ทุกข์มาจากไหน?
"ทุกข์" มาจาก "เหตุ" แล้วทำไมเราไม่แก้ที่ "เหตุ" แล้วเราไปนั่งสมาธิแล้วเราจะไปแก้ที่เหตุได้ยังไง? ก็แก้ไม่ได้ นี่แหละ จึงเป็นที่มาของวิปัสสนากรรมฐาน คือ แทนที่จะไปนั่งสมาธิเฉยๆ แต่เอาความเป็นพลังของสมาธิขั้นที่ ๓ นี้ กำลังนี้ไปขบคิดพิจารณาว่า
ตรงที่ "ทุกข์" นี้ มีเหตุจากไหน?
เหตุนั้นเป็นได้ยังไง?
วิธีที่จะแก้เหตุทำยังไง?
วิธีแก้ก็คืออริยสัจ ๔ (ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค) ซึ่งหลักการอริยสัจ ๔ อยู่ในธรรมชาติอยู่แล้ว แต่พระพุทธเจ้าไปค้นพบเจอ
แต่ทางพราหมณ์มีอริยสัจ ๔ ไหม?
ทางพราหมณ์ก็มีอริยสัจ ๔ เหมือนกัน แต่ทางพราหมณ์เขาไม่ได้เน้น แต่ช่วงหลังของพราหมณ์จะเน้นเข้าไปเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้า แล้วจะดีเอง
เหมือนกับทางพระพุทธศาสนามหายาน (大乘) นิกายสุขาวดี (淨土宗) เข้าถึง อมิตพุทธ (阿彌陀佛) ก็จะดีเอง
เหมือนกับทางศาสนาอิสลาม (Islam) เข้าถึงอัลเลาะห์ ก็จะดีเอง
ทางคริสต์ (Christ) ก็บอกว่า เข้าไปอยู่กับพระเจ้า ก็จะดีเอง
"ดี" ยังไง? ข้างในมี "เหตุ" แต่เขาไม่สาธยาย
แต่พระพุทธเจ้าเอามาสาธยาย และก็เน้น เน้นว่ามันอยู่ตรงนี้ เหตุอยู่ตรงนี้ ประเด็นมันอยู่ตรงนี้ ถ้ามีตรงนี้ก็ไม่จำเป็นต้องถึงพระเจ้า (God) เพราะว่าพระเจ้าก็ต้องใช้หลักนี้
ฉะนั้น พระพุทธเจ้าจึงได้ตั้งคำว่า "วิปัสสนากรรมฐาน" ขึ้นมา
ต้องพูดให้ครบๆ ไม่ใช่ "วิปัสสนา" อย่างเดียว เพราะว่า "วิปัสสนา" นั้นแปลว่า การขบคิด พิจารณา จะต้องมาขบคิดอะไร? มาขบคิดฐานแห่งกรรม กรรมก็คือการกระทำ ทุกครั้งที่เรากระทำจะต้องมีฐาน
วิปัสสนากัมมัฏฐาน แปลว่า เห็นแจ้งพื้นฐานของการกระทำ, การทำให้แจ้งซึ่งฐานแห่งเหตุของการกระทำ เหตุทำให้เป็นผล เห็นแห่งการเกิด เกิดเป็นผล เป็นผลเป็นเหตุ เหตุแห่งเป็นผลต่อเนื่องเป็นไป โดยวิถีแห่งธรรมอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
หัวใจวิปัสสนากรรมฐาน คือ เป็นการค้นหาตามความเป็นจริงอริยสัจ ๔ ด้วยยุทธศาสตร์วิธีแห่งโยนิโสมนสิการ จากเริ่มต้นไปหาสุดท้าย และสุดท้ายวนกลับมาเป็นชั้นๆ ขึ้น นี่แหละ วิปัสสนากรรมฐาน
ฉะนั้น เราเข้าใจความหมายวิปัสสนากรรมฐานแล้ว ถ้าเราไปนั่งหลับตาทำสมาธิแล้วไม่ต้องไปคิดอะไร แล้วจะกลายเป็นวิปัสสนากรรมฐานไม่ได้
โยนิโสมนสิการ คือ การคิดพิจารณาตั้งแต่เหตุไปถึงผล ผลไปถึงเหตุ ให้ครบวงจรตามภาวะจริงแท้แห่งธรรม
^_^ ..._/\_... ^_^
ขอความเคารพ หากผู้รู้มีสิ่งชี้แนะ น้อมรับฟังเสมอ และขอความกรุณาแย้ง ชี้แจง ชี้แนะ แม้แต่ต้องการให้เพิ่มเติมสิ่งใด ก็ขอได้บอกกล่าวมา
อ.พรหมสิทธิ์ ทิพย์ธาดาวงศ์
เอื้อ-เกื้อ-กัน เป็นกัลยาณมิตรทุกขณะจิต
ทุกข์มาจากไหน?
"ทุกข์" มาจาก "เหตุ" แล้วทำไมเราไม่แก้ที่ "เหตุ" แล้วเราไปนั่งสมาธิแล้วเราจะไปแก้ที่เหตุได้ยังไง? ก็แก้ไม่ได้ นี่แหละ จึงเป็นที่มาของวิปัสสนากรรมฐาน คือ แทนที่จะไปนั่งสมาธิเฉยๆ แต่เอาความเป็นพลังของสมาธิขั้นที่ ๓ นี้ กำลังนี้ไปขบคิดพิจารณาว่า
ตรงที่ "ทุกข์" นี้ มีเหตุจากไหน?
เหตุนั้นเป็นได้ยังไง?
วิธีที่จะแก้เหตุทำยังไง?
วิธีแก้ก็คืออริยสัจ ๔ (ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค) ซึ่งหลักการอริยสัจ ๔ อยู่ในธรรมชาติอยู่แล้ว แต่พระพุทธเจ้าไปค้นพบเจอ
แต่ทางพราหมณ์มีอริยสัจ ๔ ไหม?
ทางพราหมณ์ก็มีอริยสัจ ๔ เหมือนกัน แต่ทางพราหมณ์เขาไม่ได้เน้น แต่ช่วงหลังของพราหมณ์จะเน้นเข้าไปเป็นหนึ่งเดียวกับพระเจ้า แล้วจะดีเอง
เหมือนกับทางพระพุทธศาสนามหายาน (大乘) นิกายสุขาวดี (淨土宗) เข้าถึง อมิตพุทธ (阿彌陀佛) ก็จะดีเอง
เหมือนกับทางศาสนาอิสลาม (Islam) เข้าถึงอัลเลาะห์ ก็จะดีเอง
ทางคริสต์ (Christ) ก็บอกว่า เข้าไปอยู่กับพระเจ้า ก็จะดีเอง
"ดี" ยังไง? ข้างในมี "เหตุ" แต่เขาไม่สาธยาย
แต่พระพุทธเจ้าเอามาสาธยาย และก็เน้น เน้นว่ามันอยู่ตรงนี้ เหตุอยู่ตรงนี้ ประเด็นมันอยู่ตรงนี้ ถ้ามีตรงนี้ก็ไม่จำเป็นต้องถึงพระเจ้า (God) เพราะว่าพระเจ้าก็ต้องใช้หลักนี้
ฉะนั้น พระพุทธเจ้าจึงได้ตั้งคำว่า "วิปัสสนากรรมฐาน" ขึ้นมา
ต้องพูดให้ครบๆ ไม่ใช่ "วิปัสสนา" อย่างเดียว เพราะว่า "วิปัสสนา" นั้นแปลว่า การขบคิด พิจารณา จะต้องมาขบคิดอะไร? มาขบคิดฐานแห่งกรรม กรรมก็คือการกระทำ ทุกครั้งที่เรากระทำจะต้องมีฐาน
วิปัสสนากัมมัฏฐาน แปลว่า เห็นแจ้งพื้นฐานของการกระทำ, การทำให้แจ้งซึ่งฐานแห่งเหตุของการกระทำ เหตุทำให้เป็นผล เห็นแห่งการเกิด เกิดเป็นผล เป็นผลเป็นเหตุ เหตุแห่งเป็นผลต่อเนื่องเป็นไป โดยวิถีแห่งธรรมอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
หัวใจวิปัสสนากรรมฐาน คือ เป็นการค้นหาตามความเป็นจริงอริยสัจ ๔ ด้วยยุทธศาสตร์วิธีแห่งโยนิโสมนสิการ จากเริ่มต้นไปหาสุดท้าย และสุดท้ายวนกลับมาเป็นชั้นๆ ขึ้น นี่แหละ วิปัสสนากรรมฐาน
ฉะนั้น เราเข้าใจความหมายวิปัสสนากรรมฐานแล้ว ถ้าเราไปนั่งหลับตาทำสมาธิแล้วไม่ต้องไปคิดอะไร แล้วจะกลายเป็นวิปัสสนากรรมฐานไม่ได้
โยนิโสมนสิการ คือ การคิดพิจารณาตั้งแต่เหตุไปถึงผล ผลไปถึงเหตุ ให้ครบวงจรตามภาวะจริงแท้แห่งธรรม
^_^ ..._/\_... ^_^
ขอความเคารพ หากผู้รู้มีสิ่งชี้แนะ น้อมรับฟังเสมอ และขอความกรุณาแย้ง ชี้แจง ชี้แนะ แม้แต่ต้องการให้เพิ่มเติมสิ่งใด ก็ขอได้บอกกล่าวมา
อ.พรหมสิทธิ์ ทิพย์ธาดาวงศ์
เอื้อ-เกื้อ-กัน เป็นกัลยาณมิตรทุกขณะจิต