จุดจบ

นวพล แสงโตมร หรือ หน่อง หรือ นพ หรือ หลอ หรือ เต่า  เหตุผลที่มีหลายชื่อ เพราะมีทั้งชื่อที่พ่อแม่ตั้งให้ ชื่อที่มันตั้งเองให้เพื่อนเรียก และชื่อที่คนอื่นตั้งให้ จากฟันหน้าของมันที่หายไปยกแผง เหมือน เต่า เชิญยิ้ม

ชายหนุ่มวัยยี่สิบต้นๆ  ที่ลูกพี่ของเขาได้ช่วยเสนอพามาฝากงาน  เป็นการ์ดอารักขาในบ้านของเจ้าพ่อ  สำหรับคนอย่างเขาที่เมื่อวานยังเป็นแค่นักเลงคุมบาร์กระจอกๆแล้ว ต้องเรียกว่านี่คือการเลื่อนตำแหน่งล่ะนะ

เขาเพิ่งมาเป็นครั้งแรกเมื่อวานตอนเย็น  ซึ่งเขาตื่นตะลึงอย่างยิ่ง  เมื่อเห็นทั้งบ้านแทบจะเต็มไปด้วยการ์ด คะเนคร่าวๆ น่าจะมีอย่างน้อยก็ 70-80 คน กระจายกันอยู่ทั่วบ้าน ตั้งแต่ปากทางเข้าไปจนถึงด้านหลัง

บ้านหลังใหญ่ของเจ้าพ่อมีแค่ 2 ชั้น พื้นที่กว้างขวางชั้นล่างถูกดัดแปลงตกแต่งให้เป็นห้องนอนรวมที่พอสำหรับคนร้อยคน ห้องน้ำ 3 ห้อง และห้องครัวที่มีแค่ตู้เย็นขนาดใหญ่ 3 ตู้ บรรจุอาหารกล่องพร้อมกินจนแน่นตู้ กับไมโครเวฟ 2 เครื่อง  มีที่กินที่อยู่พร้อมสำหรับพวกการ์ดที่ต้องคอยดูแลความปลอดภัยทั้งวันทั้งคืน รวมถึงบาร์เหล้าที่อยู่ในโถงทางเข้า มีทั้งของไทยและของนอกให้กินได้ไม่อั้น แต่ห้ามเมาจนไม่รู้เรื่อง
     
เมื่อแรกมาถึง เขาพยายามจะแนะนำตัว และทำความรู้จักทุกคนในฐานะที่เป็นรุ่นน้อง แต่ก็โดนตอบกลับด้วยความเฉยเมย  เขาจึงใช้ความสามารถที่ได้มาจากงานเก่า  เข้าไปในเคาน์เตอร์บาร์ ทำหน้าที่เป็นคนชงเหล้าให้ จึงได้พอมีคนอื่นพูดคุยกับเขาบ้าง

เขาชงเหล้าและชวนคนอื่นคุย ถึงตีหนึ่งกว่า จึงได้ขอตัวไปนอน  เช้าวันต่อมา เขาตื่นตั้งแต่หกโมง เขาลุกไหว เพราะแม้ว่าเขาจะเป็นคนชงเหล้า แต่ตัวเขาเองไม่ได้ดิ่มซักแก้ว  เขารู้ตัวว่าเป็นน้องใหม่  มาเริ่มงานวันแรก ก็ต้องโชว์ความขยันให้ดูหน่อย

หลังจากอาบน้ำ ล้างหน้าล้างตา อุ่นข้าวกล่องกินแล้ว  เขาเข้าไปในเคาน์เตอร์บาร์ที่เดิม ตั้งใจว่าจะยึดที่นี่เป็นที่ประจำของเขา ตราบที่เขายังชงเหล้าได้อร่อย ไม่มีใครว่าอะไรแน่ 

แต่ช่วงเช้าขนาดนี้จะไม่มีใครอยากเหล้าซักเท่าไหร่  มีแค่มาสั่งให้เขาหยิบน้ำอัดลมส่งให้  เขาสังเกตดูคนอื่นๆได้ชัดขึ้น ความจริงที่เขาคิดว่าที่เมื่อคืนดูเครียดกันเพราะเป็นเวลากลางคืน แต่พอมาตอนเช้าแต่ละคนก็ยังดูตึงเครียดไม่ต่างกันเลย

เท่าที่เห็น งานรักษาความปลอดภัยในบ้านเจ้าพ่อ ก็ดูไม่มีอะไรพิเศษ  แต่ละคนก็นั่งๆนอนๆ  ตั้งวงเล่นไพ่ หมากรุก หมากฮอส มีเดินไปเดินมาบ้าง 
แต่ก็ไม่มีอะไรต้องทำจริงๆเป็นชิ้นเป็นอัน เรียกว่างานนั่งนอนสบาย 
ไม่มีทีวี เพื่อตัดปัญหาทะเลาะกันแย่งรีโมท  ทุกคนมีมือถือ อยากดูอะไรก็เปิดเอาเองได้
เจ้านายก็หมกตัวอยู่แต่ชั้นบน ไม่รู้กกอีหนูอยู่หรือเปล่า  ก็อย่างว่า มีการ์ดตั้งร่วม 80 คน แต่ละคนพกปืนติดตัวกันทั้งนั้น ถ้าคิดจะบุกเข้ามาล่ะก็ ต้องมาเป็นกองทัพกันล่ะ  ไม่รู้ทำไมแต่ละคนทำให้เขารู้สึกแปลกๆบางอย่างที่บอกไม่ถูก

อยุ่ว่างๆไม่มีอะไรทำ เขาก็เอาผ้าขาวมาเช็ดแก้วเล่น แสดงท่าทางเป็นบาร์เทนเดอร์มืออาชีพ 

ทันใดนั้น

ออดสัญญานเตือน ส่งเสียงดังลั่นไปทั้งบ้าน

เขาตกใจจนเกือบทำแก้วหลุดมือ  ยังไม่ทันที่เขาจะได้ถามอะไร  ก็มีผู้ให้คำตอบวิ่งผลักประตูเข้ามา ตะโกนลั่น

" 'มัน' มาแล้วโว้ย"

หากก่อนหน้านี้ คือ ตึงเครียด ตอนนี้คงต้องเรียกว่า ตื่นตัวสุดขีด แต่ละคนไม่มีใครนั่งติด กระโดดผุดลุกขึ้นกันทั้งหมด

"หา!"

"เชี่ย"

"เอาไงกันดีวะ"

อีกหลายสิบคนที่เคยเฝ้าอยู่ข้างนอก วิ่งกรูผ่านประตูเข้ามาในบ้าน ให้พื้นที่เริ่มแออัด  

คนที่แจ้งข่าว วิ่งไปทางประตูหลัง ปากยังตะโกน

" 'มัน' มาแล้วโว้ย ใครไม่อยากตายรีบหนีเร็วโว้ย"

"เป็น'มัน'แน่หรือวะ"

"แน่สิวะ กล้องสามตัวที่ถนนทางเข้า เป็น'มัน'แน่ๆ"  คนอื่นที่เฝ้าอยู่ข้างนอกช่วยเสริม

"เออ งั้นกูไปด้วย"

"เฮ้ย พวกมึ-จะไปไหนกัน  รับเงินเสี่ยมาแล้ว พวกมึ-จะหนีไปอย่างงี้เหรอ รู้ใช่มั้ยว่าเสี่ยตั้งค่าหัวมันไว้เท่าไหร่"

"เงินกับชีวิต กูเลือกชีวิตว่ะ"

"พวกเรามีตั้งหลายคน กลัวอะไรกับมันคนเดียววะ"

"แล้ว 20 ศพ ที่สนามกอล์ฟล่ะ มึ-จะว่าไง"

"...แต่คราวนี้พวกเรามีเยอะกว่าตั้งหลายเท่า"

"แล้วแต่มึ-เหอะ กูเผ่นล่ะ"

คนที่กำลังนอนอยู่ทั้งหมด ก็ตื่นออกมาร่วมวง เสียงสบถ เสียงเอ็ดตะโร เสียงทะเลาะกันฟังไม่ได้ศัพท์  โดยเฉพาะเขาที่ไม่รู้เรื่อง ยิ่งไม่รู้เรื่องเข้าไปใหญ่ เมื่อเห็นคนแยกเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งกรูกันออกไปทางประตูหลัง  อีกส่วนหนึ่งขึ้นไปบนชั้นสองรวมกลุ่มป้องกันที่หน้าห้องของเสี่ย

เสียงสตาร์ตเครื่องยนต์ที่หลังบ้านดังกระหึ่ม

"เชี่ยเอ๊ย รถกูจอดไว้ข้างหน้า ให้กูซ้อนมึ-ไปด้วย"

"กูด้วยเว้ย รถมึ-ซ้อนสามได้ใช่มั้ย"

"ยังไม่หนีอีก อยากตายรึไงวะ 'มัน' มาแล้วนะโว้ย"
"ไม่ต้องหนี  มึ-รีบขึ้นมานี่ อยู่ตรงนั้นอยากตายรึไง"

เสียงออดสัญญานเตือนเงียบไปแล้ว ตัวเขาเองยังยืนงงอยู่หลังเคาน์เตอร์  จับต้นชนปลายไม่ถูก ไม่รู้จะเอายังไงดี คนที่กำลังหนีก็บอกเขาให้ตามไป  คนที่กำลังขึ้นบันไดก็เรียกเขาให้ไปรวมกลุ่ม  แต่ต่างคนต่างก็ไปตามทางของตัวเอง ไม่มีใครรอให้เขาตัดสินใจซักนิด

พอเขาจะเดินออกจากเคาน์เตอร์เพื่อเลือกเอาซักทาง ซึ่งเขาเลือกที่จะไปตามกลุ่มที่มีมากกว่า คือกลุ่มคนที่เลือกจะหนี ซึ่งเขายังสงสัย ว่าอะไรที่ทำให้ทุกคนต้องแตกตื่นกันขนาดนี้

ตอนนั้นเอง  สิ่งที่ดูเหมือนเป็นคำตอบของเขาได้ผลักประตูอย่างแรงจนเกิดเสียงดังโครม  ชายฉกรรจ์ตัวใหญ่ราวยักษ์ปักหลั่นกระทืบเท้าเดินเข้ามา พกปืนสั้นที่เอวขวา เหน็บปืนลูกซองอีกกระบอกไว้ข้างหลัง สายสะพายลูกปืน 2 แถวพาดเฉียงซ้ายขวา  สายตาดุดันกวาดตามองไปโดยรอบ ก่อนจะพบความว่างเปล่าของห้องโถงชั้นล่าง เหลือเพียงเขาคนเดียวยืนหัวโด่อยู่หลังเคาน์เตอร์บาร์  สีหน้าของยักษ์ปักหลั่นยิ่งขทึงมากขึ้น ราวกับไม่พอใจที่มีคนให้ฆ่าน้อยเกินไป

"ไอ้พวกบัดซบ ไปไหนกันหมดวะ" เสียงแหบ คำรามเย็นเยียบ

ยักษ์ปักหลั่นคนนั้น เดินมาทางเขา แผ่รังสีชนิดหนึ่งออกมากดดันจนเขาแทบหายใจไม่ออก  มือใหญ่แข็งแรงพร้อมแขนที่เต็มไปด้วยขนและกล้ามเนื้อกระแทกลงบนเคาน์เตอร์เสียงดัง จนเขาสะดุ้ง

"เอาเหล้าที่แพงที่สุดมา"  

เขาหันไปที่ชั้นวางด้านหลัง กวาดสายตามอง แล้วเปิดตู้ หยิบออกมาขวดหนึ่งที่น่าจะทำให้ยักษ์ปักหลั่นนี้พอใจ

" **** เอ็กโอ คอนยัค ครับ"  เขาประคองส่งให้ พูดด้วยเสียงสั่นๆ

ยักษ์ปักหลั่นคว้าไป ไม่เสียเวลาเปิดฝาขวด ใช้ฟันกัดคอขวดจนแตก แล้วยกทั้งขวดขึ้นกรอกลงคออั้กๆ  หมดไปครึ่งขวด ก็โยนขวดทิ้ง

"ไม่ได้เรื่อง  เอาเหล้าที่แรงที่สุดมา"

เสียงขวดกระแทกพื้นแตกเพล้ง มันบาดใจเขาจนหายวาบ  เขาเอื้อมมือสั่นๆ เลือกหยิบมาส่งให้อีกขวด

" *** แอปซินธ์ 70 ดีกรี ครับ"

ยักษ์ปักหลั่นกัดคอขวดอีกครั้ง กรอกลงคอไปอึกหนึ่ง  ก็เรอออกมา

"เออ ต้องอย่างนี้สิ"

เขาค่อยใจชื้นขึ้น เมื่อดูเหมือนว่าจะทำให้ยักษ์ปักหลั่นพอใจได้แล้ว

"จะรับอะไรเพิ่มอีกมั้ยครับ"

ยักษ์ปักหลั่นลุกขึ้น

"ไม่เอา ต้องรีบไปแล้ว"

"ครับๆ เชิญครับ"

ยักษ์ปักหลั่นถือขวดเหล้าที่ยังดื่มไม่หมด จ้ำอ้าวไปทางประตูหลัง ส่งเสียงมาพูดกับเขา

"มึ-ไม่หนีเรอะ  'มัน' มาแล้วนะโว้ย"

..................................................................................................................................................................................
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่