[CR] Review : The Hunt | หนังโคตรกวน Teen เลยจริงๆ


เรื่องย่อ
ว่าด้วยเรื่องราวของคนแปลกหน้าที่ตื่นมายังสถานที่ ที่ไม่คุ้นตาพวกเขาแถมยังต้องเอาชีวิตรอดจากการไล่ล่าของเหล่าเศรษฐีบ้าอำนาจ ที่จับพวกเขามาและพยายามจะฆ่าพวกเขาเพื่อระบายความเคียดแค้นและตัณหาในใจ


ความรู้สึกหลังรับชม 
"ค่อนข้างจะชอบและสนุกกับหนังมากทีเดียวครับ"

สิ่งที่ต้องชื่นชม The Hunt เป็นอย่างแรกเลยก็คือความระทึก ความบ้าระห่ำ หนังทำออกมาได้อย่างดี และแถมนอกจากความบ้าระห่ำของหนังที่อัดมาตลอดทั้งเรื่องแล้ว หนังยังสอดแทรกมุกและการจิกกัดสังคมอเมริกาอยู่ตลอดเวลา สามส่วนนี้ทีมผู้สร้างสามารถใส่เข้ามาได้ถูกจังหวะ ถูกอารมณ์ และยังสามารถเรียกเสียงฮาให้คนดูได้ไม่มากก็น้อย

นักแสดงนำ ทีมผู้สร้างได้คว้าตัว "เบ็ตตี้ กิลพิน" มารับบทเป็นคริสตัล(หรือสโนว์บอล) ซึ่งขอชื่นชมทีมผู้สร้างและตัวนักแสดงเอง ที่สามารถทำให้ตัวละครนี้โดดเด่นและมีเสน่ห์เหลือล้นอย่างมาก ทั้งเท่ ทั้งสวย ทั้งสตรอง และนอกจาก เบ็ตตี้ กิลพิน ยังได้ "ฮิลารี สแวงก์" มาประชันบทบาทอีกด้วย ซึ่งเธอก็ทำหน้าที่เธอได้อย่างดีเลยทีเดียว

การไม่ยัดเยียดปมตัวละคร หลายๆครั้งในวงการหนังฮอลิวูดที่เราจะได้เห็นหนังระทึกขวัญเต็มไปด้วยการยัดเยียดปมตัวละครจนน่ารำคาญ หนังเรื่องนี้ไม่เล่ามากครับ หนังรู้ตัวเองดีว่าตัวเองจะขายกลุ่มผู้ชมกลุ่มไหนและจะมาแนวไหน หนังแตะๆ แค่พื้นผิวตัวละครและให้นักแสดง แสดงออกมาถึงคนดูเองว่าอดีตที่ปูมานั้นมีเอฟเฟคอะไรกับตัวละครมากหรือน้อยแค่ไหน มันจะแอบสอดแทรกมาในบทสนทนาสั้นๆของตัวละคร สองตัวครับ ซึ่งผู้ชมต้องสังเกตเอาดีๆ ว่าในบทสนทนานั้นผู้กำกับกำลังเล่าอดีตอะไรของตัวเอกหรือตัวละครไหนอยู่และตัวละครนั้นรีแอคอดีตอันนั้นออกมาทางสีหน้าและท่าทางอย่างไร ซึ่งการทำบทพูดแบบนี้มันทำให้บทหนังเต็มไปด้วยความน่าสนใจมากเลยทีเดียวล่ะครับ และจากข้อดีส่วนนี้เอง จึงได้ผ่วงมาอีกข้อก็คือ...

หนังประมาณตัวเองเป็น The Hunt เองได้ขายตัวเองมาเป็นหนัง แอคชั่น คอเมดี้ ทริลเลอร์ ซึ่งหนังก็ทำหน้าที่ควบสามหมวดหมู่ได้อย่างดี แถมหนังไม่เล่นประเด็นอะไรเกินความจำเป็นจนล้นมือ ทำให้หนังดูสนุกแถมหนังยังไม่ได้ยาวมากเลยรู้สึกว่าดูแปปๆก็จบแล้ว ซึ่งต่างจากหนัง Blumhouse เรื่องอื่นๆอย่างมาก ยกตัวอย่างเช่นแฟรนไชส์ The Purge ที่พยายามจะเล่นทุกประเด็น ยัดดราม่า เสียดสีสังคมการเมือง จนหนังไม่สามารถแบกรับได้ไว้ทั้งหมด ทำให้ประเด็นที่หนังใส่เข้ามานั้นดูยัดเยียดและพาลทำหนังน่าเบื่อ

หักหน้าคนดูเก่ง หนังเปิดตัวละครมาเป็นสิบ และนักแสดงที่มารับบทแต่ละตัวนี่ก็คือไม่ใช่นักแสดงไก่กานะครับ ส่วนตัวที่ไปดูเรื่องนี้ก็เพราะ "เอมม่า โรเบิร์ตส์" แต่ขออนุญาติบอกตรงนี้เลยว่าถ้าใครไปดูเพราะ เอมม่า โรเบิร์ตส์ นะครับเตรียมร้องกรี๊ดครับ นักแสดงหลายๆคนก็โดนปฏิบัติแบบ เอมม่า โรเบิร์ตส์ นี่แหละครับ เตรียมกรี๊ดครับ ผู้กำกับหลอกเราครับ...
ซึ่งคงจะมีคนสงสัยว่า หักหน้าคนดูและทำไมถึงยังเอามาใส่ในส่วนที่ชอบ เป็นเพราะหนังเองได้ขายตัวเองมาเป็นแนวตลกร้ายครับ ดังนั้นถ้าเขาจะปฏิบัติแบบนี้ต่อคนดูและนักแสดง ก็คือว่าเข้าเกณฑ์ตลกร้ายครับ ทำคนดูขำหึๆแบบอยากอัดหน้าผู้กำกับ ทำได้ดีครับ (แหม... อยากจะไปซัดหน้าเขาจริงๆ)

สิ่งที่ไม่ชอบ
มุกและหลายๆอย่างที่หนังพยายามแซะ ค่อนข้างจะเป็นอเมริกันอย่างมาก ซึ่งคาดว่าผู้ชมต่างชาติหรือทางฝั่งเอเชียเราเอง อาจไม่เข้าใจมุกที่หนังพยายามจะเล่นอยู่ก็เป็นได้

ส่วนเนื้อเรื่อง ไม่ค่อยมีอะไรแปลกใหม่มาก




สรุป 
The Hunt เป็นหนังอีกเรื่อง ที่เป็นทางเลือกสำหรับใครที่จะไม่รู้จะดูอะไรในอาทิตย์นี้ หนังทำหน้าที่ของตนเองได้อย่างดี ทั้งเลือดสาด สนุก และตัวบทเองยังดูมีอะไรน่าสนใจมากกว่าที่คิด แต่อย่างไรก็ตามมุกในบางบริบทหรือการจะใส่เข้ามาอาจไม่สากลมาก ทำให้คนต่างชาติพาลไม่เข้าใจและไม่ฮาไปได้เช่นกัน

ให้ 8/10 ครับ

ส่วนตัวอาทิตย์นี้ค่อนข้างจะแนะนำเรื่องนี้เป็นพิเศษครับ คิดว่าหนังเรื่องย่อยง่าย และน่าจะเหมาะกับสายที่ชอบดูอะไรบ้าระห่ำๆ อย่างมากครับ แต่ก็เช็ครอบฉายด้วยนะครับ เรื่องนี้เหมือนจะฉายแค่ภายในกรุงเทพมหานครฯ รอบน้อยมากๆ อาจเป็นเพราะการฉายที่ดีเลย์มากว่าเกือบหนึ่งปีแถมยังมาช่วงหายโควิดใหม่ๆอีก คิดว่าถ้าทางค่ายเอามาฉายเร็วกว่านี้เรื่องนี้คงได้รอบเยอะกว่านี้แหละครับ

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
ชื่อสินค้า:   The Hunt (จับ ล่า ฆ่าโหด) (2020)
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่