JJNY : 4in1 หยุดซื้อเรือดำน้ำ/เครือข่ายแรงงานฯหนุน น.ศ./น้ำท่วมสุโขทัยยังวิกฤตหนัก/การเมืองระอุต่างชาติลังเลลงทุน

หยุดซื้อเรือดำน้ำ ระวังเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว ผสมม็อบขับไล่ ทำรัฐบาลพังพินาศ
https://www.thairath.co.th/news/politic/1916456

กระแสคัดค้านการซื้อเรือดำน้ำ กำลังลุกลามบานปลาย ยิ่งจะทำให้สถานการณ์การเมืองรุนแแรงมากขึ้น ภายหลังคณะอนุกรรมาธิการครุภัณฑ์ ไอซีที รัฐวิสาหกิจ และทุนหมุนเวียน ในคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 มีมติ 5 ต่อ 4 เห็นชอบงบจัดซื้อเรือดำน้ำจากประเทศจีนของกองทัพเรือ จำนวน 2 ลำ วงเงิน 2.25 หมื่นล้านบาท
• แน่นอนฝ่ายค้านโดยพรรคเพื่อไทย ซึ่งอยู่ในคณะอนุกรรมาธิการครุภัณฑ์ฯ เสียงข้างน้อย ได้ออกมาคัดค้านเดินหน้าหน้าแฉความไม่ชอบมาพากล พบว่าการจัดซื้อเรือดำน้ำนั้นไม่ใช่สัญญาจีทูจีระหว่างรัฐกับรัฐ แต่เป็นเพียงข้อตกลงที่เซ็นสัญญากับบริษัทเอกชนของจีน ในการจัดซื้อเรือดำน้ำเพียง 1 ลำเท่านั้น ไม่ใช่ 2 ลำ หรือ 3 ลำ และสัญญาฉบับนี้อาจต้องเป็นโมฆะ
 
• ต้องจับตาดูในวันที่ 26 ส.ค.นี้ มีการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2564 จะมีการทบทวนการจัดซื้อเรือดำน้ำหรือไม่ แม้มีความพยายามอธิบายเหตุจำเป็นการจัดซื้อตามงบประมาณก่อหนี้ผูกพัน และต้องใช้เวลาหลายปีในการจัดซื้อ มีการผ่อนชำระเป็นงวดๆ แต่สุดท้ายจะทนกระแสคัดค้านได้หรือไม่ ท่ามกลางการชุมนุมต่อต้านรัฐบาลที่กำลังเข้มข้นขึ้น
 
• ย้อนไปเมื่อวันที่ 18 เม.ย.2560 รัฐบาล คสช.เคยมีมติเห็นชอบจัดซื้อเรือดำน้ำ หยวนคลาส เอส 26 ที (Yuan Class S26T) จำนวน 1 ลำ วงเงิน 1.35 หมื่นล้านบาท โดยไม่มีการแถลงข่าว อ้างว่าเป็นเอกสารลับที่สุด และเป็นโหมดงานด้านความมั่นคง ก่อให้เกิดข้อวิพากษ์วิจารณ์กระทบความเชื่อมั่นที่มีต่อรัฐบาล คสช.และกองทัพ จนลดน้อยถอยลงไป กระทั่งปีงบประมาณ 2563 จะขอจัดซื้ออีก 2 ลำ แต่ก็ได้เลื่อนออกไปในปีงบประมาณ 2564 
   
ทีมข่าวเจาะประเด็นไทยรัฐออนไลน์” ต่อสายคุยกับ “รศ.ดร.ธนภัทร ปัจฉิมม์” คณบดีโรงเรียนกฎหมายและการเมือง มหาวิทยาลัยสวนดุสิต ถึงประเด็นปัญหาที่รัฐบาล “บิ๊กตู่” กำลังเผชิญ ทั้งจากม็อบชุมนุมเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาล และล่าสุดประเด็นร้อนแรงการจัดซื้อเรือดำน้ำของกองทัพเรือ ซึ่งอาจมาผสมโรงยิ่งทำให้อายุของรัฐบาลสั้นลง โดยมองว่า ประเด็นการจัดซื้อ "เรือดำน้ำ" จะกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียว หากรัฐบาลไม่ทำอะไรเลย จะก่อปัญหาลุกลามบานปลายในบ้านเมืองมากขึ้นอย่างแน่นอน ควรต้องยุติซื้อเรือดำน้ำ เพราะไม่เอื้อต่อเศรษฐกิจที่กำลังวิกฤติในขณะนี้
 
“ยิ่งขณะนี้มีการเคลื่อนไหวของกลุ่มม็อบนิสิตนักศึกษา มีการเปลี่ยนรูปแบบการชุมนุม โดยมีเด็กมัธยมออกมาเข้าร่วมอยู่ฝ่ายตรงกันข้ามกับรัฐบาล มาผสมกับกลุ่มเสรีประชาธิปไตยสุดโต่ง หากรัฐบาลเข้ามาขัดขวาง ยิ่งทำให้สถานการณ์บานปลายไปกันใหญ่ ยิ่งจับยิ่งทำให้คนลุกฮือเข้าร่วมมากขึ้น ไม่รวมปัญหาเศรษฐกิจที่ตกต่ำ ทุกอย่างถาโถมเข้ามา และล่าสุด ประเด็นเรือดำน้ำ รัฐบาลอย่ากลัวเสียหน้า เพราะประเทศชาติช้ำมาเยอะแล้ว หากมองไม่เหมาะสม ก็ถอนออกไป และไปฟื้นเศรษฐกิจ น่าจะถูกใจประชาชนมากกว่า ไม่แน่ใจว่า เรือดำน้ำไปเกี่ยวกับผลประโยชน์อะไร จึงพยายามดึงดันจะซื้อ”
   
กรณี เรือดำน้ำ ถือเป็นปัจจัยหนึ่งมีผลต่อความเชื่อมั่นในรัฐบาล ซึ่งไม่ถึงกับทำให้รัฐบาลอยู่ไม่ได้ คาดว่า รัฐบาลคงมีเกมเกาะมวลชนในการเปิดพื้นที่ให้คนเหล่านี้เข้ามามีส่วนร่วม เพื่อแก้ปัญหาบางอย่าง เป็นการซื้อและยื้อเวลา หากไม่ทำอะไรจะกลายเป็นประเด็นลุกลาม ดังนั้นควรรีบจัดเวทีแก้ไขรัฐธรรมนูญ ควรกำหนดกรอบกติกาให้ชัดเจนว่าจะเริ่มเมื่อไหร่และทำอย่างไร ซึ่งแน่นอนต้องชัดเจน ไม่แตะต้องสถาบัน ไม่เช่นนั้นจะเป็นการเรียกแขกมากขึ้น
 
นอกจากนี้ควรเปิดเวทีหารือ โดยรัฐบาลต้องมีความชัดเจนว่าจะพ้นวาระเมื่อใด อย่ายื้อเวลา อย่างประวัติศาสตร์ในอดีตที่เห็นกันมาแล้ว เพราะฉะนั้นหากรัฐบาลเพิกเฉย ดื้อรั้น ไม่ทำอะไรเลย จะยิ่งลำบาก เป็นการสะดุดขาตัวเอง ยิ่งทำให้อยู่ยากมากขึ้น ควรใช้วิกฤติเป็นโอกาส ไม่ให้คนลงสู่ท้องถนนมากขึ้น และอาจเกิดปรากฏการณ์พรรคร่วมรัฐบาล จะเริ่มไม่เอารัฐบาล แต่คิดว่านายกรัฐมนตรีพยายามสร้างตัวตนให้รักชาติ หากปล่อยปละจะทำให้ตัวเองเสียไปด้วย แม้จะลาออก ก็มีรัฐธรรมนูญเหมือนเดิม จึงควรเร่งแก้รัฐธรรมนูญ เพราะหากยื้อเวลาท้ายสุดจะกลายเป็นความเบื่อหน่ายในกลุ่มประชาชนที่มีต่อรัฐบาล.
 

 
เครือข่ายแรงงานฯหนุน น.ศ. เล่าอดีตเย็บผ้าแลกค่าจ้าง 45 บาทต่อวัน 'เสื้อแดง' ชูตีนตบเชียร์สนั่น
https://www.matichon.co.th/politics/news_2319358
 
‘เครือข่ายแรงงานฯ’ หนุน น.ศ. เล่าอดีตเย็บผ้าแลกค่าจ้าง 45 บาทต่อวัน ‘เสื้อแดง’ ชูตีนตบเชียร์สนั่น
 
เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม เวลา 15.00 น. บริเวณลานคนเมือง หน้าศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เขตพระนคร กรุงเทพฯ สถานที่นัดหมายจัดกิจกรรม ‘เพราะทุกคนคือแกนนำ #TheNextOneMaybeYou’ ซึ่งมีกำหนดการเริ่มต้นในเวลา 15.00 น. โดยกลุ่มนักศึกษา 4 มหาวิทยาลัย ได้แก่ 
1. กลุ่มนิสิตมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ,
2. ภาคีนักศึกษามหาวิทยาลัยกรุงเทพ ,
3. กลุ่มประชาคมศิลปากรเพื่อประชาธิปไตย (SCFD) 
และ 4. พะยอมเก๋า ของนักศึกษา ม.รังสิต
 
เวลา 15.10 น. นิสิตนักศึกษาร่วมกันติดตั้งฉากสีดำบนลานคนเมือง เพื่อนำงานศิลปะมีเนื้อหาต่อต้านการคุกคามประชาชนและนักเรียนที่เรียกร้องประชาธิปไตยมาจัดแสดง
  
เวลาประมาณ 15.40 น. ตัวแทนนักศึกษากลุ่มประชาคมศิลปากรเพื่อประชาธิปไตย 2 ราย ขึ้นเวทีกล่าวถึง 3 ข้อหลักที่พวกตนต้องการเน้นย้ำ ได้แก่ 
 
1. ยืนยันหลักสิทธิมนุษชน เสรีภาพในการพูดที่ไม่ได้ทำให้คนอื่นเดือดร้อน 
2. ยืนยันข้อเรียกร้อง 3 ข้อได้แก่ 1) หยุดคุกคามประชาชน 2) ยุบสภา 3) ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ และ 2 จุดยืน คือ 1) ไม่เอารัฐประหาร 2) ไม่เอารัฐบาลแห่งชาติ 
3. ขอเป็นศูนย์กลางในการตระหนักรู้ด้านกฎหมายในอนาคต
 
จากนั้น มีการผลัดเปลี่ยนกันขึ้นปราศรัยโดยนิสิต นักศึกษา และประชาชน ท่ามกลางฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ในตอนหนึ่ง นางศรีไพร นนทรีย์ เครือข่ายแรงงานเพื่อสิทธิมนุษชน ซึ่งเพิ่งเปิดตัวเมื่อวันที่ 16 สิงหาคมที่ผ่านมา ในการชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย กล่าวว่า เราอยู่ในยุคทุนนิยม ที่ผ่านมาเศรษฐกิจแย่ บางคนกินข้าวไม่ได้ครบ 3 มื้อ ตนมาทำงานเย็บผ้าตั้งแต่วัยรุ่นเมื่อ พ.ศ.2530 ช่วงนั้นค่าจ้างวันละ 45 บาท เป็นลูกจ้างชั่วคราว 2 เดือนต่อสัญญาครั้งหนึ่ง ถูกบังคับทำโอที 12 ชั่วโมง ไม่เคยเห็นตะวันขึ้นและตก ตอนนั้นเรียกกันว่า ‘ยุคไข่แพง’ แรงงานออกมาประท้วง แต่ไม่สำเร็จ ต่อมามีการยุบสภา พลเอกชาติชาย ชุณหะวัน เป็นนายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้ง สิ่งที่ได้คือการยกเลิกสัญญาจ้างชั่วคราว มีการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ และประกันสังคมที่เรียกร้องกันมา 46 ปี เพิ่งได้ในยุคพลเอกชาติชาย
 
นางศรีไพร กล่าวต่อไปว่า หลังจากนั้นมีรัฐประหารในปี 2534 โดย รสช. มีการเปลี่ยนแปลงกฎหมายแรงงาน แยกรัฐวิสาหกิจออก อำนาจการต่อรองน้อยลง กระทั่งยุคทักษิณ แม้ค่าแรงไม่ขึ้น แต่ได้ 30 บาทรักษาทุกโรค ต่อมา ยุคอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ค่าแรงขั้นต่ำขึ้นเป็น 300 บาท
 
จากนั้น นางศรีไพร ประกาศว่า ขอสนับสนุนข้อเรียกร้องของนิสิตนักศึกษาที่จะทำให้สังคมไทยมีความเสมอภาค
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในงานดังกล่าว กลุ่มเสื้อแดงต่างนำอุปกรณ์ ‘ตีนตบ’ ขึ้นมาชูและเขย่าส่งเสียงเชียร์การปราศรัยและการแสดงต่างๆ อย่างครึกครื้น
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่