ผลที่ได้จากวิเคราะห์มัมมี่โบราณ


มัมมี่สัตว์


EGYPT CENTRE/SWANSEA UNIVERSITY/PA WIRE
(เครื่องเอกซเรย์ความละเอียดสูงช่วยให้นักวิจัยศึกษามัมมี่แมวได้โดยไม่สร้างความเสียหายแก่ตัวมัมมี่)


ทีมนักวิทยาศาสตร์ในเวลส์ใช้เครื่องเอกซเรย์ความละเอียดสูงศึกษามัมมี่สัตว์อายุกว่า 2,000 ปี และพบว่าแมวที่คนอียิปต์ในยุคโบราณนำมาทำมัมมี่นั้นมีร่องรอยถูกหักคอ และเป็นเพียงลูกแมวอายุไม่ถึง 5 เดือน  ต่อมาทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยสวอนซี ได้นำมัมมี่แมว นก และงู ที่เก็บรักษาในพิพิธภัณฑ์ที่ศูนย์อียิปต์ของมหาวิทยาลัยมาทำการศึกษาโดยใช้เครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ระดับไมโครเมตร (micro CT) ซึ่งสามารถประมวลข้อมูลออกมาเป็นภาพ 3 มิติได้ ผลการศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร Scientific Reports ไม่เพียงจะแสดงให้เห็นถึงวิธีการทำมัมมี่ของคนอียิปต์โบราณ แต่ยังเผยให้เห็นถึงสาเหตุการตายของสัตว์เหล่านี้ด้วย

ผลเอกซเรย์กระดูกมัมมี่แมวพบว่า แมวตัวนี้เป็นแมวบ้าน (Felis catus) โดยฟันกรามที่ยังไม่งอกออกมาและซ่อนอยู่บริเวณขากรรไกรล่างบ่งชี้ว่ามันยังเป็นลูกแมวอายุไม่เกิน 5 เดือน นอกจากนี้ ที่กระดูกสันหลังยังพบหลักฐานที่แสดงว่าคอของมันถูกทำให้หักอย่างจงใจ (SWANSEA UNIVERSITY)

 
ส่วนมัมมี่งู นักวิทยาศาสตร์ระบุว่าเป็นงูเห่าอียิปต์ (Egyptian cobra) ที่ยังไม่โตเต็มวัย โดยผลวิเคราะห์ภาพเอกซเรย์พบว่ามันตายจากการถูกจับหางแล้วฟาดเข้ากับพื้นหรือกำแพงจนคอหัก นอกจากนี้ยังพบหลักฐานว่าไตได้รับความเสียหาย ซึ่งอาจเป็นผลมาจากภาวะที่ร่างกายขาดน้ำอย่างรุนแรงในวาระสุดท้ายของชีวิต (EGYPT CENTRE/SWANSEA UNIVERSITY/PA WIRE  ภาพมัมมี่งู เมื่อมองดูจากด้านนอก)


SWANSEA UNIVERSITY
ผลวิเคราะห์ภาพเอกซเรย์พบว่างูเห่าอียิปต์ตัวนี้ตายจากการถูกจับหางแล้วฟาดกับพื้นหรือกำแพงจนคอหัก



ขณะที่มัมมี่นกพบว่ามีลักษณะเหมือนกับเหยี่ยวเคสเตรล ชนิดที่พบได้ในทวีปยุโรปและเอเชีย (Eurasian kestrel) แต่ผลการเอกซเรย์ไม่พบหลักฐานแน่ชัดว่ามันตายด้วยสาเหตุอะไร



แทนที่จะเอกซเรย์มัมมี่ทั้งตัว ทีมนักวิจัยได้มุ่งศึกษาเป็นส่วน ๆ ไป เพื่อให้ได้รายละเอียดมากขึ้นสำหรับการสร้างแบบจำลองมัมมี่โดยใช้เทคโนโลยีการจำลองภาพเสมือนจริง (virtual reality หรือ VR) แบบ 360 องศา
ศาสตราจารย์ริชาร์ด จอห์นสัน หนึ่งในทีมวิศวกรที่ใช้เครื่องเอกซเรย์ความละเอียดสูงในการศึกษาครั้งนี้กล่าวว่า "ด้วย VR ผมสามารถทำให้กะโหลกศีรษะแมวมีขนาดใหญ่เท่าบ้านแล้วเข้าไปสำรวจรอบ ๆ ได้ ซึ่งนั่นทำให้ทีมงานได้ค้นพบฟันกรามที่ยังไม่งอกของลูกแมว อันเป็นเบาะแสที่บอกให้รู้ว่ามันมีอายุไม่ถึง 5 เดือน" 
ผลการค้นพบครั้งนี้สอดคล้องกับสิ่งที่ศูนย์อียิปต์แห่งมหาวิทยาลัยสวอนซีมีความเชื่ออยู่แล้วเรื่องที่คนอียิปต์โบราณใช้มัมมี่สัตว์ในเชิงพิธีกรรม
โดยผลเอกซเรย์มัมมี่งูพบกระบวนการ "เปิดปาก" โดยมีวัสดุคล้ายหินอยู่ข้างในปาก ซึ่งอาจเป็นแร่เนตรอน (natron) ซึ่งเป็นแร่ธาตุชนิดหนึ่งที่คนอียิปต์โบราณใช้ชะลอการเน่าเปื่อยของศพ
คนแต่งศพในยุคนั้นมักเปิดปากและตาของมัมมี่เพื่อให้คนตายสามารถมองเห็นและสื่อสารกับคนเป็นได้ แต่ในอดีตมักพบกระบวนการนี้ในมัมมี่มนุษย์ ผู้เชี่ยวชาญสันนิษฐานว่ามัมมี่งูตัวนี้อาจถูกใช้เป็นตัวแทนในการส่งสารระหว่างเทพเจ้ากับผู้บูชาเทพเจ้า


SWANSEA UNIVERSITY
ภาพเอกซเรย์มัมมี่งูพบกระบวนการ "เปิดปาก" โดยมีวัสดุคล้ายหินอยู่ข้างในปาก


คนอียิปต์โบราณซึ่งมีความเชื่อเรื่องโลกหลังความตายมักนำสัตว์ชนิดต่าง ๆ เช่น แมว นกช้อนหอย นกเหยี่ยว งู จระเข้ และสุนัข มาทำมัมมี่ด้วยเหตุผลหลายประการ เช่น การฝังมัมมี่สัตว์เลี้ยงไปพร้อมกับเจ้าของ
นอกจากนี้ ยังพบการฝังมัมมี่สัตว์ที่เป็นอาหารของมนุษย์เพื่อใช้เป็นแหล่งอาหารในปรโลก รวมทั้งมีการนำมัมมี่สัตว์ศักดิ์สิทธิ์มาบูชา แต่ที่พบบ่อยที่สุดคือการนำมัมมี่สัตว์ไปถวายเป็นเครื่องสักการะต่อเทพเจ้า นักโบราณคดีเชื่อว่าอาจมีมัมมี่สัตว์มากถึง 70 ล้านตัวถูกฝังไว้ตามสุสานใต้ดินทั่วอียิปต์




สารพิษมรณะในเสื้อผ้ามัมมี่


ในหลุมฝังศพอายุหลายร้อยปีของมัมมี่หญิงสองร่างในชิลีสะท้อนให้เห็นถึงความเสี่ยงต่อนักโบราณคดีในปัจจุบัน ด้วยผ้าย้อมสีแดงด้วยสีชาดซึ่งเป็นแร่ที่มีพิษสูงซึ่งมาจากแร่ปรอท
ผงสีแดงอันตรายที่ตรวจพบในครั้งแรกเมื่อมัมมี่ถูกค้นพบในปี 1970 แต่ถึงกระนั้นสีซินนาบาร์ (Cinnabar)  ก็มีความสัมพันธ์กับวัฒนธรรมอินคาในที่อื่นๆ แต่ก็ไม่เคยเห็นในบริบททางวัฒนธรรมในภูมิภาคที่พบมัมมี่นี้ ซึ่งนักโบราณคดีรายงานไว้ในการศึกษาใหม่  โดยเมื่อเร็ว ๆ นี้นักวิทยาศาสตร์ได้ทำการวิเคราะห์เม็ดสีแดงอย่างละเอียดจากหลุมมัมมี่และพบว่า ในความเป็นจริงชาดเป็นหลักฐานแรกของการใช้แร่ในพิธีกรรมของชาวโบราณทางตอนเหนือของชิลี 
มัมมี่ที่สวมใส่เครื่องประดับอย่างมั่งคั่งถูกค้นพบในปี 1976 จากสถานที่ฝังศพใน Cerro Esmeralda ซึ่งมีอายุประมาณปีค. ศ. 1399 -1475 จากการศึกษา ร่างของหญิงสาวทั้งสองคนที่อายุ 9 ปีเมื่อเธอเสียชีวิต และอีกร่างอายุ 18 - 20 ปีเมื่อเธอเสียชีวิตพร้อมทารกในครรภ์ข้างๆวัตถุโบราณ 104 ชิ้น
นักโบราณคดีสงสัยว่าศพถูกฝังหลังจากพิธีสังเวยของอินคาที่น่าจะเป็นสิ่งสำคัญโดยพิจารณาจากคุณภาพของวัตถุที่ฝังอยู่ในร่างกาย โดยนักวิทยาศาสตร์ได้รายงานมาก่อนการวิเคราะห์มัมมี่

ผ้าที่พบกับมัมมี่นั้นมีสีแดงสด ในช่วงเวลาที่ร่างเสียชีวิตและพบในหลุมฝังศพ  เฉดสีนี้ถูกสร้างขึ้นโดยทั่วไปในเทือกเขาแอนดีสที่มีออกไซด์ แต่การตรวจสอบทางเคมีและกล้องจุลทรรศน์  ระบุที่มาของพวกเขาว่าเป็นชาด   การวิเคราะห์ทางเคมีใหม่พบว่ามีชาดอยู่ในเสื้อผ้าของมัมมี่ Cerro Esmeralda ซึ่งนักวิทยาศาสตร์รายงานว่า "สารพิษนี้ถูกนำมาใช้กับศพที่พิเศษในดินแดนทางตอนเหนือของชิลี"

Cinnabar ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดหลักของปรอท เป็นแร่ธาตุที่อ่อนนุ่มซึ่งมักเกิดขึ้นในหินที่มีตะกอน หรือหินภูเขาไฟและมักจะปรากฏใกล้ภูเขาไฟหรือน้ำพุร้อนตามการสำรวจทางธรณีวิทยาของสหรัฐฯ

การวิจัยก่อนหน้านี้ชี้ให้เห็นว่ามีการใช้ชาดในพิธีกรรมในหมู่ชาวอินคาที่มีสถานะทางสังคมสูง และการที่พบมันในเสื้อผ้าของมัมมี่เพื่อบอกว่าพิธีกรรมนี้ของพวกเขามีความสำคัญทางวัฒนธรรม อย่างไรก็ตามที่มาชาดมาจากและสิ่งที่มันมีบทบาทในพิธีกรรมและการใช้งานทางสังคมที่ยังไม่ถูกค้นพบ

นักวิจัยระบุว่า วัตถุโบราณที่มีสีชาดสามารถนำความเสี่ยงที่สำคัญให้กับนักโบราณคดีในยุคปัจจุบัน จากการสูดดมมันอาจมีผลกระทบที่ร้ายแรงที่อาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพหลายอย่างที่ส่งผลต่อระบบประสาทและกล้ามเนื้อและระบบทางเดินอาหาร รวมถึงโรคอื่น ๆ และแม้แต่การเสียชีวิตในกรณีที่มีการสัมผัส
ในความเป็นจริงเป็นไปได้ว่าชาวอินคาตระหนักดีถึงอันตรายที่เกิดจากการสูดดมซินนาบาร์ และพวกเขาอาจจะมีการใช้ชาดที่หลุมศพของพวกเขาเพื่อป้องกันโจร  ผลการวิจัยนี้ถูกตีพิมพ์ในวารสาร Archaeometry




มัมมี่นักรบโบราณ


 DRAWINGS BY M.E. KILUNOVSKAYA, 1988.
มัมมี่นักรบร่างนี้ถูกพบฝังไว้กับอาวุธจำนวนมาก
ทีมนักโบราณคดีรัสเซียค้นพบว่า มัมมี่ของนักรบโบราณอายุ 2,600 ปีที่พบในแถบไซบีเรีย เมื่อ 32 ปีที่แล้วเป็นเด็กหญิงวัยรุ่นอายุประมาณ 13 ปี
เชื่อว่าเธอเป็นสมาชิกชนเผ่าโบราณ Scythian (ซิเธียน หรือ ไซเธียน) ซึ่งเป็นเผ่านักรบพเนจรที่ใช้ชีวิตอยู่ในบริเวณที่ปัจจุบันคือตอนใต้ของเขตไซบีเรียในรัสเซีย ระหว่างช่วง 900-200 ปีก่อนคริสตกาล

ร่างนี้ถูกค้นพบครั้งแรกในปี 1988 ตอนนั้นได้สันนิษฐานว่าเป็นร่างของเด็กหนุ่ม เนื่องจากพบอาวุธจำนวนมากอยู่ในโลงศพไม้ เช่น คันธนูที่ทำจากต้นเบิร์ช กระบอกบรรจุลูกธนูที่มีลูกธนู 10 ดอกที่ทำจากไม้ กระดูกสัตว์ และส่วนปลายทำจากสัมฤทธิ์ รวมทั้งขวานเล่มหนึ่ง ซึ่งในสุสานของเด็กผู้หญิงมักจะพบสิ่งของเครื่องใช้จำพวก ลูกปัด และกระจก

ดร.มารีนา คิลูนอฟสกายา หัวหน้าทีมวิจัยจากสถาบันประวัติศาสตร์วัฒนธรรมทางวัตถุแห่งรัสเซีย ระบุว่า การวิเคราะห์ผลตรวจดีเอ็นเอพบว่า แท้จริงแล้วมัมมี่ร่างนี้เป็นวัยรุ่นหญิงที่อายุยังไม่ถึง 14 ปี  ขณะที่ วาร์วารา บูโซวา อีกคนในทีม กล่าวว่าจากหลักฐานที่พบทำให้ "มีความเป็นไปได้ว่าเด็กหญิงชาวซิทีแอนอาจมีส่วนร่วมในการล่าสัตว์หรือการทำสงครามกับผู้ชายในเผ่า"

วัยรุ่นหญิงผู้นี้แต่งกายด้วยเสื้อคลุมขนสัตว์ เสื้อ และกางเกงหรือกระโปรง การตรวจสอบอายุสิ่งของต่าง ๆ ในหลุมศพด้วยคาร์บอนกัมมันตรังสีพบว่ามีอายุระหว่างช่วงศตวรรษที่ 7-5 ก่อนคริสตกาล ซึ่งตรงกับยุคของชาวซิทีแอน  ตอนนี้ทีมวิจัยต้องการตรวจวิเคราะห์หาอายุที่แม่นยำของมัมมี่ร่างนี้ และพวกเขาหวังว่าการตรวจด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ หรือ ซีทีสแกน จะช่วยให้ได้ทราบถึงสาเหตุการเสียชีวิต
 
เมื่อปลายปีที่แล้ว นักโบราณคดีรัสเซียอีกทีม ได้ค้นพบร่างของนักรบหญิงชาวซิทีแอนจำนวน 2 ร่างที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งทางภาคตะวันตกของรัสเซีย ซึ่งคาดว่าจะถูกฝังไว้เมื่อประมาณ 2,500 ปีก่อน พร้อมกับบังเหียนม้า และอาวุธต่าง ๆ ซึ่งรวมถึงมีดโลหะ และหัวธนู 30 ดอก

ดร.วาเลอรี กุลีเยฟ นักโบราณคดีจากรัฐบัณฑิตวิทยาศาสตร์แห่งรัสเซีย ระบุว่าผู้หญิงสองคนนี้เป็นนักรบบนหลังม้า เนื่องจากพวกเธอถูกพบฝังอยู่รวมกับอาวุธจำพวกหอกทวน โดยที่หนึ่งในนั้นถูกจัดท่าให้คล้ายกับกำลังขี่ม้า (GETTY IMAGES)

ศาสตราจารย์เอเดรียน เมเยอร์ นักประวัติศาสตร์ชาวอังกฤษ เคยให้สัมภาษณ์ไว้ในบทความของนิตยสารเนชั่นแนล จีโอกราฟิก เมื่อปี 2014 ว่า
ราว 1 ใน 3 ของหญิงชาวซิทีแอนถูกฝังศพไปพร้อมกับอาวุธและมีบาดแผลจากการรบเช่นเดียวกับผู้ชาย ทุกคนในเผ่าคือผู้ถือผลประโยชน์ร่วมกัน พวกเขาจึงต้องมีส่วนร่วมในการต่อสู้ ทำสงคราม และออกล่าด้วยกัน

การค้นพบเหล่านี้ทำให้ตำนานกรีกโบราณเกี่ยวกับเผ่านักรบหญิงแห่งดินแดนเอเชียไมเนอร์ที่มีชื่อว่า "แอมะซอน" (Amazon) ซึ่งผู้คนคิดว่าเป็นเพียงนิทานปรัมปรานั้น อาจไม่ใช่แค่เรื่องที่ถูกแต่งขึ้นมาจากจินตนาการก็เป็นได้
Cr.https://www.bbc.com/thai/features-53343510

(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมา)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่