
ตามนี้....
https://etipitaka.com/read/thai/9/265/
ดูพระศาสดาท่านกล่าวไว้ 3 รอบในสภาวะของตติยฌาน....สุขอันเกิดจากอุเบกขา + อุเบกขา...อ่านดูได้ด้วยตัวเองเลย...ครับ
[๒๘๑] ดูกรโปฏฐปาทะ อีกข้อหนึ่ง
- ภิกษุมีอุเบกขา <--------------มีเวทนา..ที่เรียกว่า "อุเบกขา"
- มีสติสัมปชัญญะ <------------มีสัญญา..
- เสวยสุขด้วย นามกาย <-----มีเวทนา...ที่เรียกว่า " สุข "
- เพราะปีติสิ้นไป <-------------เวทนา..." ปิติ "....อันนี้ดับไป
บรรลุตติยฌานที่พระอริยะทั้งหลายสรรเสริญว่า ผู้ได้ฌานนี้เป็นผู้มี
1. อุเบกขา <------มีเวทนา..ที่เรียกว่า "อุเบกขา"
2. มีสติอยู่เป็นสุข <------------มีเวทนา..ที่เรียกว่า " สุข "
3. สัจจสัญญาอันละเอียด <-----พระองค์เรียกฌานว่าสัญญา
4. มีปีติและสุขเกิดแต่สมาธิในก่อนของเธอ ย่อมดับไป <-----หมายถึงฌาน2...ดับไปเลยเข้าฌาน3
5. สัจจสัญญาอันละเอียด <-----พระองค์เรียกฌานว่าสัญญา
6. ประกอบด้วยสุขเกิดแต่อุเบกขาย่อมมีในสมัยนั้น <-----ย้ำว่ามี สุขเวทนา...แต่สุขนี้เกิดจาก..อุเบกขา
เธอชื่อว่าเป็นผู้มีสัจจสัญญาอันละเอียด <-----พระองค์เรียกฌานว่าสัญญา
ประกอบด้วยสุขเกิดแต่อุเบกขา <-----ย้ำว่ามี สุขเวทนา...แต่สุขนี้เกิดจาก..อุเบกขา
ในสมัยนั้น - สัญญาอย่างหนึ่ง ย่อมเกิดขึ้นเพราะการศึกษา
- สัญญาอย่างหนึ่งย่อมดับไปเพราะการศึกษา ด้วยประการอย่างนี้
แม้นี้ก็เป็นข้อที่จะพึงศึกษาอย่างหนึ่ง.
[๒๘๒] ดูกรโปฏฐปาทะ อีกข้อหนึ่ง ภิกษุบรรลุจตุตถฌานไม่มีทุกข์ ไม่มีสุข (ก็เหลือแต่..อทุกขมสุขเวทนา...ซึ่งก็คืออุเบกขา..นั้นเอง)
- เพราะละสุขละทุกข์ และดับโสมนัสโทมนัสก่อนๆ ได้ <---เวทนาอื่นๆ...ดับไป
- มีอุเบกขาเป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์อยู่ <----เกิดอุเบกขา
- สัจจสัญญาอันละเอียด <----มีสัญญา
- ประกอบด้วยสุขเกิดแต่อุเบกขามีในก่อนของเธอย่อมดับ <-----------สุขในฌาน3...ดับลงดับไป
- สัจจสัญญา อันละเอียด ประกอบด้วยอทุกขมสุขย่อมมีในสมัยนั้น <-----พระองค์เรียกสัญญานี้ว่าประกอบจากอทุขมสุขเวทนา(แทนอุเบกขา)
- เธอชื่อว่าเป็นผู้มีสัจจสัญญาอันละเอียด ประกอบด้วยอทุกขมสุข <-----พระองค์เรียกอุเบกขาว่า อทุขมสุขเวทนา(เห็นหรือยัง...อุเบกขาหายไปไหน?)
ในสมัยนั้น
สัญญาอย่างหนึ่งย่อมเกิดขึ้นเพราะการศึกษา
สัญญาอย่างหนึ่ง ย่อมดับไปเพราะการศึกษา
ด้วยประการอย่างนี้ แม้นี้ก็เป็นข้อที่จะพึงศึกษาอย่างหนึ่ง.
ลูกทัวร์มะม่วงได้สอบถามผมว่า...ฌาน3...มีสุขกับอุเบกขา...สลับกันนั้น หรือ? พระศาสดาท่านกล่าวไว้ที่ใด? (ไม่ใช่เมื่อไร?)
ตามนี้....https://etipitaka.com/read/thai/9/265/
ดูพระศาสดาท่านกล่าวไว้ 3 รอบในสภาวะของตติยฌาน....สุขอันเกิดจากอุเบกขา + อุเบกขา...อ่านดูได้ด้วยตัวเองเลย...ครับ
[๒๘๑] ดูกรโปฏฐปาทะ อีกข้อหนึ่ง
- ภิกษุมีอุเบกขา <--------------มีเวทนา..ที่เรียกว่า "อุเบกขา"
- มีสติสัมปชัญญะ <------------มีสัญญา..
- เสวยสุขด้วย นามกาย <-----มีเวทนา...ที่เรียกว่า " สุข "
- เพราะปีติสิ้นไป <-------------เวทนา..." ปิติ "....อันนี้ดับไป
บรรลุตติยฌานที่พระอริยะทั้งหลายสรรเสริญว่า ผู้ได้ฌานนี้เป็นผู้มี
1. อุเบกขา <------มีเวทนา..ที่เรียกว่า "อุเบกขา"
2. มีสติอยู่เป็นสุข <------------มีเวทนา..ที่เรียกว่า " สุข "
3. สัจจสัญญาอันละเอียด <-----พระองค์เรียกฌานว่าสัญญา
4. มีปีติและสุขเกิดแต่สมาธิในก่อนของเธอ ย่อมดับไป <-----หมายถึงฌาน2...ดับไปเลยเข้าฌาน3
5. สัจจสัญญาอันละเอียด <-----พระองค์เรียกฌานว่าสัญญา
6. ประกอบด้วยสุขเกิดแต่อุเบกขาย่อมมีในสมัยนั้น <-----ย้ำว่ามี สุขเวทนา...แต่สุขนี้เกิดจาก..อุเบกขา
เธอชื่อว่าเป็นผู้มีสัจจสัญญาอันละเอียด <-----พระองค์เรียกฌานว่าสัญญา
ประกอบด้วยสุขเกิดแต่อุเบกขา <-----ย้ำว่ามี สุขเวทนา...แต่สุขนี้เกิดจาก..อุเบกขา
ในสมัยนั้น - สัญญาอย่างหนึ่ง ย่อมเกิดขึ้นเพราะการศึกษา
- สัญญาอย่างหนึ่งย่อมดับไปเพราะการศึกษา ด้วยประการอย่างนี้
แม้นี้ก็เป็นข้อที่จะพึงศึกษาอย่างหนึ่ง.
[๒๘๒] ดูกรโปฏฐปาทะ อีกข้อหนึ่ง ภิกษุบรรลุจตุตถฌานไม่มีทุกข์ ไม่มีสุข (ก็เหลือแต่..อทุกขมสุขเวทนา...ซึ่งก็คืออุเบกขา..นั้นเอง)
- เพราะละสุขละทุกข์ และดับโสมนัสโทมนัสก่อนๆ ได้ <---เวทนาอื่นๆ...ดับไป
- มีอุเบกขาเป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์อยู่ <----เกิดอุเบกขา
- สัจจสัญญาอันละเอียด <----มีสัญญา
- ประกอบด้วยสุขเกิดแต่อุเบกขามีในก่อนของเธอย่อมดับ <-----------สุขในฌาน3...ดับลงดับไป
- สัจจสัญญา อันละเอียด ประกอบด้วยอทุกขมสุขย่อมมีในสมัยนั้น <-----พระองค์เรียกสัญญานี้ว่าประกอบจากอทุขมสุขเวทนา(แทนอุเบกขา)
- เธอชื่อว่าเป็นผู้มีสัจจสัญญาอันละเอียด ประกอบด้วยอทุกขมสุข <-----พระองค์เรียกอุเบกขาว่า อทุขมสุขเวทนา(เห็นหรือยัง...อุเบกขาหายไปไหน?)
ในสมัยนั้น
สัญญาอย่างหนึ่งย่อมเกิดขึ้นเพราะการศึกษา
สัญญาอย่างหนึ่ง ย่อมดับไปเพราะการศึกษา
ด้วยประการอย่างนี้ แม้นี้ก็เป็นข้อที่จะพึงศึกษาอย่างหนึ่ง.