Hello สวัสดีเพื่อนๆ ชาว pantip ทุกคนนค่ะ
กลับมาพบกันใน Pantip อีกแล้วนะคะทุกคน แต่กลับมาครั้งนี้ไม่ได้จะมารีวิว หรือป้าย Skin care แต่อย่างใด แต่วันนี้ขอจะขอรีวิวเกี่ยวกับการทำประกันรถยนต์ จ้าาาา
ก่อนอื่นต้องขอเล่า Story ของเรานิดนึง คือ ช่วงต้นปีที่ผ่านมาเรามีแพลนที่จะถอยรถคันใหม่ เนื่องจากเราอยากได้รถที่ประหยัดน้ำมันไว้สำหรับขับไปทำงาน และแน่นอนค่ะสิ่งสำคัญที่ตามมาสำหรับคนมีรถ ไม่ว่าจะคันใหม่ หรือคันเก่า ก็คือ “การทำประกัน” นั่นเองคะ
ซึ่งการทำประกันก็เป็นเรื่องที่เราไม่สามารถปฎิเสธได้เลย เพราะไม่ว่าเราจะขับรถถูกกฏจราจรแค่ไหน ไม่ว่าเราจะขับรถด้วยระยะทางใกล้หรือไกลเท่าไหร่ หรือมั่นใจว่า Skill การขับรถจะดีแค่ไหน ก็ยังมีความเสี่ยงอยู่ดี เพราะบนท้องถนนไม่ได้มีแค่รถเราคันเดียวจริงมั๊ยคะ ??? และเอาจริงๆคือบวกกับเราเป็นคนที่มี skill ในการขับรถค่อนข้างแย่นิดนึง สำหรับเราการทำประกันเลยเป็นเรื่องที่เรียกว่าสำคัญมากๆๆๆๆ

และยิ่งการทำประกันสำคัญมากขนาดไหน ค่าเบี้ยประกันก็สำคัญมากๆเช่นกันค่ะ เพราะค่าเบี้ยประกันของรถแต่ละคันก็ช่างโหดร้ายกับเงินในกระเป๋าของเรามากเหลือเกิน แต่ถ้าจะไม่ทำเราก็คงแบกรับความเสี่ยงไม่ไหวเช่นกันค่ะ และยิ่งรถออกใหม่ด้วย จะไม่ทำประกันก็คงไม่ได้ ก่อนเราจะถอยรถคันใหม่ออกมาอีกคัน เราเลยเริ่มศึกษาเรื่องประกัน เพื่อให้ได้ประกันรถที่เหมาะสมกับรถคันใหม่ทั้งในเรื่องของความคุ้มครอง และค่าเบี้ยประกันของเรานั่นเองค่ะ (ซึ่งต้องบอกเลยนะคะว่าเมื่อก่อนเราไม่ค่อยได้ศึกษาเรื่องประกันเลย เราทำตามโบรกเกอร์ประกันเลือกให้แต่พอมีรถหลายคันขึ้น และประกอบกับกลางปีที่ผ่านมาเราค่อนข้างมีประสบการณ์ที่ค่อนข้างเลวร้ายเกี่ยวกับการเคลมประกันครั้งก่อนค่ะ)
โจทย์สำหรับประกันของเราก็คือ เราอยากได้ประกันชั้น 1 (เพราะเรามี Skill กับขับรถที่ค่อนข้างแย่ ที่ราคาไม่แรงมาก เพราะเรายังคงใช้รถคันเก่าสลับด้วย และเราต้องการที่กระจายความเสี่ยงเพื่อไปทำประกันให้รถคันเก่าทั้งสองคันอีก จากการศึกษาข้อมูลและ เงื่อนไข ของประกันจากหลายบริษัทมากๆ จนเรามาเจอ โฆษณาประกัน จาก Purple INS จาก Facebook ค่ะ ซึ่งจากการศึกษาข้อมูลเบื้องต้นก็คือ น่าสนใจและเป็นทางเลือกที่ดีเลยค่ะเราเลยทักไลน์เพื่อเข้าไปสอบถามและข้อมูลรายละเอียดเพิ่มเติม ซึ่งต้องบอกเลยนะคะว่าทางแอดมินเค้าให้คำปรึกษาได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว จนทำให้เราเลือกและตัดสินใจมาหยุดที่ ประกัน เติมไมล์ จาก ทิพยประกันภัยนั่งเองค่ะ ซึ่งตัวเนี้ยเค้าเป็นประกันที่ตอบโจทย์เราได้ดีมากที่สุด
สำหรับประกันเติมไมล์ เป็นประกันชั้น 1 ที่สามารถเลือกระยะทางสำหรับการคุ้มครองได้ โดยเค้าจะมีระยะทางให้เลือกทั้งหมด 2 ระยะ ซึ่งก็คือ 5,000 กิโลเมตร และ 10,000 กิโลเมตร และยังให้ความคุ้มครองได้ถึง 1 ปี เลยค่ะ ที่สำคัญถ้าครบความคุ้มครอง 1 ปีแล้ว และยังขับรถไม่ครบระยะทางที่เลือก ถ้าเราต่อประกันตัวนี้อีก ตัวระยะทางที่เหลือก็จะถูกนำไปทบรวมกับการต่อประกันแบบเติมไมล์ในปีถัดไปได้ด้วย
ซึ่งเราได้ทำประมาณการ และคำนวณความคุ้มค่าจากวัตถุประสงค์การใช้รถของเราและระยะทางต่างๆได้ดังนี้ค่ะ
• เราใช้รถสำหรับไปทำงาน และระยะทางจากที่พักไปทำงานของเราก็คือ ไป-กลับ ประมาณ 800 เมตรต่อวัน (เราสลับใช้รถคันเก่าด้วย)
• ไปตลาด ร้านสะดวกซื้อ และไปร้านซักรีด ในละแวกที่พัก ไม่เกิน 10 กิโลเมตรต่อวัน (ซึ่งอันนี้ไม่ได้ไปทุกวันอยู่แล้ว)
หมายเหตุ : การเดินทางไปต่างจังหวัดหรือไปในสถานที่ไกลๆ ส่วนใหญ่เราจะใช้รถอีกคันค่ะ
รวมๆ เราน่าจะใช้รถไม่เกินวันละ 15 กิโลเมตรเท่านั้น ซึ่งถ้าคำนวณจากระยะทางด้านบน 1 สัปดาห์ เราจะใช้รถในระยะทางประมาณ 105 กิโลเมตร , 1 เดือน เราจะใช้รถระยะทาง ประมาณ 420 กิโลเมตร และ ใน 1 ปี เราใช้รถที่ระยะทางประมาณ 5,040 เท่านั้นค่ะ (และด้วยช่วงนี้มีเป็นช่วงที่ Covid-19 ระบาด ซึ่งบางวันเราอาจจะได้ Work form Home และไม่ค่อยได้ออกไปไหนด้วย)
ถ้าเราเลือกทำประกันรถยนต์ แบบ เติมไมล์ ในระยะทาง 5,000 กิโลเมตร เราจะจ่ายค่าเบี้ยประกัน ต่อปี แค่ 7,244 บาท และเมื่อเทียบกับประกันชั้น 1 แบบเดิมๆ ที่เราต้องจ่าย ประมาณ หมื่นปลายๆ ซึ่งจะทำให้เราเหลือเงินประมาณ 10,000 บาท และส่วนที่เหลือนี้เราสามารถใช้ไปทำประกันกับรถคันอื่นเพื่อกระจายความเสี่ยงได้อีกด้วย
สรุปข้อดีของ ประกัน แบบเติมไมล์ ก็คือ เป็นประกันชั้น 1 คุ้มครองทุกกรณี ราคาไม่แพง ไม่มีค่าเสียหายส่วนแรก (ค่าเสียหายในส่วนแรกเมื่อผู้เอาประกันเป็นคนทำให้เกิดอุบัติเหตุ) ทบระยะทางได้ เหมาะกับผู้ที่ใช้รถน้อย และไม่ยุ่งยากในการติดเครื่องมือวัดระยะทางค่ะ
แต่ทุกอย่างเมื่อมีข้อดี ก็ย่อมต้องมีข้อเสียด้วยค่ะ ประกัน เติมไมล์ จะไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ใช้รถเยอะๆ หรือเดินทางบ่อยๆ เพราะตัวประกันจะคุ้มครองถึงแค่ระยะทางที่เราเลือกเท่านั้น ต้วอย่างเช่น เราเลือก ระยะทาง 5,000 กิโลเมตร ถ้าในเดือนแรกของการทำประกัน เราใช้รถไปในระยะทาง 5,001 กิโลเมตร เดือนต่อๆไปก็จะไม่ได้รับความคุ้มครองจากประกันนั่นเองค่ะ
สรุปสำหรับประกันแบบ เติมไมล์ เลยนะคะ ตัว ประกัน แบบเติมไมล์ เค้าเป็นประกันที่สามารถตอบโจทย์การใช้รถของเราของเราได้ครบถ้วน ทั้งเรื่องของความคุ้มครอง ได้ประกันชั้น 1 (เราจะแปะตารางความคุ้มครองที่เราเลือกทำไว้ให้ด้านล่าง) และค่าเบี้ยประกันที่ราคาไม่แรง (ราคาพอๆกับประกันชั้น 2 พลัส แต่ได้ความคุ้มครองแบบประกันภัยชั้น 1) คือตอบโจทย์ได้ทั้งสองอย่าง ครบค่ะ
สำหรับเพื่อนๆ คนไหนที่ ใช้รถไม่เยอะ เดินทางไกลไม่บ่อย ต้องการหาประกันมาใช้คุ้มครองในช่วงระยะเวลาสั้นๆ หรือใช้รถหลายๆคัน ต้องการทำประกันเพื่อกระจายความเสี่ยง เราว่า ประกันเติมไมล์ เค้าสามารถตอบโจทย์ได้ค่อนข้างดีเลยค่ะ
สุดท้ายการทำประกันเป็นเรื่องที่เราต้องศึกษาข้อมูล และเงื่อนไขความคุ้มครองให้ละเอียด และเลือกให้เหมาะสมกับความต้องการหรือการใช้รถของเราเอง การรีวิวการทำประกันของเราในวันนี้ เป็นเพียงรายละเอียดและข้อมูลเบื้องต้นที่เราเลือกยกมาเพื่อให้เพื่อนๆ มีข้อมูลในการประกอบการตัดสินใจในการทำประกันเท่านั้นค่าา ในส่วนของเรื่องการตัดสินใจ ทำหรือไม่นั้น อย่างที่เราบอกควรศึกษาข้อลูล และเงื่อนไขให้ดีก่อนค่าาสำหรับวันนี้เราขอตัวไปทำงานก่อนค่า บ๊ายบายย
(ตารางความคุ้มครอง เติมไมล์ 5,000 กิโลเมตร)
[CR] แชร์ ประสบการณ์ ทำประกันรถยนต์ ชั้น1 ฉบับคนประหยัด !!!
กลับมาพบกันใน Pantip อีกแล้วนะคะทุกคน แต่กลับมาครั้งนี้ไม่ได้จะมารีวิว หรือป้าย Skin care แต่อย่างใด แต่วันนี้ขอจะขอรีวิวเกี่ยวกับการทำประกันรถยนต์ จ้าาาา
ก่อนอื่นต้องขอเล่า Story ของเรานิดนึง คือ ช่วงต้นปีที่ผ่านมาเรามีแพลนที่จะถอยรถคันใหม่ เนื่องจากเราอยากได้รถที่ประหยัดน้ำมันไว้สำหรับขับไปทำงาน และแน่นอนค่ะสิ่งสำคัญที่ตามมาสำหรับคนมีรถ ไม่ว่าจะคันใหม่ หรือคันเก่า ก็คือ “การทำประกัน” นั่นเองคะ
ซึ่งการทำประกันก็เป็นเรื่องที่เราไม่สามารถปฎิเสธได้เลย เพราะไม่ว่าเราจะขับรถถูกกฏจราจรแค่ไหน ไม่ว่าเราจะขับรถด้วยระยะทางใกล้หรือไกลเท่าไหร่ หรือมั่นใจว่า Skill การขับรถจะดีแค่ไหน ก็ยังมีความเสี่ยงอยู่ดี เพราะบนท้องถนนไม่ได้มีแค่รถเราคันเดียวจริงมั๊ยคะ ??? และเอาจริงๆคือบวกกับเราเป็นคนที่มี skill ในการขับรถค่อนข้างแย่นิดนึง สำหรับเราการทำประกันเลยเป็นเรื่องที่เรียกว่าสำคัญมากๆๆๆๆ
โจทย์สำหรับประกันของเราก็คือ เราอยากได้ประกันชั้น 1 (เพราะเรามี Skill กับขับรถที่ค่อนข้างแย่ ที่ราคาไม่แรงมาก เพราะเรายังคงใช้รถคันเก่าสลับด้วย และเราต้องการที่กระจายความเสี่ยงเพื่อไปทำประกันให้รถคันเก่าทั้งสองคันอีก จากการศึกษาข้อมูลและ เงื่อนไข ของประกันจากหลายบริษัทมากๆ จนเรามาเจอ โฆษณาประกัน จาก Purple INS จาก Facebook ค่ะ ซึ่งจากการศึกษาข้อมูลเบื้องต้นก็คือ น่าสนใจและเป็นทางเลือกที่ดีเลยค่ะเราเลยทักไลน์เพื่อเข้าไปสอบถามและข้อมูลรายละเอียดเพิ่มเติม ซึ่งต้องบอกเลยนะคะว่าทางแอดมินเค้าให้คำปรึกษาได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว จนทำให้เราเลือกและตัดสินใจมาหยุดที่ ประกัน เติมไมล์ จาก ทิพยประกันภัยนั่งเองค่ะ ซึ่งตัวเนี้ยเค้าเป็นประกันที่ตอบโจทย์เราได้ดีมากที่สุด
สำหรับประกันเติมไมล์ เป็นประกันชั้น 1 ที่สามารถเลือกระยะทางสำหรับการคุ้มครองได้ โดยเค้าจะมีระยะทางให้เลือกทั้งหมด 2 ระยะ ซึ่งก็คือ 5,000 กิโลเมตร และ 10,000 กิโลเมตร และยังให้ความคุ้มครองได้ถึง 1 ปี เลยค่ะ ที่สำคัญถ้าครบความคุ้มครอง 1 ปีแล้ว และยังขับรถไม่ครบระยะทางที่เลือก ถ้าเราต่อประกันตัวนี้อีก ตัวระยะทางที่เหลือก็จะถูกนำไปทบรวมกับการต่อประกันแบบเติมไมล์ในปีถัดไปได้ด้วย
• เราใช้รถสำหรับไปทำงาน และระยะทางจากที่พักไปทำงานของเราก็คือ ไป-กลับ ประมาณ 800 เมตรต่อวัน (เราสลับใช้รถคันเก่าด้วย)
• ไปตลาด ร้านสะดวกซื้อ และไปร้านซักรีด ในละแวกที่พัก ไม่เกิน 10 กิโลเมตรต่อวัน (ซึ่งอันนี้ไม่ได้ไปทุกวันอยู่แล้ว)
หมายเหตุ : การเดินทางไปต่างจังหวัดหรือไปในสถานที่ไกลๆ ส่วนใหญ่เราจะใช้รถอีกคันค่ะ
รวมๆ เราน่าจะใช้รถไม่เกินวันละ 15 กิโลเมตรเท่านั้น ซึ่งถ้าคำนวณจากระยะทางด้านบน 1 สัปดาห์ เราจะใช้รถในระยะทางประมาณ 105 กิโลเมตร , 1 เดือน เราจะใช้รถระยะทาง ประมาณ 420 กิโลเมตร และ ใน 1 ปี เราใช้รถที่ระยะทางประมาณ 5,040 เท่านั้นค่ะ (และด้วยช่วงนี้มีเป็นช่วงที่ Covid-19 ระบาด ซึ่งบางวันเราอาจจะได้ Work form Home และไม่ค่อยได้ออกไปไหนด้วย)
ถ้าเราเลือกทำประกันรถยนต์ แบบ เติมไมล์ ในระยะทาง 5,000 กิโลเมตร เราจะจ่ายค่าเบี้ยประกัน ต่อปี แค่ 7,244 บาท และเมื่อเทียบกับประกันชั้น 1 แบบเดิมๆ ที่เราต้องจ่าย ประมาณ หมื่นปลายๆ ซึ่งจะทำให้เราเหลือเงินประมาณ 10,000 บาท และส่วนที่เหลือนี้เราสามารถใช้ไปทำประกันกับรถคันอื่นเพื่อกระจายความเสี่ยงได้อีกด้วย
สรุปข้อดีของ ประกัน แบบเติมไมล์ ก็คือ เป็นประกันชั้น 1 คุ้มครองทุกกรณี ราคาไม่แพง ไม่มีค่าเสียหายส่วนแรก (ค่าเสียหายในส่วนแรกเมื่อผู้เอาประกันเป็นคนทำให้เกิดอุบัติเหตุ) ทบระยะทางได้ เหมาะกับผู้ที่ใช้รถน้อย และไม่ยุ่งยากในการติดเครื่องมือวัดระยะทางค่ะ
แต่ทุกอย่างเมื่อมีข้อดี ก็ย่อมต้องมีข้อเสียด้วยค่ะ ประกัน เติมไมล์ จะไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ใช้รถเยอะๆ หรือเดินทางบ่อยๆ เพราะตัวประกันจะคุ้มครองถึงแค่ระยะทางที่เราเลือกเท่านั้น ต้วอย่างเช่น เราเลือก ระยะทาง 5,000 กิโลเมตร ถ้าในเดือนแรกของการทำประกัน เราใช้รถไปในระยะทาง 5,001 กิโลเมตร เดือนต่อๆไปก็จะไม่ได้รับความคุ้มครองจากประกันนั่นเองค่ะ
สรุปสำหรับประกันแบบ เติมไมล์ เลยนะคะ ตัว ประกัน แบบเติมไมล์ เค้าเป็นประกันที่สามารถตอบโจทย์การใช้รถของเราของเราได้ครบถ้วน ทั้งเรื่องของความคุ้มครอง ได้ประกันชั้น 1 (เราจะแปะตารางความคุ้มครองที่เราเลือกทำไว้ให้ด้านล่าง) และค่าเบี้ยประกันที่ราคาไม่แรง (ราคาพอๆกับประกันชั้น 2 พลัส แต่ได้ความคุ้มครองแบบประกันภัยชั้น 1) คือตอบโจทย์ได้ทั้งสองอย่าง ครบค่ะ
สุดท้ายการทำประกันเป็นเรื่องที่เราต้องศึกษาข้อมูล และเงื่อนไขความคุ้มครองให้ละเอียด และเลือกให้เหมาะสมกับความต้องการหรือการใช้รถของเราเอง การรีวิวการทำประกันของเราในวันนี้ เป็นเพียงรายละเอียดและข้อมูลเบื้องต้นที่เราเลือกยกมาเพื่อให้เพื่อนๆ มีข้อมูลในการประกอบการตัดสินใจในการทำประกันเท่านั้นค่าา ในส่วนของเรื่องการตัดสินใจ ทำหรือไม่นั้น อย่างที่เราบอกควรศึกษาข้อลูล และเงื่อนไขให้ดีก่อนค่าาสำหรับวันนี้เราขอตัวไปทำงานก่อนค่า บ๊ายบายย
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้