แชร์ประสบการ์ณการไปปฏิบัติธรรมแนวหลวงพ่อเทียน จิตตสุโภ ที่วัดโรจนประภา จังหวัดเพชรบูรณ์ จัดโดยมูลนิธิบ้านอารีย์


ผมมาขอแชร์การไปปฏิบัติธรรมแนวหลวงพ่อเทียน จิตตสุโภ
ซึ่งเป็นการเจริญสติแบบการทำความรู้สึกตัวเคลื่อนไหวสร้างจังหวะ
ที่จัดขึ้นโดยมูลนิธิบ้านอารีย์ โดยไม่มีการเก็บค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้น ระหว่างวันที่ 9-16 สิงหาคม 2563
ที่วัดโรจนประภา จังหวัดเพชรบูรณ์ ผมขอแชร์ในมุมของผมนะครับ
โดยปกติแล้วผมจะฝึกสมาธิมาแบบภาวนาพุทโธ ดูลมหายใจเป็นหลัก
ก็ฝึกมาด้วยตัวเองบ้าง ไปเข้าคอร์สตามที่ต่าง ๆ ที่มีการจัดฝึกบ้าง
เป็นเวลามา 2 ปีแล้ว เรียกได้ว่าพอมีพื้นฐานบ้าง
ทีนี้ช่วงเดือนกรกฎาคม 2563 ระหว่างดู Facebook อยู่ก็มีการแชร์คอร์สปฏิบัติธรรม
ชื่อคอร์สบริหารความคิด ฝึกจิตสำหรับคนคิดมาก
เป็นการเจริญสติแนวหลวงพ่อเทียน จิตตสุโภณ ณ วัดโรจนประภา จังหวัดเพชรบูรณ์
ระยะเวลาการเข้าคอร์สก็ 8 วัน 7 คืน ถือว่าระยะเวลากำลังพอดี ๆ
แต่ชื่อคอร์สสำหรับคนคิดมาก ก็ทำให้ผมลังเลไปพอสมควร
เพราะส่วนตัวผมมองว่าตัวเองไม่คิดมากจะไปได้ไหมนะ แต่ก็คิดว่าการปฏิบัติธรรมถ้าได้พ่อแม่ครูอาจารย์ที่ดี
สถานที่มีความสัปปายะ การปฏิบัติธรรมก็จะก้าวหน้า
ผมเลยตัดสินใจติดต่อสมัครไปทางมูลนิธิบ้านอารีย์
ซึ่งก็ได้ไปปฏิบัติธรรมในวันที่ 9-16 สิงหาคม 2563 ที่ผ่านมา

ผมพอที่จะทราบการปฏิบัติธรรมแนวหลวงพ่อเทียน จิตตสุโภ อยู่บ้าง
แต่ก็ไม่เคยฝึกมาก่อน ทางมูลนิธิบ้านอารีย์ ให้ผมไปฝึกก่อน
ซึ่งทางมูลนิธิบ้านอารีย์ก็จะมีปฏิทินธรรมในแต่ละเดือน 
โดยทุกวันพุธจะมีการสอนปฏิบัติธรรมเจริญสติ เวลา 13.00 น. – 20.00 น.
และทุกวันเสาร์จะมีการสอนปฏิบัติธรรมเจริญสติ เวลา 10.00 น. – 16.00 น.
เป็นประจำทุกสัปดาห์ ใครสนใจก็สามารถไปได้นะครับไม่ต้องลงทะเบียนจะไปเวลาไหน
จะกลับเมื่อไหนก็ตามสะดวกเราเลยครับ ใส่ชุดอะไรไปก็ได้ขอให้สุภาพหน่อย
ผมได้ไปฝึกในวันเสาร์ โดยพระอาจารย์โสภณ ฉนทธมโม
สถานปฏิบัติธรรมสวนธรรมสากล หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ท่านเมตตามาเป็นพระวิปัสสนาจารย์
สอนการเจริญสติแบบการทำความรู้สึกตัวเคลื่อนไหวสร้างจังหวะ
ซึ่งแนวหลวงพ่อเทียน จิตตสุโภ การเจริญสติแบบเคลื่อนไหวสร้างจังหวะ
ก็คือการเคลื่อนมือโดยทำความรู้สึกตัวไปด้วย ในแต่ละครั้งในแต่ละจังหวะที่มีการเคลื่อนไหว
เป็นจังหวะ ๆ ไป รวมทั้งสิ้น 14 จังหวะ วิธีการผมจะไม่อธิบายนะครับไม่เก่งขนาดนั้น
น่าจะพอไปหาดูตาม Youtube ได้กัน ที่สำคัญเป็นการเจริญสติแบบไม่ต้องหลับตา
ก็ถือว่าเป็นแนวทางปฏิบัติที่ใหม่มากสำหรับผมซึ่งภาวนาโดยการนั่งหลับตามาก่อน
ในวันพุธต่อมาผมได้ไปฝึกอีก โดยพระอาจารย์ประจักษ์ ยโสธโร
เจ้าอาวาสวัดอุทัยธรรมาราม จังหวัดชัยภูมิ ท่านเมตตามาเป็นพระวิปัสสนาจารย์

หลังจากได้ไปฝึกการภาวนาแนวหลวงพ่อเทียน จิตตสุโภ มาแล้ว
ก็คิดว่าพอที่จะปฏิบัติได้ แต่ก็มีความแปลกใจอยู่ตรงที่ว่าในสองวันที่ผ่านมา
ในขณะฝึกปฏิบัตินั้นผมจะมีอาการง่วงพอสมควร ต้องเปลี่ยนอิริยาบทไปเดินบ้าง
(หากเป็นการนั่งหลับตาภาวนาพุธโธ ผมจะไม่มีอาการง่วงเลย)
ต่อมาได้มีการปฐมนิเทศก่อนการเดินทางเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเดินทาง
ทำให้ทราบว่ามีผู้เข้าร่วมปฏิบัติธรรมทั้งสิ้น 10 คน รวมผมด้วย
แบ่งเป็นผู้ชาย 2 ผู้หญิง 8 เดินทางโดยรถตู้ที่จัดโดยมูลนิธิบ้านอารีย์ 

วันที่ 9 สิงหาคม 2563 ญาติธรรมทั้ง 10 คนรวมผมด้วย
รวมตัวกันที่บ้านอารีย์ ออกเดินทางเวลา 06.00 น.
ไปถึงที่วัดโรจนประภา จังหวัดเพชรบูรณ์ เวลาก่อนเที่ยง
วัดโรจนประภา มีพื้นที่กว้างขวาง มีต้นไม้มาก สถานที่โปร่งโล่ง
มีลานสำหรับเดินจงกลม นั่งภาวนา อย่างดีหลายจุด ธรรมชาติมากครับ
มองไปทางไหนก็มีต้นไม้ ใบหญ้าเขียวสดใส เขียวมากจริง ๆ ครับ
ท้องฟ้าก็สดใส แต่แดดร้อนพอสมควร ในส่วนหอพักมีสองหลังใหญ่มากกกกกก
แบ่งเป็นหอชายและหอหญิง นอนรวมกันห้องละประมาณ 3 คน มีที่นอน เครื่องนอนให้
หอหญิงจะมีห้องสุขาในหอ 2 ห้อง มีเครื่องซักผ้าให้
ด้านนอกหอพักชายและหอพักหญิงจะมีห้องน้ำและห้องสุขาแยกกัน
มีจำนวนมากเพียงพอสำหรับผู้มาปฏิบัติธรรม
ในส่วนหอชายจะนอนได้ประมาณ 4 คน มีห้องเดียวอยู่ชั้นบน
ชั้นล่างจะมีห้องสมุดเล็ก ๆ สามารถไปนอนได้เช่นกัน
แต่ปกติของการมาปฏิบัติธรรมผู้ชายจะน้อยกว่าอยู่แล้ว
ดังนั้นจึงไม่เป็นปํญหา




หลังจากเก็บของและทานอาหารที่ทางมูลนิธิบ้านอารีย์จัดให้
ผมลืมบอกไปว่าทางมูลนิธิบ้านอารีย์ได้มีการจ้างแม่ครัวมาทำอาหารให้
สำหรับผู้มาปฏิบัติธรรมโดยเฉพาะนะครับ ก็มีอาหารให้สองมื้อ และน้ำปานะ
เวลา 15.00 น. ได้มารวมตัวกันที่ศาลาปฏิบัติธรรม เพื่อรับฟังคำแนะนำเบื้องต้น
โดยพระอาจารย์วรวิทย์ วรรมโม ท่านมาจากสำนักปฏิบัติธรรมอู่ตะเภา จังหวัดเพชรบุรี
เป็นพระวิปัสสนาจารย์ และที่วัดโรจนประภา จะมีพระสงฆ์จำวัดอยู่เพียงท่านเดียวคือพระอาจารย์สายัณห์
(ท่านเป็นพระหนุ่ม อายุประมาณ 40 นิด ๆ
ญาติธรรมบางท่านก็จะเรียกหลวงพี่ แต่ผมจะเรียกท่านว่าพระอาจารย์)
พระอาจารย์วรวิทย์ก็จะสอนการเจริญสติแบบการทำความรู้สึกตัว
เคลื่อนไหวสร้างจังหวะ สอนการเดินจงกลม
พอเวลา 16.00 น. ก็ให้ไปปฏิบัติตามลำพัง
มารวมตัวกันอีกทีเวลา 18.00 น. มาเดินจงกลมภายในวัด
และสวดมนต์ทำวัตรเย็น และปฏิบัติภาวนาจนเวลา 21.00 น. จึงแยกย้ายไปพักผ่อน


วันที่ 10 - 12 สิงหาคม 2563 ระฆังจะตีตอนตี 4 ตื่นนอนมาทำธุระส่วนตัว
และไปรวมตัวกันเวลา 4.30 น. เพื่อสวดมนต์ทำวัตรเช้า
และปฏิบัติภาวนา ที่ศาลาปฏิบัติธรรม (ในวันที่ 10 หลังจากสวดมนต์ก็จะมีการถือศีล 8)
เวลา 07.00 น. – 08.00 น. ก็จะทานข้าวเช้าพร้อมกัน
อาหารในแต่ละวันก็มีเพียงพอทั้งจากแม่ครัวที่ทำ
และจากที่ท่านพระอาจารย์สายัณห์ท่านไปบิณฑบาตรมา
เวลา 9.00 น. – 11.00 น. ก็จะปฏิบัติภาวนานำโดยพระอาจารย์วรวิทย์ และพระอาจารย์สายัณห์
การปฏิบัติแต่ละคนจะอยู่ในสายตาของพระอาจารย์วรวิทย์ตลอด
ท่านจะคอยแนะนำสั่งสอนเป็นรายคน เหมือนท่านจะดุแต่ก็ไม่ดุแบบว่ากล่าว
จะดุแบบพูดเตือนสติให้เราระลึกได้เองว่าทำอะไรผิดไป
หากมีปัญหาในการปฏิบัติก็สามารถสอบถามพระอาจารย์วรวิทย์ได้ตลอดเวลา
ซึ่งถือว่าการปฏิบัติภาวนาใกล้ชิดพระอาจารย์มาก
ช่วง 11.00 น. – 12.00 น. ก็ทานอาหาร และเวลา 13.00 น. – 16.00 น. จะปฏิบัติภาวนาต่อ
ทุกช่วงเวลาการปฏิบัติภาวนาจะนำโดยพระอาจารย์วรวิทย์ และพระอาจารย์สายัณห์ ตลอด
ซึ่งท่านก็จะอยู่ปฏิบัติพร้อมพวกเราตลอดเวลา
ในสามวันนี้ อากาศที่วัดโรจนประภา ช่วงกลางวันร้อนมาก แดดสดใสทีเดียว
การปฏิบัติภาวนาเจริญสติแบบเคลื่อนไหว แม้จะลืมตา แต่ก็มีอาการง่วงนอนมารบกวนอยู่เสมอ
พระอาจารย์วรวิทย์ ให้กำหนดรู้ ดูความง่วง ความคิดต่าง ๆ ที่เข้ามาระหว่างภาวนา
หากใครง่วงมากให้เดินจงกลม แต่ถ้าง่วงมาก ๆ จริง ๆ ให้เดินกลางแดด ยืนกลางแดด ดูความง่วง
ส่วนผมแปลกใจมากที่มาภาวนาแนวหลวงพ่อเทียน จิตตสุโภ แล้วมีอาการง่วงมาก
เดินยังง่วงเลย แต่ก็ตามดู ตามรู้ ความง่วงไป พอง่วงมาก ๆ เข้า ก็เห็นความง่วงดับไป
พอความง่วงดับ กำลังก็มา ทำให้ปฏิบัติภาวนาดีขึ้นมาก
เวลา 16.00 น. – 18.00 น. ก็จะเป็นการทำความสะอาดบำเพ็ญประโยชน์เก็บกวาดลานวัด
เวลา 18.00 น. มารวมตัวเดินจงกลม และสวดมนต์ทำวัตรเย็น
และปฏิบัติภาวนาต่อจนเวลา 21.00 น. จึงแยกย้ายไปพักผ่อน

วันที่ 13 - 15 สิงหาคม 2563 พระอาจารย์โสภณ และพระอาจารย์ประจักษ์ ได้เมตตามาร่วมเป็นพระวิปัสสนาจารย์
แนะนำการปฏิบัติให้พวกเราทั้ง 10 คน
ในสามวันนี้ อากาศตอนกลางวันดีขึ้นอย่างน่าประหลาด
อากาศไม่ร้อน บางวันมีเมฆครึ้ม ๆ แต่มีลดพัดเย็นสบาย ๆ บรรยากาศสัปปายะมาก
การปฏิบัติภาวนาของผมมีความก้าวหน้าอย่างยิ่ง
กิจวัตรประจำวันก็จะเหมือนทุกวัน ทุกช่วงเวลาที่ปฏิบัติภาวนา
จะมีพระอาจารย์อยู่ร่วมด้วยและปฏิบัติไปพร้อมพวกเรา
(ในวันที่ 14 พระอาจารย์โสภณ และพระอาจารย์วรวิทย์ ได้เดินทางกลับ
เนื่องจากพระอาจารย์โสภณ ต้องไปสอนภาวนาที่มูลนิธิบ้านอารีย์
ส่วนพระอาจารย์วรวิทย์ ได้อยู่ครบกำหนดต้องกลับไปจำวัดในช่วงเข้าพรรษา)
การปฏิบัติภาวนาหลังวันที่ 14 จะมีพระอาจารย์ประจักษ์ เป็นพระวิปัสสนาจารย์ ร่วมกับพระอาจารย์สายัณห์ 

ในคืนวันที่ 15 หลังจากปฏิบัติภาวนาเสร็จในเวลา 21.00 น. มีญาติธรรมมาชวนให้อยู่เนสัชชิท 
เนื่องจากเห็นว่าเป็นคืนสุดท้ายแล้ว จึงได้เรียนนิมนต์พระอาจารย์สายัณห์ ซึ่งท่านก็เมตตาอยู่ปฏิบัติด้วย
ในคืนดังกล่าว มีญาติธรรมรวมผมด้วยเป็น 5 คน ผู้ชาย 2 ผู้หญิง 3 ปฏิบัติภาวนาต่อ 
อากาศในตอนกลางคืนสงบเงียบมาก เย็นสบาย ไม่มียุงหรือแมลงรบกวนเลยน่าแปลกใจมาก 
หลังเที่ยงคืนไปแล้วทุก ๆ ชั่วโมง การเจริญสติเป็นไปด้วยความลำบาก 
ต้องต่อสู้กับความง่วงนอน ความขี้เกียจต่าง ๆ 
จนที่สุดในเวลาตี 1 มีญาติธรรมขอกลับไปพักผ่อน 2 คน เหลือ 3 คน ที่อยู่ปฏิบัติต่อ 
ต้องบอกเลยว่าสุด ๆ การภาวนาตอนกลางคืนแตกต่างจากตอนกลางวันอย่างชิ้นเชิง 
กลางคืนแม้ดูความง่วงเห็นความง่วงดับไปแล้ว อีกสักพักความง่วงก็มาใหม่ 
จนในที่สุดความอดทนก็สำเร็จ พวกเรา 3 คนสามารถอยู่ภาวนาได้จนเช้า 
ในส่วนพระอาจารย์สายัณห์ ท่านได้เดินจงกลมตั้งแต่ช่วง เวลา 21.30 น. – 03.00 น. 
โดยไม่มีหยุดพักเลย ในเวลา 05.45 ท่านได้ไปบิณฑบาตรต่อ 
ผมเองได้ถือโอกาสไปเป็นลูกศิษย์ด้วยเพื่อดูวิถีชีวิตชาวบ้าน  

วันที่ 16 สิงหาคม 2563 หลังทานข้าวเช้าเสร็จก็เตรียมตัวเดินทางกลับ โดยมีรถตู้มารับ
และเดินทางถึงกรุงเทพโดยสวัสดิภาพในช่วงเย็น

คอร์สบริหารความคิด ฝึกจิตสำหรับคนคิดมาก จริง ๆ แล้วคนทุกคนล้วนคิดมากทุกคน จะโดยรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม 
ความคิดก็จะทำหน้าที่ของเขาที่จะคอยคิด การที่ได้มาเข้าคอร์สในครั้งนี้ทำให้อยู่กับตัวเองมากขึ้น มีสติมากขึ้น 
แนวทางการปฏิบัติของหลวงพ่อเทียน จิตตสุโภ ไม่ได้เน้นความสงบ ท่านให้อยู่กับความไม่สงบ ยิ่งไม่สงบยิ่งดี 
ยิ่งคิดยิ่งดีเพราะเราจะได้กำหนดรู้ เพราะในสังคมเราไม่ได้อยู่เพียงลำพัง เราไปห้ามคนอื่นพูดไม่ได้ 
แต่เรากำหนดรู้ที่ใจของเราได้ การมาปฏิบัติธรรมในครั้งนี้ผมมีความก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น 
สามารถนำมาใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดี 
ขอขอบคุณมูลนิธิบ้านอารีย์ที่จัดให้มีการปฏิบัติธรรมในครั้งนี้ขึ้น
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่