คุณพ่อเสียแล้ว มีปืน 3 กระบอกต้องทำอย่างไร

เนื่องจากคุณพ่อเป็นอดีตทหารอากาศ ปลดเกษียณแล้วประมาณ 10 ปีแล้ว เสียชีวิตไปเมื่อปีที่แล้ว โดยคุณแม่ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้จัดการมรดกเรียบร้อยแล้ว ทรัพย์สินอื่น ๆ จัดการเรียบร้อย แต่มีปืนอยู่ 3 กระบอก ( ปืนสั้น , ไรเฟิล , ลูกกรด) จดทะเบียนไว้ต่างจังหวัด ยังไม่ได้จัดการ ซึ่งทางคุณแม่ และลูก ๆ ทุกคนไม่มีความประสงค์จะครอบครองปืนต่อ จะขอรบกวนสอบถามว่าสามารถจัดการอย่างไรได้บ้างครับ เช่น 
  1. ขายโดยตรงเลยได้ไหม ไม่ต้องโอนมาที่แม่ก่อน
  2. กรณีจำเป็นต้องโอนมาที่แม่ก่อน ต้องทำอย่างไรบ้าง
  3. สามารถนำไปบริจาคได้ไหม มีข้อกำหนดทางกฏหมายอย่างไรบ้างครับ
  หรือท่านไหนมีคำแนะนำอย่างอื่นไหมครับ รบกวนด้วยครับ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 2
ปืน เป็นทรัพย์ที่มีการจดทะเบียนระบุเจ้าของ เมื่อเจ้าของเดิมเสียชีวิต ก็ตกเป็นทรัพย์มรดกที่ต้องดำเนินการโอนทะเบียน

อย่างไรก็ตาม ผู้ที่จะมาซื้อ จะต้องเป็นผู้ได้รับอนุญาตให้มีปืนเช่นกัน ผู้ซื้อจะต้องไปขออนุญาตซื้อ ได้ใบอนุญาตซื้อที่เรียกว่า ใบป.3 มาเสียก่อน
โดยใน ป.3 นั้น จะต้องระบุว่า รับโอนจาก นาย... (ชื่อเจ้าของเดิม) และระบุรายละเอียดของทะเบียนปืนเดิมไว้ด้วย

เนื่องจากการหาผู้ซื้ออาจใช้เวลา ในทางปฏิบัติจึงมักโอนความเป็นเจ้าของมาที่ทายาทก่อน โดยต้องทำดังนี้

(เนื่องจาก จขกท. ระบุว่า แม่ ได้รับอำนาจตามคำสั่งศาล ให้เป็นผู้จัดการมรดกแล้ว จึงขอข้ามเรื่องกระบวนการระบุทายาทไป)

1. ไปติดต่อที่อำเภอที่ทายาทผู้ที่จะรับโอน มีทะเบียนบ้านอยู่ (ถ้าทะเบียนบ้านอยู่ใน กทม. ให้ไปที่ ศูนย์บริการประชาชน วังไชยา ใกล้ๆ สนามม้านางเลิ้งเดิม - เพราะ กทม. รวมทะเบียนปืนทั้งหมดไปดำเนินการที่นั่นที่เดียว)
2. แจ้งว่า เดินเรื่องรับโอนมรดก ทำเอกสาร จำนวนชุดตามจำนวนปืน ดังนี้
2.1 เอกสารฝั่งผู้ตาย - สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้านที่ระบุชื่อผู้ตาย และมีตราประทับว่า "ตาย" สำเนามรณบัตร
2.2 เอกสารเกี่ยวกับมรดก - สำเนาคำสั่งศาลผู้จัดการมรดก สำเนาบัตรประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้านของผู้จัดการมรดก ใบอนุญาตให้มีและใช้อาวุธปืน (ฉบับจริง) และนำตัวอาวุธปืนไปตรวจสอบด้วย
2.3 เอกสารฝั่งผู้รับโอน - สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน เอกสารรับรองการทำงาน สำเนาสมุดบัญชีที่มีการเคลื่อนไหวย้อนหลัง 6 เดือน หรือเสตทเมนท์ หรือเอกสารอื่นใดที่รับรองได้ว่าผู้ที่จะรับโอนเป็นผู้มีอาชีพการงานมั่นคง หนังสือรับรองความประพฤติจากผู้ใหญ่บ้าน กำนัน หรือข้าราชการเทียบเท่าทหารบกยศพันโทขึ้นไป (ต้องเป็นข้าราชการประจำปัจจุบัน เกษียณแล้วไม่ได้)
ทางอำเภอ อาจให้ผู้รับโอนไปติดต่อขอเอกสารตรวจสอบประวัติอาชญากรรมจากตำรวจด้วย หรือหากเป็นที่กรมการปกครอง วังไชยา จะส่งเรื่องต่อให้ แต่มีค่าดำเนินการ 100 บาท (ถ้าจำไม่ผิด)
เอาเอกสารทั้งหมด ไปยื่นขอ ป.3 แจ้งว่ารับโอนมรดก

3 รอรับจดหมายแจ้งว่าได้ ป.3 แล้ว ก็ไปรับเอกสาร ใบป.3

4. จากนั้น เอา ป.3 ไปที่อำเภอที่เจ้าของเดิมมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน (หรืออำเภอที่ออกใบ ป.4 เดิม) เพื่อไปแจ้งตัดโอนปืน รับเอกสารตัดโอน กลับมายื่นที่อำเภอของผู้รับโอนอีกที

5. รอรับใบ ป.4

เสร็จแล้ว คราวนี้ก็รอขายให้ผู้อื่น ถ้ามีคนที่จะมาซื้อ ต้องย้ำว่า ให้เขาไปขอ ป.3 มาให้ได้ก่อน ไม่เห็น ป.3 อย่ามอบปืนไป (อย่าโอนลอย)
คนซื้ออาจจะอ้างว่า ต้องเอาไปตรวจที่อำเภอฝั่งเขา ขอให้ผู้ครอบครองเดินทางไปเองแล้วเอาปืนกลับมา อาจรับมัดจำไว้ก่อนก็ได้
เนื่องจาก หากมอบอาวุธปืนพร้อมใบอนุญาตไป จะเกิดผลทางกฎหมาย คือ
- ผู้จะซื้อที่ยังไม่ได้ใบ ป.3 จะอยู่ในฐานะ "ครอบครองปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต" ซึ่งผิดกฎหมาย
- หากผู้ซื้อไม่ไปดำเนินการโอนให้เสร็จสิ้น หรือ ไปขอ ป.3 แล้วไม่ได้ แต่เอาปืนไปก่อคดี ความผิดและความยุ่งยากจะย้อนกลับมาหาเจ้าของตาม ป.4
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่