ปกติแล้วเราจะมาที่เว็บพันทิปเพื่อเข้าไปอ่านกระทู้ในห้อง
gadgets / มาบุญครอง / สีลม / สยามสแควร์ เป็นหลัก เผอิญช่วงนี้มีเวลาว่าง เลยผ่านไปเห็นกระทู้เหล่านี้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ลูกวัย 16 อยากซื้อรถมอเตอร์ไซด์ ให้ เหตุผลอะไรที่ยับยั้งลูกได้ - pantip.com/topic/40164536
อยากถามคุณพ่อ-แม่ที่มีลูกวัยรุ่นมีวิธีการจัดการอย่างไร - pantip.com/topic/40165771
มันชักคันไม้คันมืออย่างจะพูดอะไรบางอย่างให้ฟังในฐานะคนที่เป็น "ลูก" (ให้มันเป็น heated discussion ได้ก็ดี)
ก. จะบอกคนที่เป็นลูกๆ ทั้งหลายว่า คนเป็นพ่อเป็นแม่ที่ยังคิดว่า
"มอไซด์" มันอันตรายเสมอ ต่อให้ลูกจะอายุเท่าไร (16 หรือ 26 หรือ 36 หรือไม่รู้เมื่อไร) ลูกก็จะไม่มีวันได้ขี่มอไซด์อย่างที่หวังหรอก (พวกเขาก็หาสารพัดข้ออ้าง/ข้อเสีย/ตัวอย่างมาให้ยอมจำนน)
จนกว่าคนที่ห้ามเขาจะจากโลกนี้ไป อย่างที่บ้านผมก็ชัดเจนว่า NOOOOOOOO เพราะมีตัวอย่างที่พ่อเสียไตไปข้างนึงจากอุบัติเหตุมอไซด์ ฉะนั้นผมเถียงสู้พวกเขาไม่ได้และไม่มีเหตุผลที่ดีมากพอมาลบล้าง สุดท้ายก็ต้องยอมจำนนพับแผนที่จะไปสอบใบขับขี่มอไซด์ (
แค่ใบขับขี่เองนะ) ทิ้งลงไปในที่สุด
บางคนอาจจะมองเรื่องนี้ว่าสมควรที่จะเป็น free will หรือเจตจำนงเสรีของแต่ละบุคคล ครับ บางทีผมอาจจะมองแบบนี้ก็ได้นะแต่ขอเพิ่มเติมคือ เมื่อเลือกทำสิ่งใดไปแล้วก็ต้องยอมรับถึงผลหรือ consequence ที่จะตามมา เท่านั้นยังไม่พอ ยังต้องมีความรับผิดชอบต่อทุกๆ คนรอบตัวเราด้วย ถึงจะครบถ้วนสมบูรณ์
ถ้าจะตอบกระทู้แรกก็คงจะประมาณแบบ รอให้เขามีวุฒิภาวะเพียงพอที่จะคิดถึงผลของการกระทำต่างๆ ที่จะตามมาก่อน และมีความรับผิดชอบต่อทั้งตัวเองและผู้อื่นได้นั่นแหละ ประมาณนั้น
ข. การที่พ่อแม่ควบคุมลูกแทบจะทุกอย่างเนี่ย (รวมถึงแค่การถามด้วยนะว่า จะไปไหน กลับเมื่อไร และ ไปไหนมา)
มันเป็นดาบสองคมเสมอ (แม้กระทั่งการเลี้ยงลูกแบบปล่อยก็เป็นดาบสองคมด้วยอีกเช่นกัน) ตัวอย่างที่เกิดขึ้นกับผมที่ถูกเลี้ยงแบบควบคุมเลยเนี่ยคือ มันทำให้ผมคิดว่า "
ตรู น่าจะเกิดมาเป็น ลูกสาว ซะยังจะดีกว่าอีก (จะได้คอนโทรลชีวิตกันไปจนวันตายให้รู้แล้วรู้รอดกันไปเลย)" ถึงแม่จะบอกกับผมว่า "ตัวผมเองคือความภาคภูมิใจของแม่นะ" แต่ผมก็สูญเสีย proud ในตัวเองไปแล้ว ผลทางอ้อมในทางจิตใจรวมถึงทางกายด้วยก็คือ กลายเป็นคนที่ self-esteem ต่ำเตี้ยติดดิน (
ผมไม่อาจหลุดพ้นจากเงาแห่งความสำเร็จในสิ่งที่พ่อแม่ทำได้เลย) ไม่กล้ายืนหรือเดินผายหน้าอก จนกลายเป็นหลังโก่งหลังค่อมไป (และแม่ก็จะมาพยายามบังคับให้ใส่เสื้อดัดหลังกันอีก)
เผอิญมีเพื่อนอยู่คนนึงที่ตกอยู่ในสถานการณ์คล้ายๆ กัน เราทั้งคู่ต่างก็อาจที่จะโหยหายความเป็นอิสระจากพ่อและแม่เช่นเดียวกัน (แต่สำหรับผมนะ ถามว่าต้องการความเป็นอิสระมากน้อยแค่ไหน? แค่มีห้องส่วนตัวอยู่เป็นของตัวเอง แยกออกไปอยู่โดยไม่ต้องมีพ่อแม่มาคอยรบกวนอยู่ตลอด แค่นั้นก็พอแล้ว) แต่ก็ทำอะไรกับพวกท่านมากไม่ได้นอกเสียจากว่าปล่อยให้จากโลกนี้ไปเองซึ่งก็ไม่รู้ว่าเมื่อไร ถ้าถามผมที่เป็น "ลูก" นะ ความสัมพันธ์กับพวกท่านค่อนข้างสับสนในทางอารมณ์คือบางเวลาก็รักและบางเวลาก็โกรธชัง มันบอกไม่ถูก เหมือนมันเป็นแบบว่า "สีเทาๆ" อย่างที่โลกนี้เป็น (หรือเปล่า?)
ถ้าจะตอบกระทู้หลังก็คงจะประมาณแบบ คุณต้องหาสมดุลให้เจอ ว่าอะไรควรปล่อยให้ลูกเขารับผิดชอบเอง หรืออะไรที่ควรต้องควบคุมคอยห้ามปราม พึงระลึกเอาไว้เสมอว่า เราควบคุมคนไปไม่ได้ตลอดกาล เขาไม่ใช่หุ่นยนต์ที่สามารถสั่งให้ทำอะไรแล้วก็ต้องทำตามตลอด เมื่อถึงจุดๆ นึงแล้วยังไงคุณก็ต้องวางมือหรืออาจจะแก่ชรา ปล่อยให้เขาได้รับผิดชอบในสิ่งที่เขาเป็น มันน่าจะดีที่สุด
จากทัศนคติมุมองของคนเป็น "ลูก"
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
มันชักคันไม้คันมืออย่างจะพูดอะไรบางอย่างให้ฟังในฐานะคนที่เป็น "ลูก" (ให้มันเป็น heated discussion ได้ก็ดี)
ก. จะบอกคนที่เป็นลูกๆ ทั้งหลายว่า คนเป็นพ่อเป็นแม่ที่ยังคิดว่า "มอไซด์" มันอันตรายเสมอ ต่อให้ลูกจะอายุเท่าไร (16 หรือ 26 หรือ 36 หรือไม่รู้เมื่อไร) ลูกก็จะไม่มีวันได้ขี่มอไซด์อย่างที่หวังหรอก (พวกเขาก็หาสารพัดข้ออ้าง/ข้อเสีย/ตัวอย่างมาให้ยอมจำนน) จนกว่าคนที่ห้ามเขาจะจากโลกนี้ไป อย่างที่บ้านผมก็ชัดเจนว่า NOOOOOOOO เพราะมีตัวอย่างที่พ่อเสียไตไปข้างนึงจากอุบัติเหตุมอไซด์ ฉะนั้นผมเถียงสู้พวกเขาไม่ได้และไม่มีเหตุผลที่ดีมากพอมาลบล้าง สุดท้ายก็ต้องยอมจำนนพับแผนที่จะไปสอบใบขับขี่มอไซด์ (แค่ใบขับขี่เองนะ) ทิ้งลงไปในที่สุด
บางคนอาจจะมองเรื่องนี้ว่าสมควรที่จะเป็น free will หรือเจตจำนงเสรีของแต่ละบุคคล ครับ บางทีผมอาจจะมองแบบนี้ก็ได้นะแต่ขอเพิ่มเติมคือ เมื่อเลือกทำสิ่งใดไปแล้วก็ต้องยอมรับถึงผลหรือ consequence ที่จะตามมา เท่านั้นยังไม่พอ ยังต้องมีความรับผิดชอบต่อทุกๆ คนรอบตัวเราด้วย ถึงจะครบถ้วนสมบูรณ์
ถ้าจะตอบกระทู้แรกก็คงจะประมาณแบบ รอให้เขามีวุฒิภาวะเพียงพอที่จะคิดถึงผลของการกระทำต่างๆ ที่จะตามมาก่อน และมีความรับผิดชอบต่อทั้งตัวเองและผู้อื่นได้นั่นแหละ ประมาณนั้น
ข. การที่พ่อแม่ควบคุมลูกแทบจะทุกอย่างเนี่ย (รวมถึงแค่การถามด้วยนะว่า จะไปไหน กลับเมื่อไร และ ไปไหนมา) มันเป็นดาบสองคมเสมอ (แม้กระทั่งการเลี้ยงลูกแบบปล่อยก็เป็นดาบสองคมด้วยอีกเช่นกัน) ตัวอย่างที่เกิดขึ้นกับผมที่ถูกเลี้ยงแบบควบคุมเลยเนี่ยคือ มันทำให้ผมคิดว่า "ตรู น่าจะเกิดมาเป็น ลูกสาว ซะยังจะดีกว่าอีก (จะได้คอนโทรลชีวิตกันไปจนวันตายให้รู้แล้วรู้รอดกันไปเลย)" ถึงแม่จะบอกกับผมว่า "ตัวผมเองคือความภาคภูมิใจของแม่นะ" แต่ผมก็สูญเสีย proud ในตัวเองไปแล้ว ผลทางอ้อมในทางจิตใจรวมถึงทางกายด้วยก็คือ กลายเป็นคนที่ self-esteem ต่ำเตี้ยติดดิน (ผมไม่อาจหลุดพ้นจากเงาแห่งความสำเร็จในสิ่งที่พ่อแม่ทำได้เลย) ไม่กล้ายืนหรือเดินผายหน้าอก จนกลายเป็นหลังโก่งหลังค่อมไป (และแม่ก็จะมาพยายามบังคับให้ใส่เสื้อดัดหลังกันอีก)
เผอิญมีเพื่อนอยู่คนนึงที่ตกอยู่ในสถานการณ์คล้ายๆ กัน เราทั้งคู่ต่างก็อาจที่จะโหยหายความเป็นอิสระจากพ่อและแม่เช่นเดียวกัน (แต่สำหรับผมนะ ถามว่าต้องการความเป็นอิสระมากน้อยแค่ไหน? แค่มีห้องส่วนตัวอยู่เป็นของตัวเอง แยกออกไปอยู่โดยไม่ต้องมีพ่อแม่มาคอยรบกวนอยู่ตลอด แค่นั้นก็พอแล้ว) แต่ก็ทำอะไรกับพวกท่านมากไม่ได้นอกเสียจากว่าปล่อยให้จากโลกนี้ไปเองซึ่งก็ไม่รู้ว่าเมื่อไร ถ้าถามผมที่เป็น "ลูก" นะ ความสัมพันธ์กับพวกท่านค่อนข้างสับสนในทางอารมณ์คือบางเวลาก็รักและบางเวลาก็โกรธชัง มันบอกไม่ถูก เหมือนมันเป็นแบบว่า "สีเทาๆ" อย่างที่โลกนี้เป็น (หรือเปล่า?)
ถ้าจะตอบกระทู้หลังก็คงจะประมาณแบบ คุณต้องหาสมดุลให้เจอ ว่าอะไรควรปล่อยให้ลูกเขารับผิดชอบเอง หรืออะไรที่ควรต้องควบคุมคอยห้ามปราม พึงระลึกเอาไว้เสมอว่า เราควบคุมคนไปไม่ได้ตลอดกาล เขาไม่ใช่หุ่นยนต์ที่สามารถสั่งให้ทำอะไรแล้วก็ต้องทำตามตลอด เมื่อถึงจุดๆ นึงแล้วยังไงคุณก็ต้องวางมือหรืออาจจะแก่ชรา ปล่อยให้เขาได้รับผิดชอบในสิ่งที่เขาเป็น มันน่าจะดีที่สุด