ศาสนาแลสัจจะ...สายชล

สิ่งที่ข้าพเจ้าไม่เห็นด้วยกับเรื่องทาง “ จิตวิญญาณ ”  ของประเทศไทยในขณะนี้ คือพุทธศาสนาไทยที่มีแต่คำสอน ซึ่งยุ่งยากซับซ้อนเต็มไปด้วยกระพี้ จึงทำให้คนต้องติดอยู่ในข่ายแห่งศรัทธาอย่างเดียวดายและยึดถือในตัวอักษรอันเกินแกง แต่ข้าพเจ้าเชื่ออย่างยิ่งในการหยั่งดูยุคสมัยว่าสังคมไทยในเวลาข้างหน้ากำลังจะไปสู่การเข้าถึง “ สัจจะด้วยตัวมนุษย์เองโดยไม่ผ่านตัวกลางใดๆอีกมากขึ้น ”  เหมือนอย่างในทุกวันนี้คือ สมมุติบทบาทพระสงฆ์ผู้เป็นคนผูกขาด
        
        ข้าพเจ้าจะบอกแก่ท่านว่า “ สัจจะ คือ ความง่าย ”  สิ่งใดๆที่ทำให้ดูซับซ้อนสิ่งนั้นไม่ใช่ซึ่งสัจจะ ข้าพเจ้าเห็นว่าสังคมไทยกำลังหลงผิดในเปลือกอย่างยิ่ง เพราะด้วยมายาภาพคำสอนที่ซับซ้อนที่ฝังรากลึก จนทำให้สิ่งซึ่งเรียบง่ายอย่างการเข้าใจสัจจะเพื่อไปหาความเป็นมนุษย์ที่แท้ของตนเอง เป็นเรื่องยาก ทั้งๆที่มันอยู่ในตัวมนุษย์ทุกคนอยู่แล้ว

        ท่านคิดดูเถิด มันไม่ใช่เรื่องยูนิฟอร์มว่าท่านต้องห่มเหลือง ท่านจะต้องโกนหัว ถึงนั่นล่ะคือคนกุมความจริงของชีวิตไว้แต่ผู้เดียว แต่ความจริงของชีวิตมันก็อยู่ในตัวท่านนั่นล่ะ มันไม่ใช่เรื่องภายนอกใดๆเลย ไม่ว่าจะใส่ชุดอะไร ตำแหน่งหน้าที่ใด หรือเป็นสถานที่ใหน ท่านก็สามารถบรรลุสัจจะได้เพราะมันง่ายอย่างที่สุดซึ่งมันกำลังให้ท่านค้นพบมันอยู่แล้ว เหมือนสาวดรุณีแรกรุ่นที่รอคอยชายหนุ่มที่เธอมอบหัวใจให้ไปหมดแล้ว เพียงแต่รอเขาให้มาเกี้ยวพาราสีสักที!!  

        การบรรลุสัจจะไม่เกี่ยวกับถ่วงท่าใดๆ ไม่ต้องนั่งสมาธิใดๆเลย ท่านใช้ชีวิตของท่านปกติวิสัยนั่นล่ะ แลคอยดูใจท่านเอง “ ดุจทารกน้อยแววตากลมใส ” ทำมันตลอดทุกเวลานาที ท่านไม่ต้องไปถกเถียงกับใครเพื่อยกอัตตา อวดภูมิของท่าน เพื่อจะให้คนอื่นยอมรับว่าเป็นผู้รู้ใดๆ ยิ่งมีระเบียบอย่างศาสนามากเช่นใดจะเป็นช่องให้คนตีความมากขึ้น แลทำให้คนยึดติดเป็นตัวบังสัจจะ ข้าพเจ้าจึงไม่สนเรื่องกำหนดอะไรเพราะมันยุ่งยาก แต่ให้ท่าน “ พุ่งลัดตรงไปที่ใจท่านเอง ”  ท่านไม่ต้องไปอ้อมเขาเป็นร้อยๆลูกเพื่อเข้าใจสัจจะ ท่านเพียงวิ่งข้ามสะพานที่อยู่ตรงหน้าเท่านั้น...
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่