เกริ่นนำก่อนว่าแรงบัลดาลใจเรื่องนี้มาจากสังคมที่ตัวเองสังกัดอยู่ นั่นคือ
"ประเทศไทย" ที่งดงามนี้เอง แต่ผมเห็นว่าข้อเสียอันหนึ่งซึ่งสำคัญและพันธนาการไม่เพียงแต่ร่างกายแต่นั่นคือสติปัญญาด้วย...นั่นคือ
"การศึกษาศาสนาในสังคมของเรา"
ออกตัวก่อนว่าผมนั้นอยู่ภายใต้คำสอนทางพุทธศาสนา และได้ศึกษามาระดับหนึ่งผมเห็นตัวคำสอนนั้นลึกซึ้งและนำมาปฏิบัติได้ เช่นในเรื่อง สุญญัตตา,อิทัปปัจจยตา เป็นต้น แต่สิ่งที่ผมพบมากกว่านั้นคือบรรยากาศของพุทธศาสนาในบ้านเราที่ต้องทำอะไรอย่างมีกรอบ ก ข ค มากเกินไป จะแสดงความคิดเห็นบางทีต้องมานั่งนึกว่า "
เอ...เราพูดตรงกับตำราใหมนี่"...ผมขออุทานว่า
"บ้าอย่างที่สุด!"
ถ้าเราจับประเด็นได้อย่างคมคาย เราจะเห็นชัดว่าพระพุทธเจ้าในพุทธประวัติท่านเป็นมนุษย์คนหนึ่งที่มีภรรยาและลูก ท่านกล้าหาญในการ
ฉีกม่านความคิดของอาจารย์ทั้งสอง แล้วยังแสวงหาต่อไป
ด้วยตัวของท่านเอง จนสุดท้ายได้ตรัสรู้ในที่สุด...
"แต่ในปัจจุบันในสังคมไทย กลับเข้าใจแต่เปลือกเท่านั้น"
" ทำไมเราไม่เอาอย่างพระพุทธเจ้าตอนที่ยังไม่ตรัสรู้กันบ้างเล่า?
...ศึกษาจากท่านแต่จะไม่เชื่อพระพุทธเจ้า แต่เราจะเชื่อตัวของเราเอง!! "
กล้าที่จะถกเถียง กล้าที่ท้าทายขนบ กล้าที่จะท้าทายพระไตรปิฏก!!...เราจะไม่ลอกเลียนเศษความรู้ของใครมาพูด แต่ในวันหนึ่งเราจะกล้าหาญตะโกนลั่นว่า "นี่คือความรู้ของตัวข้าเอง!!"
...สายชล
---
ความเป็นทาสทางศาสนา...ถูกต้องหรอ?
ออกตัวก่อนว่าผมนั้นอยู่ภายใต้คำสอนทางพุทธศาสนา และได้ศึกษามาระดับหนึ่งผมเห็นตัวคำสอนนั้นลึกซึ้งและนำมาปฏิบัติได้ เช่นในเรื่อง สุญญัตตา,อิทัปปัจจยตา เป็นต้น แต่สิ่งที่ผมพบมากกว่านั้นคือบรรยากาศของพุทธศาสนาในบ้านเราที่ต้องทำอะไรอย่างมีกรอบ ก ข ค มากเกินไป จะแสดงความคิดเห็นบางทีต้องมานั่งนึกว่า "เอ...เราพูดตรงกับตำราใหมนี่"...ผมขออุทานว่า "บ้าอย่างที่สุด!"
ถ้าเราจับประเด็นได้อย่างคมคาย เราจะเห็นชัดว่าพระพุทธเจ้าในพุทธประวัติท่านเป็นมนุษย์คนหนึ่งที่มีภรรยาและลูก ท่านกล้าหาญในการฉีกม่านความคิดของอาจารย์ทั้งสอง แล้วยังแสวงหาต่อไปด้วยตัวของท่านเอง จนสุดท้ายได้ตรัสรู้ในที่สุด..."แต่ในปัจจุบันในสังคมไทย กลับเข้าใจแต่เปลือกเท่านั้น"