ในชีวิตแต่วันของผมทุกอย่างในกิจวัตรต่อให้ทำอะไรมักมีคำถามขึ้นในหัวว่า "ทำไปเพื่ออะไรว่ะ" ถามตัวเองว่าทำอะไรอยู่ ไม่อยากไปไหน ไม่อยากเจอใคร ไม่ไว้ใจใคร กลัวผู้คน สติแตกเวลาพบเขอกับความวุ่นวาย รู้สึกตัวเองไร้คุ้นค่า ผิดหวังกับความล้มเหลวที่มักมาจากความไว้เนื้อเชื่อใจจากคนใกล้ตัวเสมอ ร้องไห้ทั้งวันหลังมานี่ รู้ว่าตัวเองร้องไห้ง่ายมากจากคำพูดแรงๆเพียงครั้งเดียว วิตกกังวลกับคำโกหกที่คิดว่าทุกคนโกหก และไม่เชื่อใจและวางใจให้ใครทำอะไร หรือแม้กระทั้งจะปรึกษาอะไรกับใคร ในทุกครั้งโดยความคิดรวมๆ คิดอยู่เสมอว่า "อยู่เพื่ออะไรว่ะกับสังคมที่ปลอมแบบนี้การใส่หน้ากากเข้าหากัน" "การพูดลับหลังกันแต่พอมาเจอกันต้องแสดงทำเป็นดีผมรู้สึกขยะแขยงเกินที่จะมีชีวิตอยู่กับคนเหล่านี้"
มันคือความแปลกแยกที่ผ่านมา ผมอยู่ในบ้านคนเดียวโดยที่ไม่ออกไปไหนไปทำอะไรไม่คุยกับใครมาเป็นเวลาร่วม 6 เดือน หนักจนแม้แต่หน้าบ้านก็ไม่เคยออกไป ปิดกั้นตัวเอง เอาผ้าห่มปิดหน้าต่างทุกบาน ล๊อคกุญแจนอกเสมือนว่าไม่มีใครอยู่ เพียงเพราะไม่อยากพบใครอีก เคยกินยาฆ่าตัวตาย โดยทีไม่บอกหรือกล่าวใคร ไม่มีจดหมายลา ไม่มีความต้องการเรียกร้องอะไรจากใคร เอายามาบดผสมน้ำล๊อคห้อง เปิดเพลงแล้วดื่ม.... ฉากสุดท้ายก่อนหมดสติมันว่างเปล่าไร้ห่วงใด ๆ แต่ก็รอดมาเพราะความบังเอิญ ที่เพื่อนมาเคาะห้องแล้วไม่ตอบ เลยลองเอากุญแจรถไขเข้ามา สรุปว่าได้.....ผมก็ไม่รู้ว่าได้ไงแต่มันเป็นไปแล้วจริง ๆ เหมือนชะตาให้โอกาสให้ผมได้แก้ไข... ผมจึงลองสู้อีกครั้ง........แต่สุดท้าย มันก็ซ้ำๆเดิมๆ วกวน.
ผมว่าผมเป็นโรคซึมเศร้า
มันคือความแปลกแยกที่ผ่านมา ผมอยู่ในบ้านคนเดียวโดยที่ไม่ออกไปไหนไปทำอะไรไม่คุยกับใครมาเป็นเวลาร่วม 6 เดือน หนักจนแม้แต่หน้าบ้านก็ไม่เคยออกไป ปิดกั้นตัวเอง เอาผ้าห่มปิดหน้าต่างทุกบาน ล๊อคกุญแจนอกเสมือนว่าไม่มีใครอยู่ เพียงเพราะไม่อยากพบใครอีก เคยกินยาฆ่าตัวตาย โดยทีไม่บอกหรือกล่าวใคร ไม่มีจดหมายลา ไม่มีความต้องการเรียกร้องอะไรจากใคร เอายามาบดผสมน้ำล๊อคห้อง เปิดเพลงแล้วดื่ม.... ฉากสุดท้ายก่อนหมดสติมันว่างเปล่าไร้ห่วงใด ๆ แต่ก็รอดมาเพราะความบังเอิญ ที่เพื่อนมาเคาะห้องแล้วไม่ตอบ เลยลองเอากุญแจรถไขเข้ามา สรุปว่าได้.....ผมก็ไม่รู้ว่าได้ไงแต่มันเป็นไปแล้วจริง ๆ เหมือนชะตาให้โอกาสให้ผมได้แก้ไข... ผมจึงลองสู้อีกครั้ง........แต่สุดท้าย มันก็ซ้ำๆเดิมๆ วกวน.