หลายคนคงเจอกรณีที่ต่อประกันรถยนต์ปีต่อไป แล้วเบี้ยประกันเพิ่มมา 1,000 - 2,000 บาท โดยอาจไม่ทราบสาเหตุแน่ชัดว่าเพราะอะไร
แล้วถ้าไม่อยากเพิ่ม ต้องทำยังไง ? วันนี้เราจะมาเล่าสู่กันฟัง ให้ได้รู้กันค่ะว่าเพราะสาเหตุอะไร และต้องทำอย่างไร
1.
เบี้ยประกันเพิ่ม เพราะมีประวัติการขับขี่ที่ไม่ดี แล้วอะไรที่บ่งบอกว่าไม่ดี นั่นก็คือ ถ้าเรามีการเคลม และ
เป็นฝ่ายผิด โดยที่มีมูลค่าการเคลมสูงกว่าเงื่อนไข จะทำให้ปีหน้าเราไม่ได้รับส่วนลด และเบี้ยประกันเพิ่มด้วย ยกเว้นกรณีที่เราเคลมแต่เป็นฝ่ายถูก จะไม่เสียประวัติในส่วนนี้ค่ะ
2.
เบี้ยประกันเพิ่ม เพราะแต่งรถเพิ่ม ซึ่งหากเป็นรถแต่งเพิ่มที่อยู่ในเงื่อนไข และมีการแจ้งก่อนต่อประกัน ก็จะคุ้มครองในมูลค่าการซ่อม 20,000 บาท แต่ละครั้งต่อปี แต่หากมีการแต่งเพิ่ม และประกันไม่รับทราบ เกิดเหตุขึ้นมาประกันจะไม่รับผิดชอบ และหากต้องการได้รับความคุ้มครองเพิ่มเติมในส่วนนี้
ประกันจะมีการคำนวณเบี้ยประกันขึ้นใหม่ ซึ่งส่งผลให้เบี้ยประกันแพงขึ้นค่ะ
3.
เบี้ยประกันเพิ่ม เพราะมีการปรับเปลี่ยนความคุ้มครองที่เพิ่มขึ้น เช่น การปรับทุนประกันให้มากขึ้น จะส่งผลให้เบี้ยแพงขึ้นนั่นเอง
ทั้งนี้ เป็นเพียงเหตุผลหลักๆ ที่ทำให้เบี้ยประกันนั้นแพงขึ้น เรามาดูกันต่อว่า
แล้วถ้าไม่อยากไม่แพงขึ้นล่ะ ต้องทำอย่างไร ?
สิ่งแรกที่เรารู้กัน คือเป็นอะไรที่ตรงข้ามกับสิ่งที่ทำให้เบี้ยแพง ขับรถไม่ประมาท ไม่ชนเอง ไม่แต่งรถเพิ่ม หรือไม่เพิ่มความคุ้มครอง แต่นอกจากนี้ ยังมีอะไรได้อีกบ้างล่ะ มาดูกัน
1. ปรับเปลี่ยนประกันชั้นของรถยนต์ เป็นทางเลือกหนึ่งที่ลดความคุ้มครอง เช่น จากชั้น 1 ลงมาเป็นชั้น 2+ ถึงจะเคลมได้แค่กรณีรถชนรถ แต่เบี้ยประกันอาจถูกกว่าถึง 10,000 บาทต่อปี เลยทีเดียว
2. เลือกแผนติดกล้องรถยนต์ จะได้ส่วนลดจากเบี้ยประกันอีก 5%-10% ขึ้นอยู่กับบริษัทประกัน
3. แผนมีค่าเสียหายส่วนแรก ซึ่งกรณีนี้ ถ้าเกิดเหตุและเราเป็นฝ่ายผิด เราจะต้องเป็นฝ่ายเสียค่าเสียหายส่วนแรกในส่วนนี้
4. เลือกแผนระบุผู้ขับขี่ จะได้ส่วนลด 5%-20% ตามช่วงอายุ
5. เปลี่ยนบริษัทประกัน ในกรณีที่เราอาจเสียประวัติกับที่เดิมไปแล้ว แนะนำให้มองหาที่ใหม่ต่อในปีถัดไปได้เลย
อย่างไรก็ตาม ในแง่ของปัจจัยที่ทำให้เบี้ยประกันแพงขึ้น เราควรศึกษา และระมัดระวังไว้ ในอีกมุมนึงเราก็ควรทราบปัจจัยที่ทำให้เบี้ยประกันถูกลง เพราะหากเราเป็นคนหนึ่งที่รู้เรื่องของ
ประกันภัยรถยนต์ในส่วนนี้ อาจทำให้ประหยัดค่าเบี้ยในหลักพันได้เลยทีเดียว
ต่อเบี้ยประกันรถยนต์ปีต่อไป ทำไมเบี้ยเพิ่ม ?
1. เบี้ยประกันเพิ่ม เพราะมีประวัติการขับขี่ที่ไม่ดี แล้วอะไรที่บ่งบอกว่าไม่ดี นั่นก็คือ ถ้าเรามีการเคลม และเป็นฝ่ายผิด โดยที่มีมูลค่าการเคลมสูงกว่าเงื่อนไข จะทำให้ปีหน้าเราไม่ได้รับส่วนลด และเบี้ยประกันเพิ่มด้วย ยกเว้นกรณีที่เราเคลมแต่เป็นฝ่ายถูก จะไม่เสียประวัติในส่วนนี้ค่ะ
2. เบี้ยประกันเพิ่ม เพราะแต่งรถเพิ่ม ซึ่งหากเป็นรถแต่งเพิ่มที่อยู่ในเงื่อนไข และมีการแจ้งก่อนต่อประกัน ก็จะคุ้มครองในมูลค่าการซ่อม 20,000 บาท แต่ละครั้งต่อปี แต่หากมีการแต่งเพิ่ม และประกันไม่รับทราบ เกิดเหตุขึ้นมาประกันจะไม่รับผิดชอบ และหากต้องการได้รับความคุ้มครองเพิ่มเติมในส่วนนี้ ประกันจะมีการคำนวณเบี้ยประกันขึ้นใหม่ ซึ่งส่งผลให้เบี้ยประกันแพงขึ้นค่ะ
3. เบี้ยประกันเพิ่ม เพราะมีการปรับเปลี่ยนความคุ้มครองที่เพิ่มขึ้น เช่น การปรับทุนประกันให้มากขึ้น จะส่งผลให้เบี้ยแพงขึ้นนั่นเอง
ทั้งนี้ เป็นเพียงเหตุผลหลักๆ ที่ทำให้เบี้ยประกันนั้นแพงขึ้น เรามาดูกันต่อว่า แล้วถ้าไม่อยากไม่แพงขึ้นล่ะ ต้องทำอย่างไร ?
สิ่งแรกที่เรารู้กัน คือเป็นอะไรที่ตรงข้ามกับสิ่งที่ทำให้เบี้ยแพง ขับรถไม่ประมาท ไม่ชนเอง ไม่แต่งรถเพิ่ม หรือไม่เพิ่มความคุ้มครอง แต่นอกจากนี้ ยังมีอะไรได้อีกบ้างล่ะ มาดูกัน
1. ปรับเปลี่ยนประกันชั้นของรถยนต์ เป็นทางเลือกหนึ่งที่ลดความคุ้มครอง เช่น จากชั้น 1 ลงมาเป็นชั้น 2+ ถึงจะเคลมได้แค่กรณีรถชนรถ แต่เบี้ยประกันอาจถูกกว่าถึง 10,000 บาทต่อปี เลยทีเดียว
2. เลือกแผนติดกล้องรถยนต์ จะได้ส่วนลดจากเบี้ยประกันอีก 5%-10% ขึ้นอยู่กับบริษัทประกัน
3. แผนมีค่าเสียหายส่วนแรก ซึ่งกรณีนี้ ถ้าเกิดเหตุและเราเป็นฝ่ายผิด เราจะต้องเป็นฝ่ายเสียค่าเสียหายส่วนแรกในส่วนนี้
4. เลือกแผนระบุผู้ขับขี่ จะได้ส่วนลด 5%-20% ตามช่วงอายุ
5. เปลี่ยนบริษัทประกัน ในกรณีที่เราอาจเสียประวัติกับที่เดิมไปแล้ว แนะนำให้มองหาที่ใหม่ต่อในปีถัดไปได้เลย
อย่างไรก็ตาม ในแง่ของปัจจัยที่ทำให้เบี้ยประกันแพงขึ้น เราควรศึกษา และระมัดระวังไว้ ในอีกมุมนึงเราก็ควรทราบปัจจัยที่ทำให้เบี้ยประกันถูกลง เพราะหากเราเป็นคนหนึ่งที่รู้เรื่องของประกันภัยรถยนต์ในส่วนนี้ อาจทำให้ประหยัดค่าเบี้ยในหลักพันได้เลยทีเดียว