สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
ขอเพิ่มเติมข้อมูลให้ด้วยนะครับ
เห็น จขกท.กล่าวถึง Cosmic web จึงขอเพิ่มเติมให้อีก
เริ่มที่ scale เล็ก ๆ ก่อน คือ ช่องว่างระหว่างระบบดาวฤกษ์ต่าง ๆ (ระบบสุริยะ)
มันคืออวกาศเวิ้งว้างที่มีเพียงความหนาแน่นของ Atom แก้ส Hydrogen
ประมาณ 10 - 100 atom ต่อ 1 ลูกบาศก์เมตรเท่านั้นเองครับ แต่ช่องว่างบางช่วง
ก็จะมีความหนาแน่นของ atom แก้สต่าง ๆ และ ฝุ่น มากเป็นพิเศษ
เรียกว่า ISM (Interstellar Medium) ครับ
ISM จะกระจายตัวแทรกกลางระหว่างดาวฤกษ์ต่าง ๆ อย่างในภาพนี้ครับ
https://scitechdaily.com/images/Crossing-the-Cosmic-Void.jpg
ใหญ่ขึ้นไปอีก คือ ช่องว่างระหว่างแกแลคซี่ ซึ่งจะมี scale ที่แตกต่างไปมากครับ
เนื่องจากระยะระหว่างแกแลคซี่นั้นจะห่างกันว่างมากถึงหน่วย ล้านปีแสง
เทียบกับช่องว่างอวกาศระหว่างดาวฤกษ์แค่ 1 - 3 ปีแสง เท่านั้น
มากกว่ากันล้านเท่า ++ ..... ดังนั้น ช่องว่างระหว่างแกแลคซี่จะไม่มี ISM
แต่จะมีสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์คาดการณ์ใว้คือ สสารมืด (Dark matter) ครับ
สสารมืดจะแทรกตัวอยู่ในแกแลคซี่ และห้อมล้อมรอบแกแลคซี่ทั้งวง
และอาจแผ่รัศมีออกไประยะหนึ่งจากขอบแกแลคซี่ด้วย
นี่คือภาพที่ simulated โดย Computer มันคือภาพของพื้นที่ใน Scale ขนาดใหญ่มาก ๆๆๆ
โดยจุดขาว ๆ หรือปื้นขาว ๆ นั้นคือ แกแลคซี่ และปื้นสีม่วงรอบจุดขาว ๆ นั้นคือ Dark matter
ที่ห้อมล้อมแกแลคซี่ไว้ ซึ่งจากข้อมูลที่นักดาราศาสตร์ที่จำลองภาพออกมานี้ จะเห็นว่า
dark matter จะห้อมล้อมแกแลคซี่ใว้ และ สามารถเชื่อมต่อกันกับ dark matter
ที่ล้อมอีกแกแลคซีหนึ่งได้ การเชื่อมต่อกันนี้เรียกว่า Filament และการเชื่อมของ
filament นี้ โดยภาพรวมจะเรียกว่า Cosmic web ครับ ส่วนพื้นที่สีดำในภาพ
คือ บริเวณที่ "ว่างเปล่า" จริง ๆ เรียกว่า Voids ครับ

และบริเวณ Voids นี่แหละครับ ที่จะไม่มีมวลเลย เพราะมันไม่มีสสารมืด
ไม่มีอะตอม ไม่มีอนุภาค มีเพียง Photons ที่วิ่งผ่านเท่านั้น (Photon ไม่มีมวล)
เห็น จขกท.กล่าวถึง Cosmic web จึงขอเพิ่มเติมให้อีก
เริ่มที่ scale เล็ก ๆ ก่อน คือ ช่องว่างระหว่างระบบดาวฤกษ์ต่าง ๆ (ระบบสุริยะ)
มันคืออวกาศเวิ้งว้างที่มีเพียงความหนาแน่นของ Atom แก้ส Hydrogen
ประมาณ 10 - 100 atom ต่อ 1 ลูกบาศก์เมตรเท่านั้นเองครับ แต่ช่องว่างบางช่วง
ก็จะมีความหนาแน่นของ atom แก้สต่าง ๆ และ ฝุ่น มากเป็นพิเศษ
เรียกว่า ISM (Interstellar Medium) ครับ
ISM จะกระจายตัวแทรกกลางระหว่างดาวฤกษ์ต่าง ๆ อย่างในภาพนี้ครับ
https://scitechdaily.com/images/Crossing-the-Cosmic-Void.jpg
ใหญ่ขึ้นไปอีก คือ ช่องว่างระหว่างแกแลคซี่ ซึ่งจะมี scale ที่แตกต่างไปมากครับ
เนื่องจากระยะระหว่างแกแลคซี่นั้นจะห่างกันว่างมากถึงหน่วย ล้านปีแสง
เทียบกับช่องว่างอวกาศระหว่างดาวฤกษ์แค่ 1 - 3 ปีแสง เท่านั้น
มากกว่ากันล้านเท่า ++ ..... ดังนั้น ช่องว่างระหว่างแกแลคซี่จะไม่มี ISM
แต่จะมีสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์คาดการณ์ใว้คือ สสารมืด (Dark matter) ครับ
สสารมืดจะแทรกตัวอยู่ในแกแลคซี่ และห้อมล้อมรอบแกแลคซี่ทั้งวง
และอาจแผ่รัศมีออกไประยะหนึ่งจากขอบแกแลคซี่ด้วย
นี่คือภาพที่ simulated โดย Computer มันคือภาพของพื้นที่ใน Scale ขนาดใหญ่มาก ๆๆๆ
โดยจุดขาว ๆ หรือปื้นขาว ๆ นั้นคือ แกแลคซี่ และปื้นสีม่วงรอบจุดขาว ๆ นั้นคือ Dark matter
ที่ห้อมล้อมแกแลคซี่ไว้ ซึ่งจากข้อมูลที่นักดาราศาสตร์ที่จำลองภาพออกมานี้ จะเห็นว่า
dark matter จะห้อมล้อมแกแลคซี่ใว้ และ สามารถเชื่อมต่อกันกับ dark matter
ที่ล้อมอีกแกแลคซีหนึ่งได้ การเชื่อมต่อกันนี้เรียกว่า Filament และการเชื่อมของ
filament นี้ โดยภาพรวมจะเรียกว่า Cosmic web ครับ ส่วนพื้นที่สีดำในภาพ
คือ บริเวณที่ "ว่างเปล่า" จริง ๆ เรียกว่า Voids ครับ

และบริเวณ Voids นี่แหละครับ ที่จะไม่มีมวลเลย เพราะมันไม่มีสสารมืด
ไม่มีอะตอม ไม่มีอนุภาค มีเพียง Photons ที่วิ่งผ่านเท่านั้น (Photon ไม่มีมวล)
แสดงความคิดเห็น
"Great Wall Hercules" หนึ่งในโครงสร้างที่ใหญ่ที่สุดในจักรวาล
กำแพงเหล่านี้ประกอบกันเป็นสิ่งที่นักดาราศาสตร์เรียกว่า "the cosmic web" (อวกาศที่ความกว้างใหญ่ไพศาล) การรวม "the cosmic web" เข้าด้วยกันเป็นหนึ่งในการแสวงหาหลักของจักรวาลวิทยา ซึ่งมันไม่เพียงบอกเราเกี่ยวกับโครงสร้างของจักรวาลเท่านั้น แต่ยังช่วยให้เราเข้าใจได้ดีขึ้นว่าเอกภพก่อตัวขึ้นอย่างไรและมีวิวัฒนาการอย่างไรเมื่อเวลาผ่านไป
บอเรียลิส (ดาวมงกุฎเหนือ)
เพราะฉะนั้นชื่อของมันจึงขนานนามว่า "Great Wall Hercules - Northern Crown" หรือ "Hercules – Corona Borealis Great Wall" เป็นที่รวบรวมกาแลคซีไว้จำนวนมหาศาลซึ่งมีรูปร่างและขนาดต่างๆกัน
มันถูกค้นพบในเดือนพฤศจิกายน 2013 โดยทีมนักดาราศาสตร์ชาวอเมริกันและฮังการีนำโดย IstvánHorváth, Jon Hakkila และ Zsolt Bagoly โครงสร้างส่วนบนขนาดใหญ่นี้เป็นพื้นที่ของท้องฟ้าที่เห็นในการทำแผนที่ชุดข้อมูลของการระเบิดของรังสีแกมมา (GRB) (ด้วยเหตุนี้โครงสร้างจึงมักเรียกว่า " Great GRB Wall ") ที่พบว่ามีความเข้มข้นของ GRB ที่ห่างกันใกล้เคียงกันสูงกว่าการกระจายเฉลี่ยที่คาดไว้อย่างผิดปกติ พวกมันเป็นการระเบิดที่ส่องสว่างของดวงดาวมวลมหาศาลที่อยู่ห่างไกลซึ่งเป็นการระเบิดที่ทรงพลังที่สุดในจักรวาล การระเบิดโดยทั่วไปจะปล่อยพลังงานออกมาในเวลาน้อยกว่าหนึ่งในสิบของวินาทีในช่วงชีวิตทั้งหมดของดวงอาทิตย์ที่ 10 พันล้านปี
มันมีขนาดใหญ่กว่าวงแหวนแกมมากาแลกติกยักษ์ถึงสองเท่า เนื่องจากการระเบิดของรังสีแกมมาที่สว่างที่สุดเกิดจากดาวฤกษ์ขนาดใหญ่ซึ่งโดยปกติจะอยู่ในพื้นที่ของอวกาศที่มีสสารมากกว่า ทุกครั้งเมื่อนักวิทยาศาสตร์พบว่าการระเบิดของรังสีแกมมาเกิดขึ้นบ่อยเกินไปในพื้นที่ในทิศทางของ
กลุ่มดาวเฮอร์คิวลิสและโคโรนาเหนือ พวกเขาจะพบว่ามีวัตถุทางดาราศาสตร์ซึ่งน่าจะมีความเข้มข้นหนาแน่นของกระจุกกาแลคซีและสสารอื่น ๆ
ชื่อ "Hercules – Corona Borealis Great Wall" ถูกคิดค้นโดยวัยรุ่นชาวฟิลิปปินส์ซึ่งเขียนไว้ใน Wikipedia ไม่นานหลังจากที่มีข่าวว่านักดาราศาสตร์ค้นพบโครงสร้างขนาดใหญ่บนท้องฟ้าจักรวาล แม้ว่าชื่อที่ประดิษฐ์ขึ้นจะไม่ได้อธิบายถึงวัตถุนี้อย่างถูกต้อง (กำแพงครอบคลุมกลุ่มดาวหลายกลุ่มในคราวเดียวไม่ใช่แค่สองกลุ่ม) แต่นี่เป็นครั้งแรกที่วิกิพีเดียตั้งชื่อให้กับวัตถุที่ค้นพบและน่าสนใจทางวิทยาศาสตร์ เนื่องจากการมีอยู่ของ "กำแพง" นี้ยังขัดแย้งกับหลักการทางจักรวาลวิทยานักวิทยาศาสตร์จึงต้องทบทวนทฤษฎีบางประการเกี่ยวกับการก่อตัวของจักรวาล
นักดาราศาสตร์ศึกษาการระเบิดเหล่านี้เนื่องจากทำให้เราสามารถค้นหาโครงสร้างขนาดใหญ่ในจักรวาลได้ ดาวฤกษ์ขนาดใหญ่สามารถก่อตัวขึ้นรอบ ๆ มวลส่วนเกินที่หนาแน่นเท่านั้นเพราะนั่นคือสิ่งที่พวกมันกิน นอกจากนี้ระบบดาวเคราะห์เช่นระบบสุริยะของเรายังเป็นเศษซากที่รวมตัวกันโดยพื้นฐานแล้วซึ่งกระจายตัวในช่วงที่ดาวฤกษ์เดียวกันเหล่านี้เสียชีวิตจากการระเบิดจากซูเปอร์โนวา ดังนั้นการศึกษาโครงสร้างเหล่านี้ทำให้เราได้เห็นทั้งในวัยเด็กและประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่ของจักรวาลของเรา
Cr.https://mywordworld.ru/th/shkolnikam/kakie-samye-plotnye-obekty-vo-vselennoi-astronomy-obnaruzhili/
Cr.https://simple.wikipedia.org/wiki/Hercules%E2%80%93Corona_Borealis_Great_Wall
Cr.https://en.wikipedia.org/wiki/Hercules%E2%80%93Corona_Borealis_Great_Wall
Cr.https://www.scienceabc.com/nature/universe/what-is-the-biggest-thing-in-the-universe.html
Cr.https://www.quora.com/What-is-the-largest-object-in-the-universe
Cr.https://www.technologyreview.com/2020/07/13/1005090/astronomers-found-giant-intergalactic-wall-south-pole-wall/
(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมา)