั๊กก!! พอละ ตื่นเพราะหัวโขก เราไปต่อไม่ไหวจริงๆ ตื่นก็ตื่นวะ เนี่ยก็กลับทางเดิม(แต่ไม่ยาวตลอด)
แต่พอเริ่มแยกเส้นทางมาทางนี้เราก็เริ่มเห็นวิวที่แปลกตาจากเมื่อวาน นั่นก็คือวิวทะเลทรายจ้า
จุดนี้เรียกว่า Hunder Sand Dune

ที่นี่เป็นอีกจุดที่ให้นักท่องเที่ยวมาแวะถ่ายรูปกับน้องอูฐ แดดแรงมากกก ลมก็แรง แต่อากาศยังเย็นอยู่ พอลงรถปุ๊บเราก็วิ่งแจ๋นเข้าไปมาน้องอูฐทันที

โหหหหห นี่มันดงอุฐชัดๆ

น้องน่ารัก แต่ก็น่าสงสารด้วย มีคนมาขี่น้องเต็มเลย
เดินถ่ายรูปน้องๆไปเรื่อยมาหยุดที่ตัวหนึ่ง แล้วก็ได้ยินเสียง ซรู่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆออกมาดังมาก นึกว่าฝนตก โถน้องฉี่ออกมาเป็นน้ำตกเลยล่ะ ดี๊นะที่ไม่ไปยืนอยู่ข้างหลังอ่ะ ไม่งั้นเราเห็นดีกันแน่ ยังจะมองหน้าอีก อูฐก็อูฐเถอะ เดี๋ยวตีให้โหนกบวมเลย



เมื่อเราพอใจกับน้องอูฐแล้วเราก็บึ่งรถไปต่อกันเลยค่ะ แล้วก็เราก็ผ่าน Disket Monastery ราวๆเที่ยง เราแวะเข้าไปไหว้พระองค์ใหญ่กับแป๊บนึง
แป๊บจริงๆอ่ะ เพราะรู้สึกว่า มองจากข้างล่างสวยกว่าเข้าไปข้างในเยอะเลย


พอถึงเวลาท้องร้อง พี่บุญก็พาเรามาแวะหมู่บ้านใกล้ๆให้เราหาอะไรกินกัน
ใช่ค่ะทุกคนได้ยินไม่ผิด วันนี้! มื้อนี้! เราจะกินข้าวนอกรถกัน!โอ้วม่ายยย เราจะได้บริโภคเมนูอะไรมาลุ้นกันค่ะ
ว่าแล้วเราก็ไปเดินหาของกินกันตามร้านอาหารแถวๆนั้น เดินดูจนปวดขาก็ไม่มีอะไรที่คิดว่าจะบริโภคได้เลย
แลวแลวแล่วแล๊ววววว ในที่สุดเราก็ไปเจอเมนูอะไรรู้มั๊ยคะ

เห้ยยยย “Thai fried rice tomyum”

เหมือนสวรรค์เห็นใจลูก เราตื่นเต้นดีใจมาก รีบหันไปตะโกนเรียกพี่นิ
พี่นิ!!!!! น้องเจอเมนูนี้ สั่งกันป่าว พี่นิทำนั่งนิ่งๆไม่ได้ดูตื่นเต้นไปกับเราเลย แป่ว.....
แล้วพี่นิก็บอกว่า สั่งมาจานเดียวก่อนแล้วกัน เดี่ยวพี่สั่งไข่ดาวแล้วก็กาแฟ
ว่าแล้วเราก็ทำตามที่พี่นิบอก
นั่งรออย่างใจจดใจจ่อ ข้าวผัดต้มยำเราจะมาเมื่อไหร่น้า


ผ่านไปพักใหญ่ ไฟนาลี่ข้าวผัดพี่ที่รอคอยมานานแสนนานก็มาเสิร์ฟตรงหน้าเรา
แว๊บแรกที่เห็น เห้ยยยย สีมันได้ว่ะ มีกำลังใจมากขึ้น ไฟเขียวขึ้นปี๊ดๆ
แต่ทว่า เมื่อข้าพเจ้าได้ลองบริโภคคำแรกนั้น

*&^%$#@(^$+# %$#@(^$+#
พี่นิ !!!! มันคืออัลไลอ๊า ใครสั่งใครสอนให้เรียกเมนูนี้ว่า “Thai fried rice tomyum” อยากเข้าไปตีหัวจริงๆ
โอ๊ยยยยยยยยยยยยยย รสชาติอูฐยังไม่แ..กเลยขอบอก ไม่มีความต้มยำเลยสักนิด ไม่มีแม้แต่วิญญาณของรสต้มยำเลยเจ้าค่ะ
พี่นิข๊ำขำ หัวเราะเราหนักมากกกกก โถอิหนู จะมาอะไรกับต้มยำแถวนี้ เค้าจะไปหาตะไคร้ใบมะกรูดที่ไหนมาใส่ให้ห๊ะ
ฮืออออออ เราเสียใจและผิดหวังกับเมนูนี้อย่างแรง สุดท้ายก็กินได้แต่ไข่ดาวที่พี่นิสั่งมา แล้วสภาพก็เป็นแบบที่เห็นเลยจ่ะ 555555555

พี่นิก็นั่งกินไปขำไป

หลังจากนั้นเราก็หาผลไม้อย่างอื่นไปล้างปากแก้เลี่ยนแทน เครื่องต้มยำบ้านพี่หรอเนี๊ย มันเครื่อง

ัดๆ เดี๋ยวๆมาไทยเดี๋ยวจะพาไปซื้อให้สองสามลังกลับไปทำให้ถูกนะ (ยังๆยัง ไม่หยุดบ่น 5555)
เรามุ่งหน้าไปทะเลสาบยาวๆกันเล้ยยยย
“สต๊อบบบบ” พี่บุญจ๊อดดดดดดดดดดด ตรงนี้สวยๆ ขอแวะถ่ายรูปแปบนึงค่ะ
พี่บุญคงแบบ วันนี้จะถึงปันกองมั๊ยเนี๊ย


มีตัวอะไรไม่รู้ด้วย เหมือนกระต่าย หูสั้นๆ ฟันเฉาะๆ กระโดดดึ๊บๆ อาศัยอยู่ในโพรง (เอ้า มาเล่นทายชื่อสัตว์กันค่ะทุกคน เพราะเราไม่รู้)


ตัวจ้ำม่ำมากๆเลย

(ขอจิ๊กรูปของพี่นิมาด้วย)

และพี่นิก็ดูแฮพพรี่กับน้องแกะ

พอใจแล้วจ้าา ไปกันเถอะ ไปปันกองกันซักทีเถอะ (พูดแทนพี่บุญ)


เราแทนจะไม่ได้หลับเลย เพราะวิวข้างทางเปลี่ยนตลอด มีอะไรให้ดูตื่นเต้นตลอดทางเลย
พอเราเห็นป้ายนี้ พี่บุญก็บอกว่าใกล้ละๆ ทำให้เรามีความตื่นเต้นมากขึ้น ตั้งหน้าตั้งตารอ (เหมือนที่รอข้าวผัด)

ฮิ้วววววววววววววว ดีใจฝุดๆ จะถึงซักที

ไปค่ะ ไปค่ะ เราขับเข้าไปใกล้ๆกันดีกว่า

ที่พักบังกะโลแถวนี้ใกล้ๆทะเลสาบเต็มหมดนะจ๊ะ
ปล. เราไม่ได้จองที่พักมากันล่วงหน้าเพราะพี่บุญบอกว่าที่ให้จองออนไลน์เต็มหมดแล้ว เพราะฉะนั้นเราต้องมาลุ้นเอาเองจ้า
นั่น มีเรื่องให้ตื่นเต้นอีกแล้ว

นี่ก็เต็มมมมมมม นั่นก็เต็มมมมม

แล้วคืนนี้เราจะมีห้องพักกันมั๊ยคะทุกคน อ๋อยยยย ใจบ่ดี ลุ้นๆไปค่ะ
พี่บุญแวะถามหลายที่มาก คำตอบที่ได้คือ เต็มหมดค่ะ
สุดท้ายพี่บุญก็ ขับขึ้นไปอีกโซน ที่ไม่ติดทะเลบสาบมาก แล้วเราก็ไปเจอที่นี่ !!!

ใช่ค่ะทุกคนมันไม่ใช่บ้านพัก แต่มันเป็นเต้นท์ แต่เราไม่เกี่ยงค่ะ ดีกว่านอนแข็งตายข้างนอก
และ !! ทุกคนคะ มันไม่ใช่เต้นท์ห้าบาทสิบบาทนะคะ คือข้างในครบมาก อุ่นมากด้วย เพราะเค้าทำมาเพื่อสิ่งนี้ค่ะ

นี่เต้นท์ของเราอยู่ริมสุดเลยจ้า ยิ่งใหญ่กว้างขวางมาก
แล้วถามว่าถ้าเรานอนกันในเต้นท์แล้วพี่บุญจะนอนที่ไหนใช่มั๊ยคะ (ถึงไม่ถามเราก็จะตอบให้)
คนขับรถที่คนที่พาลูกค้ามาที่นี่เค้าจะมีที่พักสำหรับคนขับโดยเฉพาะค่ะ ถ้าที่พักคนขับไม่พอเค้าก็จะนอนในรถกันค่ะ ส่วนอาหารการกินห้องน้ำ ใช้ของที่พักได้ฟรีเลยจ้า บริการตัวเองไปเลย
ที่นี่ชื่อว่า The Buddha Campค่ะ เดี๋ยวเราจะพาทุกคนเข้าไปดูข้างในเต้นท์กันนะคะว่ามี Facilities อะไรกันบ้าง

นี่เป็นประตูชั้นแรกที่เปิดเข้าไปนะคะ จะเอาไว้กันลมก่อนที่จะเข้าไปข้างในเพราะข้างนอกลมแรงและหนาวมาก

ทะแด้นนนนน และนี่ก็คือข้างในจ้า มันกว้างจริงจริ๊งงงงงงง เชื่อเห๊อะ

เห็นมั๊ยคะว่ามีห้องน้ำด้วย ชักโครกก็มีนะ ไฮโซป่ะล่าาา
แต่!!! ไม่มีฝักบัวเนอะ เพราะคงไม่มีใครอาบน้ำกัน อิชั้นก็ไม่อาบเจ้าค่ะ แค่ล้างหน้าแปรงฟันก็หรูละ



เห็นที่พักกันแล้วเราไปดูวิวข้างนอกกันบ้างดีกว่า ม่ะ!

วิวนี้พี่นิถ่ายจากหน้าเต้นท์เลย วันนี้โชคดีมากที่มาแล้วฟ้าเปิด เพราะพี่บุญบอกว่าฟ้าไม่ได้เปิดแบบนี้ทุกวัน บางคนมาสองสามวันฟ้าปิดทุกวันก็มี
เราได้เห็นแค่นี้ก็รู้สึกว่ามีบุญแล้ว (ก็เราพกพี่บุญมาด้วย เกี่ยวมะ) 5555
เดี่ยวพาไปดูห้องอาหารเช้าของวันพรุ่งนี้กันค่ะ ที่นี่เค้ารวมอาหารเช้าให้ด้วยนะคะ



เจอวิวแบบนี้ ฟ้าเปิดแบบนี้ แฮพพรี่สิคะ รออะไร

เดี๋ยวเราเดินลงไปเล่นข้างล่างๆใกล้ๆทะเลสาบกันดีกว่าค่ะ
เดินไปแปบนึง ก็มีขาแว๊นส์ขับตามหลังมาฝุ่นนี่ฟรุ้งฟริ้งเต็มหัวพี่เลยจ้า

โอ้ววววว นี่แหละทริปในฝันเรา เราจะต้องมาแบบเน้ถึงจะได้ฟีล (แต่ขอให้มันอยู่แค่ในฝันอ่ะดีละ)
พอเดินไปเรื่อยๆก็กับน้ำสีเขียวๆฟ้าเข้มๆ แบบนี้เลยยย
ทะเลสาบปันกองเป็นทะเลสาบที่ได้ชื่อว่าเป็นน้ำตาแห่งหิมาลัย และเป็นทะเลสาบน้ำเค็มที่ตั้งอยู่สูงที่สุดในโลก ตั้งอยู่ที่ความสูง 4,350 เมตร (เราลืมชิมเลยอ่ะว่าเค็มจริงป่าว)

แต่เอ๊ะ รู้สึกเหมือนฝนจะตก แง้ๆๆ ฟ้าจะปิดแล้วหรอเนี๊ยเพิ่งมาถึงแปบเดียวเองอ่ะ
รีบวิ่งกลับเต้นท์เลยค่ะ และดูท่าทางแล้วพรุ่งนี้ฟ้าคงปิดแน่ๆ
คืนนี้ก็เอาให้อิ่มเลยนะ (นอนให้อิ่ม)
จะบอกว่ามันหนาวมากกกกกกกก หนาวจนปวดหูไปหมดค่ะ อุณหภูมิอยู่ที่ 7-8องศาตอนกลางคืน
แล้วใครจะอาบน้ำล่ะคะ โถ่ แค่แปรงฟันก็ยังไม่อยากบ้วนปากเลย เสียวฟัน 555
[CR] อินเดียแลนด์แดนต้องมนต์ (ใครไม่รัก ฉันรักอินเดีย) เดลี-เลห์-ชัยปุระ-อัครา EP.3
ตอบเลยว่า งัวเงีย (เอ้า ตอบไม่ตรงคำถาม) ก็แค่งัวเงียจริงๆค่ะ
ไม่เหนื่อยหรอก ก่อนเรามาเราก็บอกพี่นิไว้แล้วว่า พี่นิคะ ทริปแต่ละวันมันจะต้องตื่นเช้าหน่อยนะ พี่นิก็โอเคมาก
ปกติพี่นิก็ตื่นเช้าอยู่แล้ว (แต่เราไม่) พี่นิบอกว่า ไปเที่ยวก็เก็บเกี่ยวบรรยากาศให้เต็มที่ไปเลย จะไปนอนดึกๆ ตื่นเที่ยงก็ไม่ใช่ แล้วจะไปทำไม อยู่บ้านนอนสบายๆดีกว่า ก็ถูกของพี่นินะ ถ้าไปเที่ยวบางที่มันก็ต้องทำทุกนาทีให้มีค่าที่สุด เพราะวิวบางอย่างถ้าพลาดคือพลาดเลย จะมานั่งเสียดายแล้วจะแบกสังขารมาอีกรอบก็ไม่ใช่ป่ะ เราก็เลยไม่รู้สึกเหนื่อยกับทริปนี้เลย (ที่บ่นๆคือเมื่อยตูดล้วนๆ ฮ่าๆๆ)
พี่บุญหมุนล้อตั้งแต่เจ้าของที่พักยังไม่ตื่น เรากินข้าวเช้ากันบนรถ(อีกแล้ว) แล้วก็ปล่อยให้พี่บุญบังคับพวงมาลัยไปคนเดียว
โดยที่เรากับพี่นิของีบต่อแล้วแยกย้ายกันคนละมุมรถ
ซักพัก ปั๊กก!! พอละ ตื่นเพราะหัวโขก เราไปต่อไม่ไหวจริงๆ ตื่นก็ตื่นวะ เนี่ยก็กลับทางเดิม(แต่ไม่ยาวตลอด)
แต่พอเริ่มแยกเส้นทางมาทางนี้เราก็เริ่มเห็นวิวที่แปลกตาจากเมื่อวาน นั่นก็คือวิวทะเลทรายจ้า
จุดนี้เรียกว่า Hunder Sand Dune
เดินถ่ายรูปน้องๆไปเรื่อยมาหยุดที่ตัวหนึ่ง แล้วก็ได้ยินเสียง ซรู่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆออกมาดังมาก นึกว่าฝนตก โถน้องฉี่ออกมาเป็นน้ำตกเลยล่ะ ดี๊นะที่ไม่ไปยืนอยู่ข้างหลังอ่ะ ไม่งั้นเราเห็นดีกันแน่ ยังจะมองหน้าอีก อูฐก็อูฐเถอะ เดี๋ยวตีให้โหนกบวมเลย
แป๊บจริงๆอ่ะ เพราะรู้สึกว่า มองจากข้างล่างสวยกว่าเข้าไปข้างในเยอะเลย
ใช่ค่ะทุกคนได้ยินไม่ผิด วันนี้! มื้อนี้! เราจะกินข้าวนอกรถกัน!โอ้วม่ายยย เราจะได้บริโภคเมนูอะไรมาลุ้นกันค่ะ
ว่าแล้วเราก็ไปเดินหาของกินกันตามร้านอาหารแถวๆนั้น เดินดูจนปวดขาก็ไม่มีอะไรที่คิดว่าจะบริโภคได้เลย
เหมือนสวรรค์เห็นใจลูก เราตื่นเต้นดีใจมาก รีบหันไปตะโกนเรียกพี่นิ
แล้วพี่นิก็บอกว่า สั่งมาจานเดียวก่อนแล้วกัน เดี่ยวพี่สั่งไข่ดาวแล้วก็กาแฟ
ว่าแล้วเราก็ทำตามที่พี่นิบอก
นั่งรออย่างใจจดใจจ่อ ข้าวผัดต้มยำเราจะมาเมื่อไหร่น้า
ผ่านไปพักใหญ่ ไฟนาลี่ข้าวผัดพี่ที่รอคอยมานานแสนนานก็มาเสิร์ฟตรงหน้าเรา
แต่ทว่า เมื่อข้าพเจ้าได้ลองบริโภคคำแรกนั้น
*&^%$#@(^$+# %$#@(^$+#
พี่นิ !!!! มันคืออัลไลอ๊า ใครสั่งใครสอนให้เรียกเมนูนี้ว่า “Thai fried rice tomyum” อยากเข้าไปตีหัวจริงๆ
โอ๊ยยยยยยยยยยยยยย รสชาติอูฐยังไม่แ..กเลยขอบอก ไม่มีความต้มยำเลยสักนิด ไม่มีแม้แต่วิญญาณของรสต้มยำเลยเจ้าค่ะ
พี่นิข๊ำขำ หัวเราะเราหนักมากกกกก โถอิหนู จะมาอะไรกับต้มยำแถวนี้ เค้าจะไปหาตะไคร้ใบมะกรูดที่ไหนมาใส่ให้ห๊ะ
ฮืออออออ เราเสียใจและผิดหวังกับเมนูนี้อย่างแรง สุดท้ายก็กินได้แต่ไข่ดาวที่พี่นิสั่งมา แล้วสภาพก็เป็นแบบที่เห็นเลยจ่ะ 555555555
เรามุ่งหน้าไปทะเลสาบยาวๆกันเล้ยยยย
“สต๊อบบบบ” พี่บุญจ๊อดดดดดดดดดดด ตรงนี้สวยๆ ขอแวะถ่ายรูปแปบนึงค่ะ
พี่บุญคงแบบ วันนี้จะถึงปันกองมั๊ยเนี๊ย
ตัวจ้ำม่ำมากๆเลย
เราแทนจะไม่ได้หลับเลย เพราะวิวข้างทางเปลี่ยนตลอด มีอะไรให้ดูตื่นเต้นตลอดทางเลย
พอเราเห็นป้ายนี้ พี่บุญก็บอกว่าใกล้ละๆ ทำให้เรามีความตื่นเต้นมากขึ้น ตั้งหน้าตั้งตารอ (เหมือนที่รอข้าวผัด)
ปล. เราไม่ได้จองที่พักมากันล่วงหน้าเพราะพี่บุญบอกว่าที่ให้จองออนไลน์เต็มหมดแล้ว เพราะฉะนั้นเราต้องมาลุ้นเอาเองจ้า
นั่น มีเรื่องให้ตื่นเต้นอีกแล้ว
แล้วคืนนี้เราจะมีห้องพักกันมั๊ยคะทุกคน อ๋อยยยย ใจบ่ดี ลุ้นๆไปค่ะ
พี่บุญแวะถามหลายที่มาก คำตอบที่ได้คือ เต็มหมดค่ะ
สุดท้ายพี่บุญก็ ขับขึ้นไปอีกโซน ที่ไม่ติดทะเลบสาบมาก แล้วเราก็ไปเจอที่นี่ !!!
และ !! ทุกคนคะ มันไม่ใช่เต้นท์ห้าบาทสิบบาทนะคะ คือข้างในครบมาก อุ่นมากด้วย เพราะเค้าทำมาเพื่อสิ่งนี้ค่ะ
คนขับรถที่คนที่พาลูกค้ามาที่นี่เค้าจะมีที่พักสำหรับคนขับโดยเฉพาะค่ะ ถ้าที่พักคนขับไม่พอเค้าก็จะนอนในรถกันค่ะ ส่วนอาหารการกินห้องน้ำ ใช้ของที่พักได้ฟรีเลยจ้า บริการตัวเองไปเลย
แต่!!! ไม่มีฝักบัวเนอะ เพราะคงไม่มีใครอาบน้ำกัน อิชั้นก็ไม่อาบเจ้าค่ะ แค่ล้างหน้าแปรงฟันก็หรูละ
เห็นที่พักกันแล้วเราไปดูวิวข้างนอกกันบ้างดีกว่า ม่ะ!
เราได้เห็นแค่นี้ก็รู้สึกว่ามีบุญแล้ว (ก็เราพกพี่บุญมาด้วย เกี่ยวมะ) 5555
เดี่ยวพาไปดูห้องอาหารเช้าของวันพรุ่งนี้กันค่ะ ที่นี่เค้ารวมอาหารเช้าให้ด้วยนะคะ
เดินไปแปบนึง ก็มีขาแว๊นส์ขับตามหลังมาฝุ่นนี่ฟรุ้งฟริ้งเต็มหัวพี่เลยจ้า
พอเดินไปเรื่อยๆก็กับน้ำสีเขียวๆฟ้าเข้มๆ แบบนี้เลยยย
ทะเลสาบปันกองเป็นทะเลสาบที่ได้ชื่อว่าเป็นน้ำตาแห่งหิมาลัย และเป็นทะเลสาบน้ำเค็มที่ตั้งอยู่สูงที่สุดในโลก ตั้งอยู่ที่ความสูง 4,350 เมตร (เราลืมชิมเลยอ่ะว่าเค็มจริงป่าว)
รีบวิ่งกลับเต้นท์เลยค่ะ และดูท่าทางแล้วพรุ่งนี้ฟ้าคงปิดแน่ๆ
คืนนี้ก็เอาให้อิ่มเลยนะ (นอนให้อิ่ม)
จะบอกว่ามันหนาวมากกกกกกกก หนาวจนปวดหูไปหมดค่ะ อุณหภูมิอยู่ที่ 7-8องศาตอนกลางคืน
แล้วใครจะอาบน้ำล่ะคะ โถ่ แค่แปรงฟันก็ยังไม่อยากบ้วนปากเลย เสียวฟัน 555
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้