ฉันอายุ 32 ปีแล้วค่ะ แต่งงานมา 9 ปีมีลูกสาว 1 คน 7 ขวบแล้วค่ะ แต่ตั้งแต่แต่งงานมาสามีไม่ค่อยชอบมีอะไรกันเลย เขาเอาแต่พูดเกี่ยวกับตัญหาของคนเราถายืดติดกับอะไรมากมันจะกลายเป็นทุกข์ ถึงขนาดทุกสิ่งทุกอย่างอยู่รอบตัว เงินทองทรัพย์สิน อาหารของกินที่อาร้อย เขาก็ไม่สนว่า อะร้อย ไม่มีคำว่าอยากได้ หรือ ไม่อยากได้ ชอบหรือไม่ชอบ ในสายตาของเราเห็นเขาเหมือนเป็นผ้าขาว อยู่ด้วยกันเขามีแต่คำเสียสละ และให้ความอบอุ่น ให้ครอบครัว
จนถึงปี 2562 เราก็สนับสนุนให้เขาไปเข้ารวมปัติบัติวิปัสนากรรมฐาน 10 วันกลับมา เขาเริ่มปัติบัติมาตลอด เช้า ก่อนนอน นานๆไปเริ่มปัติบัติมากขึ้น จนต้อนนี้ เขาเริ่ม หยุดทำงานต้อนสถานการณ์ โกวีด ต้อนนี้เขาทิ่งทุกสิ่งทุกอย่างให้เรา เขาไม่ต้องการณ์อะไรแล้ว ขนาดไม่มีอะไรกันแล้ว เราก็สนับสนุนเขา ต้อนนี้เราก็อยากไปทางนั้นกับเขาด้วย แต่เราทำลำบากมาก เรายังมีคำว่าอยากได้ในสมอง ยังกินเบียร์ ยังอยากมีเพศรสัมพันธ์ จนนักสุดเราเริ่มช่วยตัวเอง
จนเรารู้สึกว่าทุกวันนี้เห็นสามี ยิ่งไกลจนเอื้อมไม่ถึง แต่เราไม่เคยคิดว่าเลิกกัน เพราะชาตินี้เราไม่สามารถหาคนดีเท่าเขาได้เลย
สามีเริ่มอยู่กับธรรมมะจนรู้สึกยิ่งใกล้ยิ่งไกลกัน
จนถึงปี 2562 เราก็สนับสนุนให้เขาไปเข้ารวมปัติบัติวิปัสนากรรมฐาน 10 วันกลับมา เขาเริ่มปัติบัติมาตลอด เช้า ก่อนนอน นานๆไปเริ่มปัติบัติมากขึ้น จนต้อนนี้ เขาเริ่ม หยุดทำงานต้อนสถานการณ์ โกวีด ต้อนนี้เขาทิ่งทุกสิ่งทุกอย่างให้เรา เขาไม่ต้องการณ์อะไรแล้ว ขนาดไม่มีอะไรกันแล้ว เราก็สนับสนุนเขา ต้อนนี้เราก็อยากไปทางนั้นกับเขาด้วย แต่เราทำลำบากมาก เรายังมีคำว่าอยากได้ในสมอง ยังกินเบียร์ ยังอยากมีเพศรสัมพันธ์ จนนักสุดเราเริ่มช่วยตัวเอง
จนเรารู้สึกว่าทุกวันนี้เห็นสามี ยิ่งไกลจนเอื้อมไม่ถึง แต่เราไม่เคยคิดว่าเลิกกัน เพราะชาตินี้เราไม่สามารถหาคนดีเท่าเขาได้เลย