ชายโสร่งแดง ตอนกุมารีวนเวียน (ยังไม่จบ)

กระทู้สนทนา


 ณ ศาลาริมน้ำ มีเด็กน้อยๆ อยู่ 3 คน โดยคนแรกเป็น เด็กผู้หญิงตัวโตสุดกว่าใครๆ เธอมีร่างสมส่วนมัดผมหางม้า ดวงตาชั้นเดียวแต่กลมโต เธอคือ ‘ทับทิม’ อายุ 12 ปี อีก 2 คนเป็นฝาแฝดชายหญิง แฝดผู้พี่เป็นเด็กชายมีใบหน้าที่หวามราวกับหญิงสาว ตากลมโตสองชั้นคมคลายมีแววเป็นหนุ่มรูปงามตั้งแต่เด็ก เขาคือ ‘เพชร’ อายุ 11ปี และคนสุดท้ายแฝดผู้น้องเป็นเด็กหญิงผมหยิกยาวน่ารักเธอมีใบหน้าคลายกับพี่ชายของตน ดวงตากลมโตและคมกริบ รูปร่างบาง เป็นน้องเล็กสุด เธอ คือ ‘พลอย’ อายุเธอ 11 ปี 
สามพี่น้อง กำลังรอให้ ‘อาสาว’ ของพวกเขามารับ แต่ในศาลาไม่ได้มีแค่พวกเขาทั้งสาม ยังมี ‘ชายนุ่งโสร่งแดง’ ใส่เสื้อแขนยาวสีขาว สูงโปร่ง รูปงาม ราวกับภาพวาดซึ้งนั่งอยู่ตรงข้ามกับพวกเขา คู่ฝาแฝดเหมือนจะรู้สึกอึดอัดจึงออกไปวิ่งเล่นนอกศาลาเพื่อความสบายใจ เหลือทับทิมที่ยังนั่งจ้องชายโสร่งแดงคนนั้น เหมือนจะแข่งจ้องตากัน มีบางอย่างทำให้เธอรู้สึกอึดอัด เธอมองที่เส้นผมของชายนุ่งโสร่งแดงเหมือนมันรวมจนกันกลายเป็นหางนกยูง
ทับทิม “พิลึกชะมัด”
 
“อามาแล้ว!! ” เสียงเรียกของน้องๆ คนใดคนหนึ่งขัดจังหวะทำให้เธอต้องหันหน้าไปตามเสียงนั้น จึงเห็นรถกระบะคันใหญ่ซึ่งอาสาวของพวกเขา มารอรับอยู่หน้าศาลาแล้ว
พอเธอหันกลับไปอีกครั้ง
อ้าว...หายไปไหนแล้ว? 
เสียงบีบแตรรถดังจนแสบแก้วหูทำเอาเธอสะดุ้ง ตั้งสติจึงรีบลุกออกจากศาลาไปขึ้นรถพร้อมกับน้องๆ
 
‘อาสาว’ เป็นสาวห้าวครบเพื่อนมากมาย เธอเรียนแค่ ป.4 แล้วออกจากโรงเรียนเพื่อมาช่วยครอบครัวทำมาหากิน เธอเป็นหญิงสาวผมสั้น ร่างกายท้วม ผิวที่เคยขาวเหลืองแต่ทำงานจนหนักจึงกลายเป็นสีผิวดำแดง เธอทำงานเก่งและดูทะมัดทะแมงขับรถกระบะสี่ประตู คล่องแคล่วราวกับชายแกร่ง
ทับทิม นั่งเบาะหน้า คนขับ ส่วนเพชรกับพลอยนั่งเบาะหลัง พวกเขาสนทนาเรื่องเก่าๆ พูดถึงเหตุการน้ำท่วมครั้งใหญ่ ที่ทำให้ชาวนาชาวไร่เสียหายเป็นจำนวนมาก
รถกระบะสี่ประตูยังขับอยู่บนถนน ซึ่งสองฝากฝังเป็นทุ่งนาสีเขียวโล่งจนสุดลูกหูลูกตา ไม่นานรถก็เลี้ยวเข้าไปถนนสายเล็ก ซึ่งเป็นถนนเชื่อมต่อกับถนนเส้นหลัก นั่นคือทางเข้าบ้าน
 
เมื่อถึงบ้าน พวกเขา 3 คน ไปสวัสดิ์ ยาย กับป้า ส่วนอาสาวพอไปส่งพวกเขาเสร็จ ก็รีบขับไปทำธุระข้างนอกทันที
 บ้านหลังนี้เป็นบ้านปูนชั้นเดียวยกสูงจากพื้น 1 เมตร บริเวณบ้านเกือบทั้งหมดถูกเทด้วยปูน ส่วนบริเวณหน้าบ้านเป็นลานกว้าง สามารถนำคนเข้ามายืนได้เป็นร้อยกว่าคน   ตัวบ้านจะหนาทึบ มีหน้าต่าง บานไม้แค่ 6 บาน 2 ฝั่ง ฝั่งละ 3 บาน เท่านั้น รอบๆ บริเวณบ้าน มีรั้วกำแพงหนาสูง 2 เมตร กว่าๆ ล้อมรอบ มีเพียงประตู 2 บานที่เข้าออกได้  ประตูบานใหญ่เป็นทางเข้าบ้าน รถสามารถขับเข้ามาได้อย่างสบายๆ ถึง สอง คันพร้อมกัน ส่วนประตูบานที่สองเป็นบานเล็กขนาดคนเข้าออก อยู่หลังบ้าน เมื่อเปิดออก จะเห็นทางเดินคันดินทอดยาวจากประตูตัดผ่านท้องทุ่งมา จนไปสิ้นสุดของถนนอีกฝั่ง ระยะทางไกลถึง 500 เมตร
ที่บ้านยังเลี้ยงหมาสีนวนอยู่ 1 ตัว มันอายุเยอะแล้ว วันๆ ก็เอาแต่นอน นานทีที่มันจะทำหน้าที่บ้าง
ทางเข้าบ้านจะเป็นประตูบานกระจกสีดำทึบแสงแบบผลักดึงขนาดใหญ่ 2 บาน  
ส่วนภายในบ้านจะติดแอร์เครื่องใหญ่ ในแต่ละห้องถูกแบ่งเรียงเป็นบล็อกๆ เป็นตัวแอล ถัดจากหน้าต่างบานที่สามเป็นห้องนอน ถัดมาเป็นส่วนห้องน้ำยื่นออกนอกตัวบ้าน ถัดเป็นห้องครัวยื่นออกมานอกตัวบ้านในครัวจะมีประตูอีกบานที่เปิดเข้าออกทะลุภายในบ้านได้
ตอนนี้มีเพียงป้ากับยายที่อยู่ในบ้านเท่านั้น 
ป้าเป็นผู้หญิงที่มีรูปร่างสูงใหญ่คล้ายกับอาสาว เธอมีโครงหน้าที่กลม ผิวสีแทนเพราะทำนาทำไร่ ดวงตาเธอกลมโต จมูกเล็กแต่โด่งเป็นผลชมพู่
ส่วนยายเป็นหญิงชราอายุราว 90 กว่า ตอนนี้ป่วยนอนเตียงมาเป็นปีแล้ว ยายนอนอยู่ในห้องนอน ชอบนอนตรงมุมมืดของห้อง
ภายห้องนอนมีเตียง 3 ตัว ซึ่งต่อกันยาวจนไปเกือบบสุดห้อง
และสุดท้ายภายในบ้านมีห้องส่วนตัวของถูกสร้างมาให้หนาเป็นพิเศษประตูทำมาจากไม้สักเป็นประตูบานพับสองบานปิดเข้าหากันได้ และมีตัวอักษรอักขระภาษาที่อ่านไม่ออก สลักเต็มประตู นั่นคือห้องของแม่ พอพูดถึง ‘แม่’ 
ทับทิมได้ถามป้าจึงได้คำตอบว่า
“แม่เอ็งไม่อยู่ ไปดูโรงงานที่ต่างจังหวัดกว่าจะกลับมาก็ดึกหน่อย”
 
เมื่อถึงพรบค่ำ อากาศเริ่มเย็นลง ความมืดเริ่มเข้าปกคลุม เนื่องจากเป็นบ้านชนบทซึ่งห่างจากตัวเมืองไกลโข ไม่แปลกที่จะมองไปแล้วมืดไปหมด เห็นเพียงเสาไฟฟ้าริมถนนเส้นหลัก เปิดไฟสลัวดวง กลมๆ ดูอย่างไรมันก็สว่างไม่พอ
ยายหลับไปแล้วตั้งแต่หัวค่ำ ส่วนป้าไปเตรียมของในครัว เพชรกับพลอยทั้งคู่ไปนั่งเล่นที่ห้องของแม่ มีเพียงทับทิมที่นั่งเล่นสมาร์ทโฟน ส่องดูโซเซียล จนกระทั่งไปสะดุดตา กับโพสเก่านานหลายปีจากเว็บบอร์คชื่อดัง ที่แชร์โดยเพื่อนที่แอดเธอในโซเซียล ในเนื้อหามีทั้งรูป แล้วคำบรรยาย เกี่ยวกับอุบัติเหตุรถชนกลางถนน ตายยกครอบครัว แล้วนำไปโรงพยาบาล พอญาติมาติดต่อเพื่อนำศพทำพิธีทางศาสนา ปรากฏว่า ศพนั้นหายไปอย่างปริศนากล้องวงจรปิดบันทึกภาพเหล่านั้นไม่ได้เพราะวันนั้นมันดันเสีย ยังไม่รู้ว่าใคร หรืออะไรเข้าไปเอาศพ
แต่เธอยังไม่ทันกดเข้าไปอ่านเนื้อหาอย่างละเอียด
ก็ได้ยินเสียงบีมแตรรถดังขึ้นที่หน้าประตูลูกกรง ทางเข้าบ้าน ทับทิมละจากสมาร์ทโฟน วิ่งไปเปิดประตูให้รถคันใหญ่สีดำล้อโต ยกสูงกว่าปกติคันดังกล่าวขับเข้ามาภายในบริเวณบ้าน
เมื่อประตูรถเปิดออกขาของผู้หญิงก้าวเดินออกมา เธอสวมชุดหนังดูดี ร่างบางขาแขนเรียวยาว ย้อมผมสีควัน ใบหน้ารูปเล็กคางแหลมตาคมโตและดุดัน หญิงผู้นี้คือ “แม่”
แม่เดินลงมาจากรถในมือหิ้วถุงเสื้อ 2 ชุด เดินตรงไปยังห้องส่วนตัว ไปหาเพชรกับพลอยที่รอตนอยู่  ทิ้งให้ทับทิมได้แต่ยื่นมองแผ่นหลังของแม่ที่เดินไกลออกไป ไม่แม้หันมามองหรือจะคุยกับทับทิมเลย
ไม่นานนักแม่จูงมือน้องทั้งสองคนออกมาจากห้อง น้องทั้งสองถูกจับแต่งองค์ทรงเครื่อง ใส่ชุดไทยสีขาว พวกเขาเดินเลยทับทิม ราวกับว่าเธอไม่มีตัวตน
ก่อนที่เท้าแม่จะก้าวไปยังลานหน้าบ้าน แม่จึงหันมามองทับทิม เธอก็มองหน้าแม่ของเธอ ต่างคนต่างมอง แล้วทับทิมส่งยิ้มด้วยความรักและคิดถึงให้แม่ แล้วกำลังอ้าปากคุยกับแม่
แม่ “ยืนบื้ออะไร ไปช่วยป้าในครัวโน้น!”
ทับทิม “ค..ค่ะ” เธอรีบเดินไปที่ครัวทันที
พร้อมกับประโยคทิ้งท้ายของแม่ “แหกตาดูปฏิทินบ้างนะ ว่านี่วันอะไร...ยิ้มปิดปะตู ถ้าคนมาน้อยนะ มึ๊ง..ไปนอนนอกบ้านเล้ยไม่ต้องนอนในบ้านกู!!! นังเด็กเฮงซวย‼ ”
เสียงแม่ตระโกนไล่หลังดังไปถึงห้องครัว ป้าก็เอาแต่ส่ายหน้าหลังจากทับทิมเดินเข้ามาในครัวแล้ว
ป้า “เอ็งไม่น่าลืมเลย เป็นเพราะเอ็ง พาให้แม่เอ็งบ่นน่าลำคาญ”
ทับทิมไม่รู้จะพูดแก้ตัวอย่างไร
ทับทิมมองไปที่หม้อใบใหญ่ที่ป้ากำลังง่วนอยู่ “ทำอะไรอยู่จ๊ะป้า?” เธอเปลี่ยนเรื่อง
ป้า “ต้มชาเลี้ยงคนไง ยังจะมาถามอีก เร็วสิ ยืนเฉยอีก มาช่วยกันก่อน”
 
.....
ไม่นานนัก ชาวบ้านก็แห่เข้ามาที่บ้าน พวกเขาจุดธูปเทียนของหอม วางดอกไม้ตรงพานที่อยู่เบื้องหน้าเพชรกับพลอย ซึ่งทั้งคู่นั่งเก้าอี้ไม้สักสลักลายประณีต บนพื้นถูกปูด้วยพรมหนังหมี ตอนนี้กลิ่นควันธูปหอมฟุ้งเต็มไปหมด
ชาวบ้านมาขอเลข มาขอโชค ขอลาภ เพชรกับพลอย สามารถให้ตามที่พวกชาวบ้านขอได้ แต่ต้องบนไปตามที่ตัวเองขอด้วย โดยส่วนมาก ถ้าพวกเขาสมปรารถนา ก็จะนำของมาให้เพชรกับพลอย
ส่วนทับทิมกำลังวุ่นวายกับการเสิร์ฟชาเลี้ยงแขกที่มาขอพรในบ้านจนเธอเหลือบไปเห็นแม่ของเธอที่ยืนอยู่ข้างๆ เพชรกับพลอยซึ่งอยู่ชุดไทยสวยงามส่งยิ้มและยกมือไหว้สวัสดีต้อนรับขับสู้ชาวบ้านที่มาขอพรจาก น้องๆ ทั้งสอง
 
เธอรู้สึกว่าแม่ของเธอดูมีความสุขมากเมื่ออยู่ใกล้ๆ กับน้องทั้งสอง และดูมีความมั่นใจเมื่อมีคนเข้ามาขอพรกับพวกเขา
 
......
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่