[CR] 🇩🇪 Waldhotel Sonnora - วอลด์โฮเทล ซอนโนรา ร้านอาหารฝรั่งเศสคลาสสิคชั้นนำของโลก ระดับ 3 ดาวมิชลิน

👉🏻ก่อนเข้ารีวิวเราขอแนะนำแฟนเพจ FB ของเราสักนิด เราเปิดขึ้นมาเพื่อรวบรวมร้านอาหารทั้งในและต่างประเทศมากมาย มาแบ่งปันกัน ฝากกดไลค์ กดแชร เป็นกำลังใจให้พวกเราด้วยนะค้าาา 
    📍 FB: ตามล่า Fine Dining
    📌 IG: Fine Dining lover 
     และช่องทางใหม่ทาง Youtube :  ตามล่า Fine Dining 

🇩🇪 Waldhotel Sonnora - วอลด์โฮเทล ซอนโนรา

⭐️⭐️⭐️ 3 Michelin Stars - 3 ดาวมิชลิน

👨🏻‍🍳👨🏻‍🍳👨🏻‍🍳👨🏻‍🍳👨🏻‍🍳 19,5/20 Gault & Millau (5 Toques) - 19.5/20 โกท & มิโย (หมวก 5 ใบ)

🍴 Classic French - อาหารฝรั่งเศสคลาสสิค

🎗 บ่ายวันหนึ่งเมื่อต้นปีก่อนหลังจากเสร็จสิ้นมื้อกลางวันที่ Le Normandie ห้องอาหารระดับ 2 ดาวมิชลินในโรงแรมแมนดารินโอเรียลเต็ล เราได้นึกสงสัยขึ้นมาว่าร้านอาหารฝรั่งเศสคลาสสิคชั้นนำของโลกจะทำอาหารออกมาได้ดีกว่านี้สักเพียงใด ตั้งเเต่วันนั้นมาเราจึงเดินทางเพื่อเสาะหาห้องอาหารฝรั่งเศสที่เหล่านักชิมต่างยกย่องว่าดีที่สุด ทั้ง Gordon Ramsay ในกรุงลอนดอน, Caprice ในเกาะฮ่องกง, Atelier ในกรุงมิวนิค รวมไปถึงร้านอาหาร 3 ดาวมิชลินต้นตำรับหลายร้านในกรุงปารีส เมนูยอดนิยมของคงหนีไม่พ้น Foie gras terrine, Beef tartare, Sweet bread, Challans Duck with orange sauce, French cheese และขนมอย่าง Soufflé โดยแต่ละเเห่งอาจจะมีเมนู Signature Dish ที่เเตกต่างกันออกไป แต่ไม่มีร้านไหนเลยที่สามารถทำ "ทุกเมนู" ที่กล่าวมาข้างต้นได้อย่างเพอร์เฟค ไร้ที่ติ จนกระทั่งเราได้มาพบกับ Waldhotel Sonnara

🎗 ตัวร้านตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยวในป่าลึกทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศเยอรมัน จากประสบการณ์ของเราถือได้ว่านี่คือหนึ่งในห้องอาหารระดับ 3 ดาวมิชลินที่ "ปลีกวิเวก" มากที่สุดในโลก ขอแนะนำให้ตั้งต้นการเดินทางที่เมือง Trier ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวชื่อดัง จากนั้นขับรถไปตาม Autobahn และออกจากทางด่วนที่มุ่งหน้าไปทางเดียวกับเมือง Sehlem ระหว่างนี้จะเป็นการขับรถไต่เขาผ่านถนนเเคบๆ บางส่วนมีทางเดินรถเพียงเลนเดียวโดยจะมีไฟแดงให้รถสองฝั่งวิ่งสลับกัน ให้ระวังช่วง 10 นาทีก่อนถึงร้านเพราะถนนลาดยางค่อนข้างเก่า ที่สำคัญในเยอรมันมักไม่มีโคมไฟริมทางประกอบกับต้นสนสูงชลูดริมสองฝั่งทางบดบังเเสงจันทร์จนถนนมืดสนิท ขับไปเรื่อยๆจนถึงปลายทางจะพบกับโค้งหักศอกนำเราเข้าสู่โรงเเรมหรูระดับ 5 ดาวพร้อมกับห้องอาหารกูร์เม่ต์ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่กลางป่าเขาชานเมือง Dreis

🎗 ภายในร้านตกแต่งอย่างหรูหราตามแบบฉบับห้องอาหารฝรั่งเศสยุคเก่า พรมสีแดงและผนังร้านสีเหลืองตัดกันกับสีขาวสว่างของผ้าลินินที่ปูทับอยู่บนโต๊ะอาหาร เทเบิ้ลแวร์ทั้งหมดล้วนเป็นเครื่องเงินสะท้อนเเสงไฟที่ส่องมาจากแชนเดอเลียบนเพดาน ทางร้านเปิดเพลงบรรเลงยุคเก่าให้เข้ากันกับบรรยากาศโดยรอบ พนักงานส่วนมากรวมถึง Maître คุณ Ulrike Thieltges สามารถใช้ภาษาอังกฤษสื่อสารได้อย่างคล่องเเคล่ว นอกจากจะเป็นห้องอาหารชั้นยอดเเล้ว Waldhotel Sonnara ยังมีห้องพักสุดหรูจำนวน 20 ห้องสำหรับบริการลูกค้าที่มาทานอาหารมื้อดึกและไม่อยากขับรถข้ามเมืองในช่วงกลางคืนอีกด้วย

🎗 ประวัติของมาสเตอร์เชฟระดับตำนาน Helmut Thieltges เกิดที่เมือง Dreis ในปี 1955 ครอบครัวของเชฟคือคุณ Vinzenz และ Anna Maria มีกิจการโรมแรมขนาดเล็กเป็นของตัวเองภายใต้ชื่อ Haus Elisabeth และคาดหวังให้ลูกชายประกอบอาชีพเชฟตามรอยบิดา เมื่ออายุได้ 15 ปี Helmut Thieltges จึงเริ่มงานเป็นเชฟฝึกหัดที่ Hotel Römischer Kaiserในเมือง Trier ก่อนที่จะย้ายไปรับงานเชฟมืออาชีพที่โรงแรมหรูประจำเมือง St.Moritz ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ Schlosshotel Pontresina ในปี 1973 หลังจากนั้นเชฟ Helmut ยังได้ย้ายไปประจำที่ห้องอาหารในโรงแรมหรูอีกสองแห่งคือ Breidenbacher Hof ในเมือง Düsseldorf และ Restaurant Bastei ในเมือง Cologne ตามลำดับก่อนที่จะตัดสินใจเปิดร้านอาหารเป็นของตัวเองคือ Waldhotel Sonnora แห่งนี้ในป่าทึบชานเมือง Dreis ในปี 1978 

🎗 ที่มาที่ไปของชื่อ "Sonnara" ต้องเล่าย้อนไปถึงชื่อกิจการโรมแรมแห่งแรกของครอบครัวอย่าง Haus Elisabeth ที่ได้ชื่อมาจากน้องสาวคุณพ่อที่เสียชีวิตไปตั้งเเต่ยังเด็ก ด้วยเหตุนี้ห้องอาหารใหม่ของครอบครัวตั้งใจจะตั้งชื่อตามเด็กผู้หญิงเช่นกัน มองไปมองมาจึงได้ชื่อ "Sonora" มาจากเด็กสาวชาวอเมริกันที่อาศัยอยู่กับครอบครัวในตัวเมือง Dries โดยเติมตัว n เพิ่มเข้าไปเพื่อเปลี่ยนให้กลายเป็นภาษาเยอรมัน Sonnara Restaurant ในช่วงแรกเน้นเสิร์ฟเมนู À La Carte รสชาติดี ทานง่าย จนกลายเป็นกระแสเล่ากันปากต่อปาก ตัวร้านได้รับรางวัล 1 ดาวมิชลินในปี 1981 ⭐️ ตามด้วยดาวดวงที่ 2 ในปี 1991 ⭐️⭐️ และดวงที่ 3 ในปี 2000 ⭐️⭐️⭐️ ด้วยบุคลิคส่วนตัวที่เป็นคนเคร่งครัดกับงานทำให้เชฟ Helmut แทบจะไม่เคยให้สัมภาษณ์กับสื่อรวมถึงไม่เคยเขียนตำราอาหารเป็นของตัวเอง กระทั่งเขาเสียชีวิตลงในวันที่ 27 กรกฎาคม 2017 ขณะมีอายุได้ 61 ปี งานศิลป์ชิ้นเอกคือเมนู Classic Signature Dish ทั้งหมดถูกส่งต่อให้กับมือขวาชาวออสเตรีย เชฟ Clemens Rambichler ผู้เคยทำงานให้ห้องอาหาร Le Ciel ในกรุง Vienna ก่อนที่จะย้ายมารับตำแหน่ง Sous chef ให้กับ Waldhotel Sonnora ในปี 2011 ปัจจุบัน Clemens Rambichler สืบทอดเจตนารมย์ของเชฟ Helmut Thieltges ในฐานะ Chef de Cuisine และยังคงรักษาดาวมิชลินดวงที่ 3 มาได้จนถึงปัจจุบัน 

🎗 โดยปกติเเล้วอาหารฝรั่งเศสคลาสสิคมักมีอุปสรรคสำคัญคือความซ้ำซากจำเจ การขาดมิติทางรสชาติ รวมไปถึงลูกเล่นเเละความซับซ้อนขององค์ประกอบในจานที่มักเป็นรองอาหารยุคใหม่หรืออาหารเชิงนวัตกรรม การตีโจทย์ความคลาสสิคให้เเตกจึงถือเป็นงานที่ยากและท้าทายโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับห้องอาหารระดับ 3 ดาวมิชลิน ด้วยเหตุนี้ทำให้ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาจำนวนของห้องอาหาร Classic French ลดจำนวนลงอย่างมากและถูกเเทนที่ด้วยห้องอาหารเชิง Creative, Modern ไปจนถึงห้องอาหารยุคใหม่ในรูปแบบ Molecular gastronomy แต่สำหรับ Waldhotel Sonnara ความคลาสสิคถูกนำมาตีความเสียใหม่ อาหารเเต่ละจานจัดเสิร์ฟมาแบบดั้งเดิมเพิ่มเติมคือการคัดเลือกวัตถุดิบที่ดีที่สุดเท่าที่จะหาได้ในแต่ละฤดูกาล เช่น Terrine of "Foie Gras" ที่เลือกใช้ทั้งตับห่านและทรัฟเฟิลจาก Perigord หรือจะเป็น Beef Tatar ที่เลือกใช้เนื้อของวัวตัวเมียท้องถิ่นอายุน้อยและยังไม่เคยผ่านการตั้งครรภ์มาก่อนเท่านั้น จานปลาที่จับคู่ปลา Turbot จาก Vendée คู่กันกับหอยเเมลงภู่จิ๋วจาก Mont St. Michel ที่มีเนื้อสัมผัสดีเลิศจนกลายเป็นพระเอกของจาน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเชฟ Helmut Thieltges สามารถยกระดับความคลาสสิคพ้นออกมาจากกรอบเดิมๆได้โดยสิ้นเชิงดังคำพูดที่เชฟเคยกล่าวเอาไว้ว่า
"Classical is the true art. That is the basis of everything. Modern can call anyone who wants to do something else with violence."

🎗 แม้ว่าปกติเเล้วเราจะหลีกเลี่ยงการนำห้องอาหารเเต่ละเเห่งมาเปรียบเทียบกันเเต่ต้องยอมรับว่า Waldhotel Sonnara เป็นห้องหารที่ควรค่าแก่รางวัล 3 ดาวมิชลิน และ 19,5 คะเเนนสูงสุดใน Gault & Millau Guide อย่างไร้ข้อกังขา เชฟ Helmut Thieltges ได้ทิ้งผลงานชิ้นเอกที่ทั้งคลาสสิคเเต่ไม่ตกยุคให้กับผู้สืบทอดเจตนารมย์ซึ่งเป็นเชฟ 3 ดาวมิชลินที่อายุน้อยที่สุดในประเทศเยอรมัน อาหารเเต่ละจานมีความสมบูรณ์แบบและเข้าใกล้อุดมคติมากกว่าร้านอาหารชั้นนำส่วนมากในประเทศฝรั่งเศสเสียอีก แอดมินขอสรุปอาหารมื้อนี้ออกมาเป็นประโยคสั้นๆว่า "Classic at its finest way" 

📃 Menu Complete € 225 per person
(Menu without sweetbread and cheese € 195 per person)
Overture
* * * *
Terrine of "Foie Gras" from Perigord 
marinated with black truffles from Perigord, pine-nut-vinaigrette and juice of Bari-figs
OR
Extra Charge of € 35
Beef Tatar (minced raw fillet of beef) with Imperial Gold Caviar (12g) 
served on "Rösti"
* * * *
French lobster from Brittany with baby-carrots, cauliflower and champagne-sauce with curry and coconut
* * * *
Calf's sweet bread 
with maccaroni-noodle-charlotte, green asparagus and sauce of Porto and black truffles
* * * *
Turbot from Vendée with little mussels from Mont St. Michel,
saffron-fennel-sauce and sundried San Marzano tomatoes
* * * *
Breast of duck from Challans „Gérard Burgaud“ 
with grilled Foie Gras of duck, blood-orange-sauce and winter spices
OR
Extra Charge of € 25
Japanese Kagoshima Wagyu beef grade A5 
with thyme and calf's-head-jus
* * * *
Brie de Meaux cheese filled with black truffles from Perigord 
served with marinated lambs lettuce
* * * *
Little delight of "Monreal" clementine and fluffy froth of Tahiti vanilla
* * * *
"Blanc Manger" of almonds with ice-cream of baked apples, sea-salt-caramel and Calvados-Sabayon "Chateau de Breuil"
* * * *
Fine Pastries

📃 À La Carte
Soufflé of white cheese "Exotic" with mango, coco-nut and pineapple "Creole-Style" (€ 28)
(Time for Preparation: 30 min)

Iced Arabica Coffee with ice-cream made of cocoa-beans and Tahiti-Vanilla- Froth (€ 12)

👍 Best of The Best ! ร้านอาหารฝรั่งเศสที่ดีที่สุดเพียงไม่กี่แห่งบนโลกแม้เทียบกับบรรดาร้านระดับ 3 ดาวมิชลินด้วยกัน

🏵 Score:
รสชาติ : 19.5/20
ราคา : 🌟🌟🌟🌟
ความคุ้มค่า : 🌟🌟🌟🌟🌟
เทคนิค : 🌟🌟🌟🌟🌟
บรรยากาศ : 🌟🌟🌟🌟🌟
บริการ : 🌟🌟🌟🌟🌟

ความประทับใจโดยรวม : 20/20

📍 Visit: February 2020

🏠 Location: 1 Auf dem Eichelfeld, 54518 Dreis, Germany

🚗 Parking: จอดหน้าร้าน

🕖 Opening Time: พุธ-อาทิตย์ 19.00-20.30, วันอาทิตย์มีรอบกลางวัน 12.00-13.00 (ทั้งร้านอาหารและโรงแรมปิดทำการวันจันทร์-อังคาร)

💰 Price: € 195-225, À la carte available

📞 Tel: (+49) 6578 406

🧥 Dress Code: Smart Casual

🖥 Website: https://www.hotel-sonnora.de




ภายในร้านตกแต่งอย่างหรูหราตามแบบฉบับห้องอาหารฝรั่งเศสยุคเก่า

Overture
Vine tomato mousse with prawn, gazpacho cream and cucumber sour cream
เริ่มต้นมื้ออาหารด้วยจานเรียกน้ำย่อยอย่าง Vine tomato mousse ให้รสเปรี้ยวอุมามิกระตุ้นความอยากอาหารได้เป็นอย่างดี ด้านในเป็นเนื้อกุ้ง ด้านบนมีองค์ประกอบของ Gazpacho cream เนื้อเนียนที่มีองค์ประกอบของพริกไทยดำเเละมะเขือเทศ และ Cucumber sour cream รสเปรี้ยวนิดๆ ทานเเล้วรู้สึกสดชื่น พ่วงด้วยกลิ่นหอมของเเตงกวาชนิดที่คนไม่ชอบแตงกวาก็ทานได้ นอกจากนี้ยังมีกุ้งชิ้นเล็กผสมอยู่ด้านในด้วย เพียงเเค่จานเเรกก็เราคนทานก็รับรู้ได้ถึงความสามารถของเชฟที่สามารถนำเสิร์ฟอาหารคลาสสิคแต่กลับแฝงไปด้วยรสชาติอันซับซ้อนซึ่งเป็นอัตลักษณ์ของห้องอาหารนี้ได้เป็นอย่างดี (20/20)


Overture
French Gillardeau oyster with cucumber
Scottish Loch Duart salmon marinated with wasabi cream, ginger and lime
Deep-fried crayfish dumpling with curry , mango and chutney
อาหารเรียกน้ำย่อยจะนำเสิร์ฟพร้อมกันอีก 3 อย่างคือ 
French Gillardeau oyster with cucumber
Scottish Loch Duart salmon marinated with wasabi cream, ginger and lime
Deep-fried crayfish dumpling with curry and mango chutney

ติดตามต่อกันในคอมเม้นนะค้า ร้านนี้เด็ดจริง ขอบอก

ปล.ฝากติดตามเพจ FB: ตามล่า Fine Dining 
รวบรวมร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์หลายร้อยแห่งทั่วโลก รวมถึงร้านอาหาร “ทุกร้าน” ในมิชลินไกด์ฉบับกรุงเทพฯ ไปล่าของกินด้วยกันค่ะ
ชื่อสินค้า:   🇩🇪 Waldhotel Sonnora - วอลด์โฮเทล ซอนโนรา
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่