สวัสดีครับ เจอกับผม เต้ อีกเช่นเคยครับ วันนี้ผมก็อยากจะมาเขียนรีวิวสั้นๆให้ได้อ่านกันบ้างนะครับ หลังจากที่อ่านรีวิวยาวๆกันมาเยอะแล้ว 555+ วันนี้ผมก็จะมารีวิวมือถือ Redmi 9C ซึ่งถือว่าเป็นมือถือที่ซีรีย์เริ่มต้นของ Redmi ในปี 2020 เลยก็ว่าได้ แต่ตัวที่เล็กที่สุดของปีนี้น่าจะเป็น Redmi 9A ที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้แล้ว โดยที่ Redmi 9C เป็นรุ่นที่สูงขึ้นมาหน่อย ส่วนตัวที่มีสเปกสูงกว่า Redmi Note 9C ก็จะเป็น Redmi 9 เลยครับ ส่วนรายละเอียดจะเป็นยังไง เชิญรับชมกันได้เลยครับ
ในวันที่ผมได้ Redmi 9C มาทำรีวิว ผมเองก็ยังไม่ทราบรายละเอียดของตัวเครื่องซักเท่าไหร่ แต่ยังไงผมก็จะรีวิวในแบบของผมไปก่อนนะครับ ^^
สำหรับใครที่อยากดูรีวิวเป็นวีดีโอสามารถดูได้ที่นี่เลยครับผม
กล่องของ Redmi 9C ก็จะเป็นกล่องสีขาวที่มีรูปตัวเครื่องให้เห็นทั้งด้านหน้าและด้านหลัง และแน่นอนว่าสีน้ำเงินกับสีส้ม สวยมากกก...แต่น่าเสียดายที่สีที่ผมได้มารีวิว เป็นสีเทา Midnight Gray 555+
สเปกตัวเครื่อง
ขนาดตัวเครื่อง 164.9 x 77.07 x 9 มิลลิเมตร
น้ำหนัก : 196 กรัม
หน้าจอแสดงผลขนาด 6.53 นิ้ว ความละเอียด HD+ 1600 x 720 , อัตราส่วนหน้าจอ 20:9
ระบบปฏิบัติการ MIUI 12 บน Android 10
CPU: MediaTek Helio G35
GPU: PowerVR8320 , 680MHz
RAM : 2GB LPDDR4X , 3GB LPDDR4X
ความจุตัวเครื่อง 32 / 64GB ใช้หน่วยความจำแบบ eMMC 5.1
กล้องหลัง 3 ตัว 13 + 2 + 2 ล้านพิกเซล
กล้องหลัก 13 ล้านพิกเซล f/2.2
กล้อง Macro 2 ล้านพิกเซล f/2.4 ไม่มีออโต้โฟกัส
กล้องวัดระยะความลึกขนาด 2 ล้านพิกเซล f/2.4
กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล
แบตเตอรี่ 5000mAh
รองรับการชาร์จสูดสุด 10W
มีช่องเสียบรูหูฟังขนาด 3.5 mm
สแกนลายนิ้วมือด้านหลังตัวเครื่อง
มีสีให้เลือก 3 สี สีเทา สีส้ม สีน้ำเงิน
ราคา 2/32GB 3,099 บาท และ 3/64GB 3,399 บาท
ในกล่อง
อุปกรณ์ภายในกล่อง Redmi 9C ก็จะมีคู่มือมาให้ เข็มจิ้มถาดซิม หัวชาร์จ และสายชาร์จที่เป็น Type-A to Micro USB ซึ่งน่าเสียดายนิดหน่อย ที่ผมคาดหวังว่าเราจะไม่เจอมือถือที่เป็นช่อง Micro USB แล้ว แต่คิดว่าปีหน้าก็ไม่แน่ และที่น่าเสียดายอีกเรื่องก็คือรอบนี้ไม่ได้เคสมาด้วยนะครับ ><;
ที่ชาร์จในกล่องเป็นแบบธรรมดา จ่ายไฟที่ 5V 2A หรือ 10W นั่นเอง
ภายนอก
ตัวเครื่องภายนอกของ Redmi 9C จะเป็นพลาสติกทั้งหมด และจะเป็นชิ้นเดียวกันทั้งบอดี้และฝาหลัง และฝาหลังจะมีลวดลายที่ให้ผิวสัมผัสที่ออกจะด้านๆ จับแล้วไม่ลื่นหลุดมือได้ง่ายๆ และด้วยแบตเตอรี่ที่ให้มาค่อนข้างใหญ่ ก็เลยทำให้เครื่องมีน้ำหนักอยู่บ้าง แต่ก็ไม่หนักจนเกินไป
ถึงจะบอกว่าเป็นสีเทา แต่พอดูโดยรวมแล้ว ฝาหลังจะมีเกล็ดสีน้ำเงินอยู่ด้วย ทำให้มองแล้วเหมือนสีน้ำเงินเข้มมากกว่า ^^
ด้านบนของตัวเครื่องก็จะมีช่องหูฟัง 3.5 มาให้
ด้านขวาของตัวเครื่องก็จะมีปุ่ม เปิด-ปิดเครื่อง และ ปุ่มเพิ่มเสียง-ลดเสียง
ด้านซ้ายก็จะมีช่องถาดซิม
ซึ่งช่องถาดซิมจะเป็นแบบ 3 ช่อง คือ ช่องใส่ซิมการ์ดแบบนาโนซิม 2 ช่อง และช่องใส่เมโมรี่การ์ดอีก 1 ช่อง และถาดซิมยังมีขอบยางให้ด้วย ซึ่งน่าจะเป็นยางกันฝุ่นซะมากกว่า ไม่ใช่กันน้ำนะ 555+
ด้านล่างก็จะมีไมโครโฟนตัวหลัก ช่อง Micro USB และลำโพง
ด้านหน้าก็จะมีลำโพงสนทนา กล้องหน้าขนาด 5 ล้านพิกเซล ที่เป็นติ่งรูปหยดน้ำ และถัดมาทางด้านขวาบน ข้างๆลำโพงสนทนาก็จะมีเซ็นเซอร์วัดแสงกับเซ็นเซอร์ปิดหน้าจอ ถ้าจะหาฟิล์มผมแนะนำให้หาที่มันเว้นขอบบนไว้บ้างก็ดีครับ จะได้ไม่บังเซ็นเซอร์ และอีกเรื่องนึงคือ Redmi 9C ไม่ได้ติดฟิล์มมาให้จากโรงงานนะครับ ><;
ด้านหลังก็จะมีกล้องทั้งหมด 3 ตัว กล้องหลัก 13 ล้านพิกเซล กล้องมาโคร 2 ล้านพิกเซล และกล้องวัดความลึก 2 ล้านพิกเซล และแฟลช LED อีก 1 ดวง วางรูปแบบเป็นสี่เหลี่ยม และถัดมาจะเป็นเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือ
และโมดูลกล้องด้านหลังก็ยื่นออกมาประมาณ 1 มิลลิเมตรเท่านั้น ถือว่าบางพอสมควรเลยครับ
หน้าจอ
แน่นอนว่า Redmi 9C เป็นมือถือราคาไม่แพง ก็จะมากับหน้าจอ IPS ขนาด 6.53 นิ้ว ความละเอียด HD+ 1600 x 720 และเป็นติ่งรูปหยดน้ำ อัตราส่วนหน้าจอ 20:9 ที่ผมรู้สึกว่าให้สีสันที่ดี และเมื่อมองในมุมต่างๆ สีไม่เปลี่ยนเหมือนจอ HD+ บางรุ่น
แบตเตอรี่และการชาร์จ
การชาร์จเต็ม 1 ครั้ง ผมบอกเลยว่า ใช้งานได้เกิน 1 วันแน่นอน ด้วยสเปกระดับนี้ กับแบตเตอรี่ขนาด 5000 มิลลิแอมป์ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับการใช้งานของแต่ละคนด้วยนะครับ ^^
สำหรับเรื่องการชาร์จแบตเตอรี่กลับตั้งแต่ 0-100% ใช้เวลา 3 ชั่วโมง 10 นาที โดยประมาณ ก็ถือว่าใช้เวลาพอสมควรเลยครับ กับมือถือที่ไม่รองรับชาร์จด่วน ผมแนะนำให้ชาร์จทุกวันนะครับ อย่าปล่อยให้แบตเตอรี่หมดแล้วค่อยชาร์จ
ตามสเปกบอกว่าแบตเตอรี่ของ Redmi 9C รองรับจำนวนการชาร์จได้มากกว่ามือถือทั่วไปถึง 1000 รอบ การชาร์จเลยทีเดียว ซึ่งต่างจากมือถือรุ่นอื่นอยู่ประมาณนึง...ซึ่งส่วนใหญ่บางรุ่นก็จะรองรับได้แค่ 800 รอบก็จะถึงจุดที่เสื่อมที่สุดแล้ว
การปลดล็อค
การปลดล็อคของ Redmi 9C สามารถใช้กล้องหน้าเพื่อปลดล็อคก็ได้ หรือจะใช้สแกนลายนิ้วมือก็ได้ ซึ่งสแกนลายนิ้วมือถือว่าทำได้เร็วมากครับ และการปลดล็อคด้วยใบหน้าก็ทำได้รวดเร็วเหมือนกัน แต่สำหรับกลางคืนก็อาจจะมีช้าบ้างนะครับ ^^
กล้อง
กล้องของ Redmi 9C ด้านหลังจะมีกล้องทั้งหมด 3ตัว โดยกล้องที่อยู่มุมบนซ้ายสุดจะเป็นกล้องหลัก ขนาด 13 ล้านพิกเซล f/2.2 กล้องมุมขวาบนจะเป็นกล้องวัดความลึก ขนาด 2 ล้านพิกเซล f/2.4 และกล้องตัวมุมล่างขวาจะเป็นกล้องมาโคร ขนาด 2 ล้านพิกเซล f/2.4 ซึ่งจะไม่มี Auto Focus นะครับ แต่สามาถถ่ายระยะใกล้สุดที่ระยะ 3 เซนติเมตร ระยะเดียวเท่านั้น มุมล่างซ้ายก็จะเป็นแฟลช LED
ผมขอบอกเลยว่าตอนแรกผมก็ไม่ได้คาดหวังกับกล้องมือถือราคาระดับนี้มากนัก แต่ผมก็ลืมไปว่ามันก็คือ Xiaomi แต่ก่อนผมเคยรีวิว Redmi Go ที่ถือได้ว่าเป็นมือถือที่ถูกที่สุดตอนนั้น...เพราะงั้น Redmi 9C ก็ให้ภาพที่ดีในระดับนึง บวกกับ MIUI 12 ที่ยังพกฟีเจอร์ต่างๆจากรุ่นพี่มาบ้าง ไม่ว่าจะเป็น HDR โหมดภาพบุคคล โหมดโปรที่สามารถตั้งสปีดชัทเตอร์ได้ด้วย...เดี๋ยวเรามาดูรูปตัวอย่างกันครับ
[SR] รีวิว Redmi 9C น้องเล็ก แบตอึด
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้