กลิ่นลับๆ ที่มากับฝน (ตอนที่ 1)
ช่วงนี้ฝนตกแทบทุกวันเลยนะครับ ที่บ้านพี่หมอแทบไม่ต้องเปิดแอร์เลย เพราะอากาศดีมาก แต่ก็ต้องไม่ลืมว่านอกจากความสดชื่นที่มาพร้อมกับสายฝนแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คือ ความชื้นในอากาศ พี่หมอเป็นคนหนึ่งที่เจออากาศชื้นๆ ทีไร เป็นได้รู้สึกไม่ค่อยสบายทุกที ไม่รู้มีใครเป็นแบบนี้เหมือนกันบ้าง
ซึ่งเจ้าความชื้นนี่ไม่ได้เป็นแค่ที่มาของความรู้สึกไม่สบายตัวนะครับ แต่ยังสามารถนำโรคและกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์มาให้เราด้วย เช่น โรคผิวหนังที่เกิดจากเชื้อรา และกลิ่นอับตามอวัยวะต่างๆ ซึ่งแม้จะไม่ใช่โรคที่ร้ายแรง แต่ก็สร้างความรำคาญใจให้เราไม่น้อยเลย แถมยังทำให้เสียบุคลิกอีกด้วย
แต่สาเหตุที่ทำให้เกิดโรคและกลิ่น ไม่ได้มีแค่ความชื้นเพียงอย่างเดียวนะครับ เพราะพฤติกรรมการใช้ชีวิตของเรา อาหารที่รับประทานเข้าไป รวมถึงการรักษาความสะอาดส่วนบุคคลก็สามารถทำให้เกิดโรคได้เช่นกัน แล้วโรคที่นำพากลิ่นมาพร้อมกับหน้าฝนมีอะไรบ้าง ไปหาคำตอบพร้อมๆ กันเลยครับ
สังคัง (Tinea cruris)
เกิดจากการติดเชื้อราในกลุ่ม Dermatophyte ซึ่งอาการที่เห็นได้ชัดเลยก็คือ มีตุ่มใสๆ หรือผื่นแดงขึ้นเป็นขอบนูนและมีขุยสีขาว หรืออาจเป็นแผ่นในบริเวณที่ติดเชื้อ ซึ่งผื่นแดงนี้จะทำให้รู้สึกแสบและคันมาก โดยส่วนใหญ่มักจะพบที่บริเวณขาหนีบ หัวเหน่า ข้อพับ และอาจลุกลามไปที่บริเวณก้นและอวัยวะเพศได้ด้วย
โรคนี้สามารถติดต่อได้ง่ายมากเลยนะครับ เพราะเพียงแค่สัมผัส หรือใช้สิ่งของ เช่น เสื้อผ้า หรือผ้าเช็ดตัว ร่วมกันกับคนที่เป็นก็สามารถติดโรคนี้ได้แล้ว ซึ่งส่วนใหญ่มักจะพบในคนที่มีเหงื่อมากๆ เช่น นักกีฬา หรือคนที่เป็นโรคอ้วน โรคเบาหวาน หรือมีภูมิคุ้มกันไม่ดี โดยผู้ชายมีโอกาสที่จะเป็นโรคนี้มากกว่าผู้หญิงถึง 3 เท่าเลยทีเดียว
สังคังสามารถรักษาได้ด้วยการใช้ยาฆ่าเชื้อราโดยตรง แต่ถ้าเป็นซ้ำบ่อยๆ ก็จะต้องกินยาเพิ่มด้วย ซึ่งตรงนี้พี่หมอแนะนำให้ไปปรึกษาคุณหมอนะครับ ห้ามไปซื้อยามากินเองโดยเด็ดขาด ส่วนการป้องกันสามารถทำได้ ดังนี้
· ไม่ใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น
· ใส่เสื้อผ้าที่สามารถระบายอากาศได้ดี และไม่รัดแน่นจนเกินไป
· หลับอาบน้ำ ควรเช็ดตัวให้แห้งก่อนสวมใส่เสื้อผ้า
กลิ่นในจุดซ่อนเร้น
สามารถพบได้ทั้งในผู้หญิงและผู้ชาย ซึ่งสาเหตุหลักๆ ก็มาจากความสะอาด รวมถึงโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่อาจทำให้เกิดการติดเชื้อด้วย ซึ่งส่วนใหญ่ผู้หญิงจะมีความกังวลใจในเรื่องนี้มากกว่าผู้ชาย เพราะอาจส่งผลถึงความผิดปกติในช่องคลอดได้ด้วย
สาเหตุของกลิ่นในช่องคลอด
1. การติดเชื้อ
· การติดเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งเป็นชนิดที่พบได้บ่อยที่สุด โดยจะมีอาการคือ ตกขาวมีกลิ่นคาว และรู้สึกแสบร้อนขณะปัสสาวะหรือมีเพศสัมพันธ์
· การติดเชื้อโปรโตชัว ซึ่งจะทำให้ตกขาวมีกลิ่นคาว มีสีเหลืองหรือสีเขียว รวมถึงมีฟองด้วย
· การติดเชื้อรา จะทำให้เกิดกลิ่นเหมือนยีสต์ และตกขาวมีลักษณะเป็นลิ่มๆ รวมถึงมีอาการคันและแสบในขณะที่ปัสสาวะหรือมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งอาการนี้มักจะเกิดขึ้นหลังจากที่รับประทานยาปฏิชีวนะเข้าไป เพราะตัวยาจะไปกระตุ้นให้เชื้อราที่ปกติมีอยู่ในช่องคลอดอยู่แล้วเจริญเติบโตผิดปกติ
2. การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน โดยเฉพาะผู้หญิงที่อยู่ในวัยหมดประจำเดือนซึ่งระดับฮอร์โมนเพศหญิงจะลดลง ส่งผลให้เนื้อเยื่อช่องคลอดบางและช่องคลอดมีสภาพเป็นกรดเล็กน้อย จึงอาจทำให้ช่องคลอดมีกลิ่นเหม็นและตกขาวเป็นน้ำได้ ซึ่งถ้ารู้สึกว่ากลิ่นนั้นกวนใจจนเกินไป ก็สามารถไปปรึกษาแพทย์ได้ เพราะคุณหมอจะช่วยสั่งยาที่ช่วยในเรื่องการกำจัดกลิ่นให้
3. เหงื่อ เนื่องจากต่อมเหงื่อที่พบได้ในรักแร้ หัวนม ช่องหู เปลือกตา ปีกจมูก รวมถึงขาหนีบ จะผลิตของเหลวที่เป็นน้ำมันออกมา และของเหลวนั้นก็จะถูกย่อยโดยแบคทีเรียที่อยู่บนผิวหนัง ซึ่งกระบวนการย่อยนี้เองที่ทำให้เกิดกลิ่นขึ้นมา
4. อาหาร จากการวิจัยแสดงให้เห็นว่าอาหารที่มีกลิ่นรุนแรง เช่น พริก พริกไทย กระเทียม หัวหอม และบร็อคโคลี่ ก็สามารถส่งผลต่อกลิ่นในช่องคลอดได้เช่นเดียวกับส่วนอื่นๆ ของร่างกาย เช่น รักแร้ หนังศีรษะ ปากและเท้า
5. ผ้าอนามัยแบบสอดที่ถูกลืม การสะสมของเลือดประจำเดือนก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดแบคทีเรียได้ อีกทั้งยังทำให้เกิดการระคายเคือง อาการคัน รวมถึงกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ด้วย
การดูแลไม่ให้เกิดกลิ่นในช่องคลอด
· ไม่ควรสวมใส่เสื้อผ้าที่คับแน่นจนเกินไป ส่วนชุดชั้นในควรเลือกแบบที่ทำจากผ้าฝ้าย เพื่อเพิ่มการไหลเวียนของอากาศ และป้องกันความอับชื้น
· เปลี่ยนเสื้อผ้าทุกครั้งหลังการออกกำลังกาย
· ไม่ควรสวนล้างช่องคลอด เพราะในช่องคลอดจะมีการกระบวนการทำความสะอาดตัวเองตามธรรมชาติอยู่แล้ว และอาจทำให้แบคทีเรียที่ช่วยป้องกันเรื่องการติดเชื้อตายได้
· หลีกเลี่ยงการฉีดน้ำหอมบริเวณอวัยวะเพศ เพราะอาจทำให้เกิดการระคายเคืองหรือแพ้สารเคมีที่อยู่ในน้ำหอมได้
· แต่ถ้าช่องคลอดมีกลิ่นรุนแรงมาก หรือมีการผิดปกติอื่นๆ เพิ่มด้วย เช่น คัน เจ็บ หรือปวดแสบปวดร้อน ก็ควรรีบไปพบแพทย์ทันทีเลยนะครับ
จริงๆ แล้วไม่ว่าสภาพอากาศจะเป็นอย่างไร เราก็ต้องดูแลตัวเองให้ดี โดยเฉพาะเรื่องความสะอาดของร่างกาย ถ้าไม่อยากให้ตัวเรามีกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ออกมา เพราะต่อให้เราหน้าตาดีแค่ไหน หรือแต่งตัวสวยงามอย่างไร แต่ถ้ามีกลิ่นตุๆออกมาก็คงไม่มีใครอยากอยู่ใกล้เราหรอก จริงมั้ยครับ
ดังนั้น เวลาที่ดูแลร่างกาย ก็ควรจะดูแลให้ทั่วทุกจุด ไม่ใช่แค่ในจุดที่เรามองเห็นอย่างใบหน้าและลำตัวเท่านั้น แต่กลับละเลยอวัยวะสำคัญส่วนอื่นไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเท้า
แล้วอยากรู้มั้ยครับว่าเท้ากับกลิ่นเกี่ยวข้องกันอย่างไร ทำไมเท้าของบางคนถึงมีกลิ่น แต่บางคนก็ไม่มี อดใจรอนิดนึงนะครับ พี่หมอขอไปหาข้อมูลเพิ่มเติมอีกนิดหน่อย แล้วเดี๋ยวสัปดาห์หน้าจะกลับมาเล่าให้ฟัง
รักษาสุขภาพกันด้วยนะครับทุกคน ด้วยความปรารถนาดีจากพี่หมอ 💝 💝 💝
กลิ่นลับๆ ที่มากับฝน (ตอนที่ 1)
ช่วงนี้ฝนตกแทบทุกวันเลยนะครับ ที่บ้านพี่หมอแทบไม่ต้องเปิดแอร์เลย เพราะอากาศดีมาก แต่ก็ต้องไม่ลืมว่านอกจากความสดชื่นที่มาพร้อมกับสายฝนแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่เราหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คือ ความชื้นในอากาศ พี่หมอเป็นคนหนึ่งที่เจออากาศชื้นๆ ทีไร เป็นได้รู้สึกไม่ค่อยสบายทุกที ไม่รู้มีใครเป็นแบบนี้เหมือนกันบ้าง
ซึ่งเจ้าความชื้นนี่ไม่ได้เป็นแค่ที่มาของความรู้สึกไม่สบายตัวนะครับ แต่ยังสามารถนำโรคและกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์มาให้เราด้วย เช่น โรคผิวหนังที่เกิดจากเชื้อรา และกลิ่นอับตามอวัยวะต่างๆ ซึ่งแม้จะไม่ใช่โรคที่ร้ายแรง แต่ก็สร้างความรำคาญใจให้เราไม่น้อยเลย แถมยังทำให้เสียบุคลิกอีกด้วย
แต่สาเหตุที่ทำให้เกิดโรคและกลิ่น ไม่ได้มีแค่ความชื้นเพียงอย่างเดียวนะครับ เพราะพฤติกรรมการใช้ชีวิตของเรา อาหารที่รับประทานเข้าไป รวมถึงการรักษาความสะอาดส่วนบุคคลก็สามารถทำให้เกิดโรคได้เช่นกัน แล้วโรคที่นำพากลิ่นมาพร้อมกับหน้าฝนมีอะไรบ้าง ไปหาคำตอบพร้อมๆ กันเลยครับ
สังคัง (Tinea cruris)
เกิดจากการติดเชื้อราในกลุ่ม Dermatophyte ซึ่งอาการที่เห็นได้ชัดเลยก็คือ มีตุ่มใสๆ หรือผื่นแดงขึ้นเป็นขอบนูนและมีขุยสีขาว หรืออาจเป็นแผ่นในบริเวณที่ติดเชื้อ ซึ่งผื่นแดงนี้จะทำให้รู้สึกแสบและคันมาก โดยส่วนใหญ่มักจะพบที่บริเวณขาหนีบ หัวเหน่า ข้อพับ และอาจลุกลามไปที่บริเวณก้นและอวัยวะเพศได้ด้วย
โรคนี้สามารถติดต่อได้ง่ายมากเลยนะครับ เพราะเพียงแค่สัมผัส หรือใช้สิ่งของ เช่น เสื้อผ้า หรือผ้าเช็ดตัว ร่วมกันกับคนที่เป็นก็สามารถติดโรคนี้ได้แล้ว ซึ่งส่วนใหญ่มักจะพบในคนที่มีเหงื่อมากๆ เช่น นักกีฬา หรือคนที่เป็นโรคอ้วน โรคเบาหวาน หรือมีภูมิคุ้มกันไม่ดี โดยผู้ชายมีโอกาสที่จะเป็นโรคนี้มากกว่าผู้หญิงถึง 3 เท่าเลยทีเดียว
สังคังสามารถรักษาได้ด้วยการใช้ยาฆ่าเชื้อราโดยตรง แต่ถ้าเป็นซ้ำบ่อยๆ ก็จะต้องกินยาเพิ่มด้วย ซึ่งตรงนี้พี่หมอแนะนำให้ไปปรึกษาคุณหมอนะครับ ห้ามไปซื้อยามากินเองโดยเด็ดขาด ส่วนการป้องกันสามารถทำได้ ดังนี้
· ไม่ใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น
· ใส่เสื้อผ้าที่สามารถระบายอากาศได้ดี และไม่รัดแน่นจนเกินไป
· หลับอาบน้ำ ควรเช็ดตัวให้แห้งก่อนสวมใส่เสื้อผ้า
กลิ่นในจุดซ่อนเร้น
สามารถพบได้ทั้งในผู้หญิงและผู้ชาย ซึ่งสาเหตุหลักๆ ก็มาจากความสะอาด รวมถึงโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่อาจทำให้เกิดการติดเชื้อด้วย ซึ่งส่วนใหญ่ผู้หญิงจะมีความกังวลใจในเรื่องนี้มากกว่าผู้ชาย เพราะอาจส่งผลถึงความผิดปกติในช่องคลอดได้ด้วย
สาเหตุของกลิ่นในช่องคลอด
1. การติดเชื้อ
· การติดเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งเป็นชนิดที่พบได้บ่อยที่สุด โดยจะมีอาการคือ ตกขาวมีกลิ่นคาว และรู้สึกแสบร้อนขณะปัสสาวะหรือมีเพศสัมพันธ์
· การติดเชื้อโปรโตชัว ซึ่งจะทำให้ตกขาวมีกลิ่นคาว มีสีเหลืองหรือสีเขียว รวมถึงมีฟองด้วย
· การติดเชื้อรา จะทำให้เกิดกลิ่นเหมือนยีสต์ และตกขาวมีลักษณะเป็นลิ่มๆ รวมถึงมีอาการคันและแสบในขณะที่ปัสสาวะหรือมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งอาการนี้มักจะเกิดขึ้นหลังจากที่รับประทานยาปฏิชีวนะเข้าไป เพราะตัวยาจะไปกระตุ้นให้เชื้อราที่ปกติมีอยู่ในช่องคลอดอยู่แล้วเจริญเติบโตผิดปกติ
2. การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน โดยเฉพาะผู้หญิงที่อยู่ในวัยหมดประจำเดือนซึ่งระดับฮอร์โมนเพศหญิงจะลดลง ส่งผลให้เนื้อเยื่อช่องคลอดบางและช่องคลอดมีสภาพเป็นกรดเล็กน้อย จึงอาจทำให้ช่องคลอดมีกลิ่นเหม็นและตกขาวเป็นน้ำได้ ซึ่งถ้ารู้สึกว่ากลิ่นนั้นกวนใจจนเกินไป ก็สามารถไปปรึกษาแพทย์ได้ เพราะคุณหมอจะช่วยสั่งยาที่ช่วยในเรื่องการกำจัดกลิ่นให้
3. เหงื่อ เนื่องจากต่อมเหงื่อที่พบได้ในรักแร้ หัวนม ช่องหู เปลือกตา ปีกจมูก รวมถึงขาหนีบ จะผลิตของเหลวที่เป็นน้ำมันออกมา และของเหลวนั้นก็จะถูกย่อยโดยแบคทีเรียที่อยู่บนผิวหนัง ซึ่งกระบวนการย่อยนี้เองที่ทำให้เกิดกลิ่นขึ้นมา
4. อาหาร จากการวิจัยแสดงให้เห็นว่าอาหารที่มีกลิ่นรุนแรง เช่น พริก พริกไทย กระเทียม หัวหอม และบร็อคโคลี่ ก็สามารถส่งผลต่อกลิ่นในช่องคลอดได้เช่นเดียวกับส่วนอื่นๆ ของร่างกาย เช่น รักแร้ หนังศีรษะ ปากและเท้า
5. ผ้าอนามัยแบบสอดที่ถูกลืม การสะสมของเลือดประจำเดือนก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดแบคทีเรียได้ อีกทั้งยังทำให้เกิดการระคายเคือง อาการคัน รวมถึงกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ด้วย
การดูแลไม่ให้เกิดกลิ่นในช่องคลอด
· ไม่ควรสวมใส่เสื้อผ้าที่คับแน่นจนเกินไป ส่วนชุดชั้นในควรเลือกแบบที่ทำจากผ้าฝ้าย เพื่อเพิ่มการไหลเวียนของอากาศ และป้องกันความอับชื้น
· เปลี่ยนเสื้อผ้าทุกครั้งหลังการออกกำลังกาย
· ไม่ควรสวนล้างช่องคลอด เพราะในช่องคลอดจะมีการกระบวนการทำความสะอาดตัวเองตามธรรมชาติอยู่แล้ว และอาจทำให้แบคทีเรียที่ช่วยป้องกันเรื่องการติดเชื้อตายได้
· หลีกเลี่ยงการฉีดน้ำหอมบริเวณอวัยวะเพศ เพราะอาจทำให้เกิดการระคายเคืองหรือแพ้สารเคมีที่อยู่ในน้ำหอมได้
· แต่ถ้าช่องคลอดมีกลิ่นรุนแรงมาก หรือมีการผิดปกติอื่นๆ เพิ่มด้วย เช่น คัน เจ็บ หรือปวดแสบปวดร้อน ก็ควรรีบไปพบแพทย์ทันทีเลยนะครับ
จริงๆ แล้วไม่ว่าสภาพอากาศจะเป็นอย่างไร เราก็ต้องดูแลตัวเองให้ดี โดยเฉพาะเรื่องความสะอาดของร่างกาย ถ้าไม่อยากให้ตัวเรามีกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ออกมา เพราะต่อให้เราหน้าตาดีแค่ไหน หรือแต่งตัวสวยงามอย่างไร แต่ถ้ามีกลิ่นตุๆออกมาก็คงไม่มีใครอยากอยู่ใกล้เราหรอก จริงมั้ยครับ
ดังนั้น เวลาที่ดูแลร่างกาย ก็ควรจะดูแลให้ทั่วทุกจุด ไม่ใช่แค่ในจุดที่เรามองเห็นอย่างใบหน้าและลำตัวเท่านั้น แต่กลับละเลยอวัยวะสำคัญส่วนอื่นไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเท้า
แล้วอยากรู้มั้ยครับว่าเท้ากับกลิ่นเกี่ยวข้องกันอย่างไร ทำไมเท้าของบางคนถึงมีกลิ่น แต่บางคนก็ไม่มี อดใจรอนิดนึงนะครับ พี่หมอขอไปหาข้อมูลเพิ่มเติมอีกนิดหน่อย แล้วเดี๋ยวสัปดาห์หน้าจะกลับมาเล่าให้ฟัง
รักษาสุขภาพกันด้วยนะครับทุกคน ด้วยความปรารถนาดีจากพี่หมอ 💝 💝 💝