อยากไปลองใช้ชีวิต slow life ที่เชียงคานสัก 2-3 วันน
บวกกับภูต่างๆที่จังหวัดเลย ก็เยอะมากก ได้ฟีลคนละแบบ
ก่อนไปเราก็ทำการบ้านพอสมควร เพราะเลือกไม่ถูกเลยว่าไปภูไหนดี
สุดท้ายย ตัดสินใจเลือกมา 4 ภู นั่นก็คือ ภูป่าเปาะ ภูอีเลิศ ภูทอก และภูบ่อบิด
การเดินทาง
เราใช้ตั๋วของแอร์เอเชียแบบบุฟเฟต์ จึงได้ราคาที่ค่อนข้างถูก
FD3542 DMK-LOE 09.55-11.10
FD3543 LOE-DMK 11.50-13.05
รถเช่า
ตลอดทั้งทริปเราเช่ารถขับเองทั้งหมด
เช่าจากเพจ "เลยรถเช่า" วันละ 700 บาท
ค่าน้ำมันตลอดทริป ประมาณ 600 บาท
โรงแรม
ภูอีเลิศ: ภูอีเลิศ โฮมสเตย์ (ตั้งอยู่บริเวณทางขึ้นเขาภูอีเลิศ บรรยากาศเย็นสบายย พี่เจ้าของใจดี)
เชียงคาน: U Chiangkhan ห้องพักสะอาด ตั้งอยู่ไม่ไกลจากถนนคนเดิน สะดวกต่อการเดินทาง
เอาล่ะ มาดูกันว่าเราจะอะไรกันบ้างงง ลุยย !!!
ลงจากเครื่องเรียบร้อยย เราก็ติดต่อหาพี่เจ้าของรถเช่า พี่เขานำรถมาจอดรถเราเรียบร้อยแล้ว พร้อมน้ำมันเต็มถัง บริเวณสนามบินมีบริษัทรถเช่าไม่เยอะ ออกมาจากรับกระเป๋า อยู่ทางขวามือเลย
จากนั้นมุ่งหน้าสู่ ภูป่าเปาะ ภูที่ขึ้นชื่อของจังหวัดเลย หรือที่เรียกกันว่า ฟูจิเมืองไทย ฟูจิเมืองเลย นั่นเอง
ระหว่างทางก่อนถึงภูป่าเปาะ ก็จะเจอสวนหินผางาม หรือคุนหมิงเมืองไทย เป็นสวนที่มีหินทับซ้อนกันขึ้นไปจุดถ่ายรูปมีไม่เยอะ แต่ก็สามารถแวะไปถ่ายได้
จากนั้นก็เดินทางต่อไปสู่ ภูป่าเปาะ การเดินทางขึ้นไปชมนั่น ไม่สามารถนำรถยนต์ส่วนตัวขึ้นไปได้ จะต้องจอดที่ลาดจอดรถ และนั่งรถอีแต๊กขึ้นไป
คนละ 60 บาท ไม่ต้องรอเต็มคัน มากี่คน ลุงเขาก็พาขึ้นไปส่วนตัวเลยย ทางค่อนข้างชัน จุดชมวิวบนภูป่าเปาะ มีทั้งหมด 4 จุดด้วยกัน
แต่รถอีแต๊กสามารถพาเราขึ้นไปได้ถึงแค่จุดที่ 3 จากนั้นหากใครต้องการขึ้นไปชมวิวแบบ 360 องศา ก็ต้องเดินเท้าต่อขึ้นไป ประมาณ 300 เมตร
นี่เลยย รถอีแต๊กก นั่งได้ไม่เกิน 8-9 คน
จุดชมวิวที่ 1
จุดชมวิวที่ 2
จุดชมวิวที่ 3
จุดชมวิวที่ 4
ลงจากภูป่าเปาะ เราก็เดินทางต่อสู่ ภูอีเลิศ ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง แพลนของเราคือนอนที่โฮมสเตย์ก่อน ซึ่งอยู่ข้างล่างภูอีเลิศ จากนั้นเช้าวันรุ่งขึ้น ประมาณตี 5 เราจะขึ้นไปบนภูกัน ไปชมพระอาทิตย์ขึ้นน แต่ !!!! แพลนเราพัง เพราะ "ฝน" ตกหนักทั้งคืน จนถึงเช้า ทำให้ไม่สามารถขึ้นไปบนภูอีเลิศได้ เพราะทางขึ้นชัน และอันตราย ทางพี่เขาก็แจ้งเราว่าไม่ปลอดภัย ก็เลยต้องยกเลิก เพราะต้องขึ้นโดยรถอีแต๊กอีกเช่นเคย จึงต้องเก็บกระเป๋า ปาดน้ำตาา แล้วเดินทางต่อไปยังเชียงคานน
บรรยากาศ ภูอีเลิศโฮมสเตย์
เป็นโฮมสเตย์ของชาวบ้าน แบ่งเป็น 3 ห้อง ห้องน้ำรวม
ไปต่อกันที่เชียงคานน แลนด์มาร์คใหม่ของเชียงคาน นั่นก็คือ สกายวอล์กเชียงคาน ห่างจากภูอีเลิศประมาณ 2 ชั่วโมง เมื่อมาถึงลานจอดรถแล้ว เราต้องเปลี่ยนเป็นรถของอุทยาน โดยค่ารถไปและกลับ คนละ 20 บาท ซื้อตั๋วแล้วก็ขึ้นรถไปกันเลยย ใช้เวลานั่งรถประมาณ 5 นาทีก็ถึงสกายวอล์กแล้วว
จากนั้นต้องเสียค่าผ้าหุ้มรองเท้า คนละ 30 บาทสำหรับไปเดินชม Skywalk พร้อมรับบัตรคิว เขาจะปล่อยให้เข้าไปเป็นรอบๆ ดูจากหมายเลขบัตรที่เราได้ (ช่วงที่เราไปวันเสาร์ คนอาจจะเยอะ เพราะมีกรุ๊ปทัวร์ด้วย) (อ่อ ผ้าหุ้มรองเท้าไม่ต้องคืนนะ สามารถเอากลับได้เลย)
บนตัวสะพานท่านได้จะเห็น วิวแม่น้ำเหือง ที่กั้นชายแดนไทยไหลมาบรรจบกับแม่น้ำโขง ได้เห็นวิวของภูเขาทั้งลาว และไทยนั่นเองนอกจากนี้ยังเป็นที่ประดิษฐาน พระใหญ่ภูคกงิ้ว อีกด้วย
สกายวอล์กเชียงคาน
ตกเย็นเราก็ไปเดินเล่นที่ แก่งคุ้ดคู้ ชมวิวแม่น้ำโขง
จากนั้นก็ไปต่อกันที่ถนนคนเดินเชียงคาน ต้องรีบไปนิดนึง เพราะไปช้าจะหาที่จอดยาก และต้องเดินไกล เราไปช่วงนี้ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยว
เดินชิวๆ หรือจะปั่นจักรยานชมวิวแม่น้ำโขงก็ได้ อากาศเย็นสบายย
ถนนคนเดินเชียงคาน
เช้าวันต่อมา เราก็พร้อมไปดูพระอาทิตย์ขึ้นละ ที่ภูทอก ห่างจากที่พักไม่ไกล ประมาณ 7 กิโล เริ่มไปประมาณ 05.30 นำรถไปจอดที่ลานจอดรถ จากนั้นก็นั่งรถของอุทยานขึ้นไป ประมาณ 15 นาที และรอเวลาฟ้าสว่าง ไปตั้งแต่หมอกเยอะ และค่อยๆเห็นมันจางออกไป พร้อมวิวตัวเมืองเชียงคาน
ภูทอก
ลงมาจากภูทอก ก็ทานอาหารเช้า เตรียมตัวเดินทางไปสนามบินเลยย เราเดินทางถึงเมืองเลยประมาณ 9 โมง และด้วยความที่เห็นว่าเวลายังพอเหลือ จึงคิดว่าไปต่อกันอีกสักภูดีกว่า เพราะภูนี้อยู่ไม่ไกลจากตัวเมือง และสนามบิน นั่นก็คือ ภูบ่อบิด เป็นภูที่จะได้เห็นวิวเมืองเลยยทั้งหมด ปกติขึ้นไปชมวิวมีสองแบบ แต่วันที่เราไปฝนตก รถอีแต๊กเลยหยุดบริการ ทำให้เราต้องเดินขึ้นไป จะเป็นทางบรรไดขึ้นไปเรื่อยๆ ป้ายเขียนว่า 650 เมตร เราก็คิดว่า โอเค ไหวว เราใช้เวลาเดินไปและกลับ พร้อมชมวิว ภายใน 1 ชั่วโมง ถือว่าไวมากก เพราะเราต้องไปสนามบิน ไม่งั้นตกเครื่องแน่ๆ วิวที่เห็นก็โอเค สวยย แต่บอกเลยถ้าใครมีเวลาไม่เยอะ แบบเรา "อย่าหาทำ" ดีกว่า 5555 เพราะเหนื่อยย เดินไป ยุงก็กัดไปป กลับมาก็ให้ตราประทับที่ขาเรามาด้วยย ไม่น่าหาทำเลยจริงๆ
ภูบ่อบิด
ในที่สุดเราก็ไปถึงสนามบินทันเวลาา ไปถึงปุ๊ป ก็คืนรถให้พี่เขา แต่สงสารรถพี่เขานิดนึง ทำน้องไปลุยฝน ลุยดินมาเต็มเบยย
ทริปต่อไปเราจะไปไหนนั้น ฝากติดตามด้วยนะค้าบบ
))
TiewpaiwanwanxThailand
[CR] ภูเขาของลาว แต่วิวของเรา (เลย เชียงคาน 3 วัน 2 คืน)
บวกกับภูต่างๆที่จังหวัดเลย ก็เยอะมากก ได้ฟีลคนละแบบ
ก่อนไปเราก็ทำการบ้านพอสมควร เพราะเลือกไม่ถูกเลยว่าไปภูไหนดี
สุดท้ายย ตัดสินใจเลือกมา 4 ภู นั่นก็คือ ภูป่าเปาะ ภูอีเลิศ ภูทอก และภูบ่อบิด
การเดินทาง
เราใช้ตั๋วของแอร์เอเชียแบบบุฟเฟต์ จึงได้ราคาที่ค่อนข้างถูก
FD3542 DMK-LOE 09.55-11.10
FD3543 LOE-DMK 11.50-13.05
รถเช่า
ตลอดทั้งทริปเราเช่ารถขับเองทั้งหมด
เช่าจากเพจ "เลยรถเช่า" วันละ 700 บาท
ค่าน้ำมันตลอดทริป ประมาณ 600 บาท
โรงแรม
ภูอีเลิศ: ภูอีเลิศ โฮมสเตย์ (ตั้งอยู่บริเวณทางขึ้นเขาภูอีเลิศ บรรยากาศเย็นสบายย พี่เจ้าของใจดี)
เชียงคาน: U Chiangkhan ห้องพักสะอาด ตั้งอยู่ไม่ไกลจากถนนคนเดิน สะดวกต่อการเดินทาง
เอาล่ะ มาดูกันว่าเราจะอะไรกันบ้างงง ลุยย !!!
ลงจากเครื่องเรียบร้อยย เราก็ติดต่อหาพี่เจ้าของรถเช่า พี่เขานำรถมาจอดรถเราเรียบร้อยแล้ว พร้อมน้ำมันเต็มถัง บริเวณสนามบินมีบริษัทรถเช่าไม่เยอะ ออกมาจากรับกระเป๋า อยู่ทางขวามือเลย
คนละ 60 บาท ไม่ต้องรอเต็มคัน มากี่คน ลุงเขาก็พาขึ้นไปส่วนตัวเลยย ทางค่อนข้างชัน จุดชมวิวบนภูป่าเปาะ มีทั้งหมด 4 จุดด้วยกัน
แต่รถอีแต๊กสามารถพาเราขึ้นไปได้ถึงแค่จุดที่ 3 จากนั้นหากใครต้องการขึ้นไปชมวิวแบบ 360 องศา ก็ต้องเดินเท้าต่อขึ้นไป ประมาณ 300 เมตร
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้