แค่ศาลสั่งปิดกลุ่มใน Facebook นี้มัน "บั่นทอนความสามารถในการลงทุน " ยังไง ?

เกี่ยวมากๆ ถึงมากที่สุดค่ะ

เรื่องนี้เราว่าเหมือนมันก็เหมือนไปตอกย้ำภาพของ facebook กรณี Cambridge Analytica ที่โด่งดังมากๆ เมื่อปีสองปีก่อน
ซึ่งมันกระทบภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นต่อผู้ใช้งานของ facebook ทั่วโลก จนเป็นกระแสสังคมมาแล้ว
จำคำถามนางงามที่ถามฟ้าใสได้ไหมค่ะ “Government surveillance is used to keep many nations and their people safe. But some believe this invades our right to privacy. What is more important to you, privacy or security?”
นั่นแหละค่ะ อันนั้นแหละ
ทีนี้สิ่งที่เกิดขึ้นกรณีนี้ก็คล้ายๆ กัน รัฐบาลไทยใช้อำนาจเพื่อไปปิดกลุ่ม โดยอ้างเรื่องกฏหมาย ซึ่งก็เป็นการแทรกแทรงกิจการของ Facebook
มันก็เหมือนตอกย้ำคดีเดิมป่าวค่ะ คนทั้งโลกที่มองมองก็จะเข้าใจว่า แพลตฟอร์มนี้มันสามารถถูกควบคุมได้ง่าย บั่นทอนความสามารถในการดำเนินกิจการ
ซึ่งพี่มาร์คแกก็เลยออกมาโต้แหละว่า กฎหมายที่รัฐบาลไทยอ้างอะ มันขัดกับอนุสัญญาว่าด้วยเรื่องสิทธิมนุษยชนนะ
เลยคงเป็นเหตุที่เขาจะฟ้อง ไม่งั้นรัฐบาลก็สามารถอ้างได้อีก ทำแบบนี้ได้อีก
อย่าลืมนะค่ะว่า หัวใจของ facebook คือการคุ้มครองผู้ใช้งาน จนมันมีกฏหมายที่ออกมาเพื่อพยายามใช้กัน ที่ตื่นตัวกันทั้งโลกอ่ะค่ะ รวมถึงไทยด้วย
เคสนี้ รมต.พุฒิพงษ์แพ้ตั้งแต่ยังไม่สู้แล้วค่ะ ไหนจะเมกา ไหนจะ UN อีก แถมเหมือนไปกระจายข่าวให้เขาอีกว่ามีกลุ่มแบบนี้ กลายเป็นวันเดียวสมาชิกกลับมาจะครบล้านแล้ว
แถมเหมือนไปป่าวประกาศให้คนทั้งโลกรู้อีกว่าไทยมีกฎหมายอะไรแบบนี้ โดน 2 เด้งเลยคะ