เรื่องเล่าสยองขวัญ (หอพัก)กับใครคนนั้น

สวัสดีครับ ผมมีเรื่องที่ผมเคยเจอสมัยเรียนอยู่มหาวิทยาลัยศิลปะชื่อดังแห่งนึงมาเล่าให้ฟังครับ มหาวิทยาลัยที่ผมเรียนจะอยู่แถวสนามหลวงครับ ผมเรียนด้านเพียวอาร์ตเอกจิตรกรรม โดยปี1-3 ผมจะเรียนอยู่กทม แต่ปี4-5 ผมต้องย้ายไปเรียนฝั่งนครปฐมเนื่องจากพื้นที่มหาลัยค่อนข้างเล็ก พี่ๆปีสูงๆเลยต้องย้ายไปเรียนฝั่งนครปฐมแทน เรื่องมันก็เกิดขึ้นตรงนี้ครับ พอผมย้ายไปนครปฐม ผมก็ได้เช่าหอพักอยู่กับเพื่อน อยู่ได้1ปี พอขึ้นปี5 เลยตัดสินใจย้ายออกมาอยู่คนเดียว เพราะอยากมีพื้นที่ส่วนตัว แต่เพื่อนๆผมส่วนใหญ่จะเช่าบ้านเป็นหลังหรืออาคารพาณิชย์3-4ชั้น หารอยู่ด้วยกัน ตกบ้านนึงก็5-6คน เพราะคณะผมต้องใช้พื้นที่ทำงานศิลปะ ส่วนใหญ่อพาร์ทเม้นท์เค้าก็จะไม่อนุญาตให้นักศึกษาแบบคณะผมเช่า เพราะกลัวทำบ้านเค้าพัง แต่ผมเอางานไปทำที่คณะ ผมจึงคิดว่าจะอยู่อพาร์ทเม้นท์คนเดียว ผมตะเวนหาห้องเช่า จนมาเจอที่ที่ผมคิดว่าโอเคร คืออยู่ในซอยเดียวกับเพื่อนคนอื่นๆที่เช่าอาคารพาณิชย์อยู่เป็นกลุ่ม ซึ่งอพาร์ทเม้นท์ที่ผมเช่า เจ้าของได้เอาอาคารพาณิชย์มาแบ่งซอยห้องแต่ละชั้นเปิดให้เช่า เป็นอาคารพาณิชย์4ชั้น
ซอยหอพักผมจะมีร้านกับข้าวมาเปิดตรงหน้าปากซอย  ในซอยมีร้านนวดแผนโบราณอยู่ด้วย ซอยหอพักผมถ้าเข้ามาจากปากซอย ถนนจะเป็นตัว L ครับ
ซึ่งหอพักผมอยู่ตรงทางโค้งพอดี ผมขึ้นไปดูห้องชั้น1-3 ชั้น4ผมไม่ขึ้นครับ ผมกลัว รู้สึกไม่อยากขึ้นบันไดเยอะๆ ห้องทุกห้องที่ผมดู แทบทุกห้องทั้งมืดและอับแบบบอกไม่ถูกครับ แต่มีอยู่ห้องนึงของชั้น3 ที่ประตูทางเข้าห้องจะอยู่ในมุม ผมเปิดเข้าไปดู มันทั้งโปร่งและดูสบายตามาก ผมรู้สึกว่าห้องนี้เลยผมอยากอยู่ มีระเบียงด้านข้าง ระเบียงจะอยู่ทางด้านขวามือหากเรายืนหันหน้าเข้าห้อง และห้องน้ำก็อยู่ด้านขวามือของประตูทางเข้าติดกับระเบียง  แต่ห้องเล็กกว่าห้องอื่นๆเยอะมาก ห้องนี้มีเตียงขนาด3ฟุต ตู้เสื้อผ้า และตู้เก็บของอีก1ใบ คือถ้าเอาเตียงวางเรียงกันก็เต็มพื้นที่ด้านข้างเลยครับ น่าจะมาณ 4คูณ6เมตรได้ครับ แต่ผมคิดว่าอยู่คนเดียวไม่อยากอยู่ห้องใหญ่ๆกลัวด้วยและขี้เกียจทำความสะอาดเยอะ แต่ที่แปลกก็คือ ขนนกเต็มห้องเลย เป็นขนนกพิราบ แถมมีรังนกรังเบ้อเร่ออยู่บนหลังตู้เสื้อผ้าอีก ห้องนี้เหมือนไม่มีคนพักอาศัยมานาน แถมเจ้าของห้องคนเก่าก็จัดห้องแปลกๆ เอาตู้ใส่เสื้อผ้าวางไว้หัวเตียงหันหน้าตรงข้ามกับประตูห้องพอดี คือเปิดมาแล้วเจอหน้าตัวเองสะท้อนอยู่ตรงข้ามห้องเลย แอบสะดุ้งอยู่ หน้าต่างห้องผมมีสองบาน เป็นบานเล็กกับบานใหญ่ที่เลื่อนเปิดได้ หน้าต่างบานใหญ่มองออกไปอยู่ตรงกลางถนนพอดี ระเบียงอยู่ด้านขวาหน้าต่าง มันเป็นห้องมุมตึกครับ มองลงจากระเบียงจะเป็นที่จอดรถของร้านนวดครับและรอบๆตึกด้านหลังจะเป็นป่า วันนั้นวันศุกร์แม่ผมก็บอกย้ายเลยนะเข้าวันนี้เป็นวันเย็น จะได้อยู่สบาย ผมก็โทรคุยกับเจ้าของหอ วางมัดจำและเข้าอยู่เลย ทำความสะอาดจัดการย้ายตู้ที่อยู่หัวเตียงย้ายมากั้นระหว่างประตูกับเตียงแทนและเว้นที่ไว้วางที่วางรองเท้าข้างตู้ตรงประตู ช่วงที่ผมอยู่มักจะมีฝุ่นเหมือนขี้เถ้าอยู่บริเวณหน้าประตูตลอด ทั้งๆที่ทางเข้าห้องมันเป็นมุมไม่มีลมเข้าแน่นอน ผมอยู่ได้เกือบเดือน มีอยู่วันนึงเพื่อนผมมาขอนอนค้างด้วยเพราะวันนั้นเป็นวันที่ทางมหาลัยจะจัดคอนเสิร์ตมีการประกวดวงดนตรีและเชิญศิลปินต่างๆมาร้อง เพื่อนผมเลยขอค้างด้วย เพื่อนผมคนนี้เป็นผญ เค้าเป็นคนที่มีเซ็นส์ คืนนั้นผมก็ตกลงกัน ผมนอนพื้นให้เพื่อนนอนเตียง พอถึงเช้าเพื่อนผมก็บอกผมว่า รู้มั้ยว่าที่นี่มีคนๆนึงอยู่ด้วยนะ เค้าอยู่ตรงมุมตู้หน้าประตูเป็นผช เป็นเงาดำๆ เค้าไม่ต้องการอะไรเค้าแค่อยู่ของเค้าเราก็อยู่ของเรา เค้าแค่เอ็นดูผมเหมือนผมเป็นหลาน เหมือนเค้าเหงาประมาณนั้น  ผมก็อึ้งๆแต่ไม่ได้กลัวอะไร เรื่องนี้ก็ผ่านไปผมไม่ได้เก็บมาคิดอะไร อ๋อ ผมลืมบอกว่าตึกนี้มีผู้อาศัยอยู่ชั้น4 1คนเป็นผญ ส่วนชั้นผม มีผมคนเดียว แต่ผ่านไปสักพักกลายเป็นว่าทั้งตึกมีผมอยู่คนเดียว 😂 คือชั้นนึงก็จะมีห้อง4ห้องครับ ผมก็รู้สึกสบายดีนะแต่บางครั้งก็หลอนๆ จากนั้นก็มีป้าที่รู้จักเจ้าของหอมาดูแลหอและเปิดร้านตัดผมด้านล่าง ป้าจะอยู่ชั้นสองครับ อุ่นใจขึ้นมาหน่อยมีคนอยู่ด้วย หลังจากที่เพื่อนผมมานอนค้างด้วยเวลาก็ผ่านไปอีกเป็นเดือน ช่วงนั้นผมอกหัก และประจวบกับทุกเอกส่งงานสรุปเสร็จพร้อมกัน เลยนัดกันกินเลี้ยงกับเพื่อนๆทุกเอกที่บ้านเพื่อนหลังนึงในซอยหอผม พอกินเสร็จตอนเช้าผมก็ไปหัวหินต่อเลยตอน10โมง ไปเที่ยวสามวันเต็ม เช้าวันที่กลับ ผมนั่งรถจากหัวหินมาลงนครปฐมก่อนเพราะผมรู้สึกเพลียๆเลยกะจะงีบหลับที่ห้องก่อนแล้วค่อยขับรถกลับบ้านที่กรุงเทพฯ ตอนนั้นเป็นเวลาเกือบ11โมง ผมเข้าห้องได้ ทิ้งสัมภาระกระโดดขึ้นเตียง นอนตะแคงอยู่กลางเตียงโดยที่นอนแบบไม่หนุนหมอน หันหน้าเข้าหาระเบียงม่านเปิดอยู่นิดครึ่งนึงทำให้แสงผ่านได้ ห้องตอนนั้นคือสว่างเลยครับ ผมหลับได้สักพักนึง อยู่ๆผมก็รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเพราะทุกอย่างมันเงียบจนผิดปกติ และผมรู้สึกขยับตัวไม่ได้ ตอนนั้นผมคิดว่าผมคงเพลียเลยไม่มีแรงขยับตัว ผมเลยลืมตา พอผมลืมตา ผมเห็นผชคนนึงยืนอยู่ระหว่างประตูห้องน้ำกับประตูห้อง ใส่กางเกงสีดำ ตัวเค้าไหม้เกรียมเหมือนโดนไฟคลอก ผมกลัวมากใจเต้นแรงหายใจไม่ออก ผมหลับตาอีกครั้งและคิดว่าคงตาฝาด ผมลืมตาขึ้นผมเห็นเค้ายืนอยู่แต่ขยับเข้ามาใกล้ขึ้นอีก ตอนนั้นผมขยับตัวไม่ได้พูดไม่ได้ ผมหลับตาครั้งที่สาม และลืมตาขึ้นอีก ผชคนนั้นขยับเข้ามาใกล้ผมอีก ถึงตอนนี้ผมคิดว่าผมเจอผีแล้วจริงๆ ผมเลยหลับตาอีกครั้ง แล้วผมก็รู้สึกว่าเตียงยวบตรงปลายเท้าผม ผมรู้สึกว่าเค้ามานอนข้างหลังผม ผมลืมตาดูผมเห็นมือเค้ากอดผมอยู่ ตอนนั้นสติผมแทบหลุด ผมสวดทุกอย่างที่นึกได้ ทั้งสวดมนต์ของทุกศาสนา ก็ไม่เป็นผล  แต่ที่ทำให้ผมกลัวสุดขีดเป็นความกลัวที่ผมไม่เคยรู้สึกมาก่อน คือเค้ากอดผมและโน้มตัวมาพูดข้างหูผม มันเป็นเสียงเหมือนคนพยายามจะพูดแต่พูดไม่ได้เป็นเสียงคราง 2ครั้งพร้อมกับไอร้อนที่กระทบกับหูผม เท่านั้นแหล่ะผมสติหลุด ผมหลับตาพูดกับเค้าว่าผมกลัวแล้วๆๆๆๆ อย่าทำกับผมแบบนี้เลย ผมกลัวแล้วจริงๆ ผมไม่มีบุญให้ด้วย ถ้าต้องการอะไรบอกผมดีๆได้มั้ยผมกลัวแล้ว ผมหลับตาพูดนอนตัวสั่น แล้วผมก็รู้สึกว่าเตียงหายยวบเค้าออกไปจากข้างหลังผมแล้ว ผมเลยจะลืมตาขึ้น จังหว่ะที่ผมลืมตาขึ้น ผมเห็นหน้าเค้าครึ่งนึงโผล่มาตรงขอบเตียงประจันหน้าผมอยู่ ผมมองเห็นทุกรายละเอียดบนหน้าเค้าเส้นผมที่เหลืออยู่ไม่กี่เส้น เนื้อที่ไหม้เกรียม เค้าจ้องหน้าผม ตอนนั้นผมไม่รู้อีกแล้วว่าผมจะทำอะไร ผมเหมือนจะเป็นลม แล้วผมก็หลับตาบอกเค้าว่าขอร้องผมกลัวแล้วไปเถอะอย่าทำผมเลย แล้วจู่ๆผมก็รู้สึกโล่งขยับตัวได้ ความเงียบหายไป ใจผมยังเต้นแรงไม่หาย แต่ผมไม่รู้สึกกลัวเค้าอีกผมรู้ว่าเค้าจะไม่มาหลอกผมแล้ว ผมเลยนอนต่อ ในตอนนั้นผมคิดว่าเค้าตามมาจากหัวหินแน่ๆเลย พอตื่นผมก็เก็บของออกจากห้องเข้ากรุงเทพฯตอนบ่ายโมง หลังจากเหตุการณ์วันนั้น ผมก็ตัดสินใจอยู่ที่นี่ต่อ และผมก็ไม่เคยเจอเค้าอีก มีบางครั้งรู้สึกกลัวแต่ก็คิดว่าคงเป็นคนที่อยู่มุมห้องไม่ใช่คนที่โดนไฟไหม้หรอก แต่ก็พูดลอยๆว่าอย่าหลอกผมนะ ผมต้องเรียนถ้าอยากให้ผมอยู่ด้วยอย่าแกล้งผม แล้วก็จะสบายใจขึ้นเหมือนเค้าก็รับรู้ว่าผมกลัว แต่ผมรู้สึกสงสารเค้า ผมรู้สึกว่าเค้าต้องการอะไรซักอย่างแต่เค้าบอกผมไม่ได้แต่ตลอดระยะเวลาที่อยู่ที่นั่น ป้าข้างล่างหอมักจะขึ้นมาเคาะประตูบอกว่าอยากย้ายห้องมั้ย เป็นแบบนี้เดือนนึง3-4ครั้ง ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไม หรือเค้ารู้อะไร จนมาถึงวันที่เรียนจบ ก็มีการซ้อมรับปริญญาบัตร วันนั้นผมก็ได้มาเจอกับเพื่อนผญที่เคยมานอนหอ เราชวนกันไปนั่งชิลที่ร้านกาแฟข้างๆมอ ไปกัน4คน มีผม แฟนใหม่ผม เพื่อนสนิทผม แล้วก็เพื่อนผญที่เคยมานอนหอ เรานั่งคุยกันไปเรื่อยเปื่อย จู่ๆ เพื่อนผญที่เคยมานอนหอผมก็พูดขึ้นมาว่า หอผมเคยมีไฟไหม้มั้ย เพราะเค้ารู้สึกว่าเหมือนที่นั่นเคยเกิดเรื่องอะไรบางอย่าง ผมได้ยินแล้วตกใจมากก ขนลุกไปทั้งตัว แล้วผมก็เลยเล่าเรื่องทีาเกิดขึ้นกับผมให้เพื่อนๆฟัง เพื่อนบอกผมว่าเค้าแค่เอ็นดูผม ผมคิดในใจเลยว่าเอ็นดูแบบนี้ผมก็ไม่ไหว55555  แล้วเรื่องมันก็ประติดปนะต่อขึ้นมาครับ ว่าที่ผมเห็นขี้เถ้าอยู่หน้าประตูตลอดกับคนที่อยู่ในห้องเงาดำๆนั้น คือคนๆเดียวกันกับคนที่โดนไฟคลอกแน่นอน ขี้เถ้านั้นก็คงเป็นของเค้า  พอผมรับปริญญาเสร็จก็ย้ายออกจากหอ แต่ผมก็ไม่เคยถามป้าข้างล่างตึกหรือคนแถวนั้นครับว่าที่นี่เคยเกิดไฟไหม้มั้ย อยากรู้แต่ก็ไม่อยากรู้อะไรแล้วพร้อมๆกันอ่ะครับ วันที่ผมเก็บของออก ผมก็พูดกับเค้าว่าขอบคุณที่ให้ผมอยู่ด้วย แล้วหลังจากนั้นผมไม่เคยกลับไปซอยนั้นอีกเลยครับ  นี่ก็เป็นประสบการณ์ที่ผมเคยเจอมาครับ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่