เที่ยวโทคุชิมะ-ชมหมู่บ้านเอโดะ Udatsunomachi-ตามรอยผาหินทราย-แวะเก็บองุ่นไชน์มัสแคท

วันนี้โอก้าจะไปไปรูทเที่ยวโทคุชิมะ 3 ที่เลยนะคะ สำหรับคนที่ชอบทานองุ่นไชน์มัสแคทก็ใส่ไปในทริปตอนเดือนสิงหาคมหน้าร้อนได้เลยจ้า
พร้อมเที่ยวหรือยัง...ไปกันเล้ยยยย

Udatsu no Machi
เนื่องด้วยตั้งแต่สมัยเอโดะจนถึงยุคเมจิไม่มีทางรถไฟ ดังนั้นการขนส่งทางน้ำในแม่น้ำจึงเป็นวิธีการแจกจ่ายกระจายสินค้าที่สำคัญ ซึ่งฐานของการกระจายคือ ที่นี่ โดยล่องมาทางแม่น้ำโยชิโนะ สมัยก่อนจริงๆตรงนี้คือมีแม่น้ำไหลผ่านนะ





แผนผังบ้านเมือง ที่เคยมีความสวยงามและเจริญรุ่งเรืองในยุคเอโดะ


ตั้งแต่กลางยุคเอโดะจนถึงสมัยโชวะต้นมีการสร้างอาคารประวัติศาสตร์ 85 แห่งและทิวทัศน์ของเมืองยังคงเหมือนเดิม Udatsu หมายถึงแผ่นฝากั้น ที่ยื่นเล็กๆออกมาด้านหน้าบ้านกั้นระหว่างบ้านแต่ละหลัง เหตุผลเพื่อป้องกันไฟไหม้ลุกลาม


หน้าบ้านแต่ละหลังจะมีบอกชื่อเจ้าของผู้พักอาศัย มีความคล้ายกึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์และที่ยังมีคนอยู่จริงๆ


ทั้งหลังคาและทุกอย่างๆ ส่วนใหญ่ยังคงรูปแบบเดิมไว้เกือบทั้งหมด


แม้แต่แผ่นป้ายโฆษณาก็ยังเป็นแบบยุคสมัยเก่า ถึงจะเป็นเมืองและถนนที่ค่อนข้างเงียบ คนไม่พลุกพล่าน บรรยากาศค่อนข้างแตกต่างจากเมืองเก่าอื่นๆ ไปแล้วก็ยังนึกถึงอยากไปอีก


นอกจากร้านขายสินค้าที่ระลึกแล้ว ยังมีร้านขายน้ำมัน ไปรษณีย์ คาเฟ่


ที่นี่ คุณจะรู้สึกราวกับว่าคุณได้เดินทางกลับสู่ยุคเก่า มีร้านกาแฟและร้านขายของที่ระลึกมากมายในพื้นที่เล็ก ๆ ดังนั้นคุณสามารถเพลิดเพลินกับเมืองทั้งเมือง บางวันมีประดับไฟตามถนนตั้งแต่ในช่วงหัวค่ำด้วย


ตรงนี้เป็นศูนย์ให้ข้อมูลและมีร้านจำหน่ายสินค้าที่ระลึกต่างๆ มีห้องน้ำบริการ รวมถึงมีศาลเจ้าเล็กๆด้วย




ป้ายแสดงประวัติและเรื่องราวต่างๆของ Udatsu no machi


ร้านขายสินค้าที่ระลึก ก็จะเป็นแบบสินค้าประดิษฐ์ด้วยมือ แสดงถึงเอกลักษณ์ของท้องถิ่น ในภาพคือ การเต้นอาวะ(Awa)ซึ่งเป็นการเต้นประเพณีประจำปีในช่วงเทศกาลโอบ้ง กลางเดือนสิงหาคมทุกปี




Odeon-za Theater (หรือ Wakimachi Theater) โรงแสดงคาบูกิและดนตรีชามิเซ็ง จากสมัยยุคโชวา สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1934 ยุคโชวาคืออยู่ระหว่างช่วงปี ค.ศ. 1926-1989 โรงหนังแห่งนี้เคยปิดตัวลงเมื่อปี ค.ศ.1995 แต่ได้รับการบูรณะใหม่อีกครั้งในปี 1999 ค่าเข้า ผู้ใหญ่เพียงคนละ 200 เยนเท่านั้น



ฝาท่อระบายน้ำยอดนิยม ที่นี่ก็มีให้สะสมภาพถ่ายด้วยนะ เขียนว่า Wakimachi ซึ่งเป็นชื่อเมือง



รัฐบาลแห่งชาติยอมรับถนน Udatsu ว่าเป็น “เขตอนุรักษ์ที่สำคัญสำหรับกลุ่มอาคารประวัติศาสตร์” ในเดือนธันวาคม 2531


ที่อยู่
Minamimachi, Wakimachi, Mima-shi, Tokushima
ค่าเข้าฟรี
Website Udatsu no Machi
การเดินทาง
จากสถานี Anabuki Station ด้วยรถยนต์ 7 นาที / เดินราว 25-30 นาที ลานจอดรถฟรี
พิกัด https://goo.gl/maps/J2jSkqHfCK6cBaa78

----
จากนั้นเราไปเที่ยวผาหินทรายกันต่อ ซึ่งอยู่ไม่ไกลกันเลย

Awa sand Pillar หรือภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า Dochu ตั้งอยู่ที่เมืองอาวะ สามารถเดินทางมาได้ด้วยรถยนต์ที่สะดวกที่สุด


เสาหินทรายเหล่านี้เป็นงานศิลปะตามธรรมชาติซึ่งเป็นผลมาจากการกัดเซาะของ 200 ล้านปีที่ผ่านมา เสาหินทรายเป็นหนึ่งในการก่อตัวที่แปลกประหลาดที่สุดในโลกชวนให้นึกถึงเทือกเขาร็อคกี้ในสหรัฐอเมริกาหรือโดโลไมต์ในอิตาลี





ถึงแม้ด้านล่างก็มีที่จอดรถ แต่หากชอบการเดินออกกำลังกายมาถึงด้านบนก็มีเส้นทางสำหรับนักผจญภัยด้วย ใช้เวลาเดินราว 10 นาที


เส้นทางร่มรื่น สองข้างทางมีทั้งต้นไม้ ดอกไม้ป่า ป่าไผ่ เป็นวิวที่สมกับเป็นดินแดนธรรมชาติที่สมบูรณ์


โดจู ในสมัยก่อน เป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับเด็กๆชั้นประถมศึกษาให้มาทัศนศึกษาที่นี่ แต่สมัยนี้ก็ไม่ค่อยได้มีใครมาแล้ว เหลือแค่นักท่องเที่ยวเท่านั้น


เสาหินทราย หรือ โดจู มีลักษณะเป็นแท่งๆ เมื่อเปรียบเทียบกับรูปร่างสมัยก่อนแล้วจะมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย วัดความสูงจากพื้นด้านล่างแล้ว สูงราว 50 เมตร


นอกจากยืนชมวิวจากด้านบนลงมาข้างล่างแล้ว วิวจากด้านล่างก็สวยงามไม่แพ้กัน โดยเดินเข้าไปดูได้อย่างใกล้ชิดภายในขอบรั้วที่กำหนดไว้



ที่อยู่
540 Awacho Kitayama, Awa, Tokushima 771-1705
เวลาทำการ เปิดทุกวัน 24 ชั่วโมง แต่กลางคืนมืดนะ
Website  https://www.awa-kankou.jp/odekake/awanodochu/
การเดินทาง ลงรถบัสที่สถานี Awa เดินต่อ 3 นาที
พิกัด https://goo.gl/maps/VHAhqRzY9YpF35zv6

----
สำหรับใครที่มาหน้าร้อนนะคะ แปะทริปเก็บองุ่นลงไปในแพลนได้เลยนะ ช่วงแนะนำคือปลายสิงหาคมจ้า องุ่นพันธุ์ไชน์มัสแคท อร่อยมากๆ

เมื่อย่างเข้าหน้าร้อนญี่ปุ่นคือเดือนสิงหาคม นอกจากกิจกรรมเล่นน้ำ ตั้งแคมป์ ร่วมงานเทศกาลสนุกๆแล้ว ก็คงเป็นการเก็บผลไม้สดๆจากสวนนี่แหล่ะ ที่สนุกและคุ้มไม่แพ้กัน วันนี้เลยดิ่งไปที่สวนองุ่นของจังหวัดโทคุชิมะ เป็นสวนที่มีองุ่นพันธุ์ Shine Muscat ที่เราชื่นชอบมากๆเพราะมันหวานกรอบและไร้เมล็ด



ภายในสวน ส่วนที่เปิดบริการให้เก็บทานมีองุ่นอยู่สองพันธุ์ คือ Pione (ピオーネ ) และ Shine Muscat (シャインムスカット)โดยเค้าจะเอาถุงกระดาษสองแบบมาห่อองุ่นแต่ละพันธุ์เพื่อลูกค้าจะได้ไม่สับสนเวลาตัด


ไชน์มัสแคท มีชื่อทางการว่า Vitis vinifera ‘Shine Muscat’ องุ่นไชน์มัสแคท ได้รับการพัฒนาโดยองค์การวิจัยการเกษตรและอาหารแห่งชาติและได้รับการจดทะเบียนชื่อในปี 2003 ลำดับที่ No. 13,891 มาจากการทดลองผสมระหว่างสองสายพันธุ์คือ Akitsu-21 และ ‘Hakunan’ (V. vinifera) เมล็ดและการเพาะเมล็ดนั้นอยู่ภายใต้กฎหมายญี่ปุ่นเมื่อปี 2006


สวนองุ่นที่เรามาทานในวันนี้ เป็นสวนที่มีประวัติมานานหลายสิบปี ต้นองุ่นจึงใหญ่และแผ่ขยายกิ่งก้านไปกว้างมาก


เมื่อเล็งถุงที่อยากทานจนพอใจแล้ว ก็ทำพิธีตัดริบบิ้นทันที โดยมีสักขีพยานคือตากล้องคู่ใจที่ติดสอยห้อยตามมาและหวังจะได้กินองุ่นด้วย


Miki Budou En
ที่อยู่ 225 Nakamura, Donaricho, Miyagawauchi, Awa, Tokushima 771-1508
เวลาทำการ ฤดูกาล เก็บองุ่น 10 สิงหาคม – ปลายเดือนกันยายน (ไม่เสียค่าเข้าชม)
โทร 088-695-4810
เวลาทำการ 9.00 น -17.00 น
facebook  https://www.facebook.com/mikibudouen/

สามารถอ่านรีวิวองุ่นเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์นะคะ ภาพเยอะมากจริงๆ หรือกดติดตามเพจเพื่อที่จะไม่พลาดที่เที่ยวสนุกๆของคนรักญี่ปุ่น แล้วเก็บในลิสต์กันต่อ เดินทางมาได้แล้วลุยกันเลยจ้า
สำหรับเพจนะคะ  https://www.facebook.com/ChillChillTrip1

ขอบคุณมากๆค่า
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่