ถ้าไม่ทำ branding จะ selling ได้อย่างไรกันล่ะ | โคตรเซียนการตลาด | episode 13

กระทู้สนทนา


สิ่งที่ธุรกิจต้องการคือ branding ไม่ใช่ selling
ก็ถ้าไม่ทำ branding จะ selling ได้อย่างไรกันล่ะ

ในเมื่อธุรกิจในยุคปัจจุบันได้ก้าวผ่านยุคแรก
คือยุคผลิตที่มีความต้องการอย่างมากมาตั้งแต่ยุคปฎิวัติอุตสหกรรม
ที่มนุษย์รู้จักการนำเครื่องจักรมาใช้ในการผลิตสินค้าที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต
หรือก็คือเพื่อที่จะทำให้ได้มีชีวิตที่สะดวกสบายปลอยภัยมากขึ้นเป็นหลัก
แต่เมื่อมีการผลิตมากขึ้นโรงงานหรือห้างร้านต่างๆต่างทยอยเปิดตัว

แข่งขันกันอย่างเสรี 

เป็นการแข่งขันกันอย่างเปิดกว้างใครดีใครได้

เมื่อเป็นดังนั้นจึงได้พัฒนามาริเริ่มการขาย 
ซึ่งหามิใช่วิธีการขายทั่วไปในแบบที่

เอาเงินมาแลกสินค้า 

แต่เป็นการเข้าถึงตัวผู้บริโภคในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะผ่านพ่อค้าคนกลาง

ที่ตอนนนี้พ่อค้าคนกลางเปลี่ยนจากคนเป็นระบบไปแล้ว

หรือผ่านพนักงานของโรงงานที่มีหน้าที่ ขาย ขาย ขาย และ ขายเพียงเท่านั้น

ที่ปัจจุบันก็ยังมีอยู่อย่างมากมายยากที่จะหายไป 
แต่ลดความสำคัญลง

กระจายสินค้าไปตามที่ต่างๆอย่างมากมาย

และเมื่อสินค้าล้นตลาดจากโรงงานที่เปิดขึ้น 
เมื่อพนักงานขาย หรือ salesman
ที่โรงงานห้างร้านหรือบริษัทต่างๆต่างรับเข้ามาอย่างมากมาย
เพราะว่าเป็นตำแหน่งที่สำคัญยิ่งเพราะมีหน้าที่อันสำคัญยิ่งก็คือหาลูกค้า

และเมื่อขายไม่ได้ก็เปลี่ยนตัวบีบออกกันอย่างโหดเหี้ยม

มาถึงยุคที่ได้มีคนริเริ่มสิ่งที่เรียกว่าการตลาด
เรียกได้ว่า เอาง่ายๆเลยก็คือการแต่งตัวให้กับกาารขาย
เป็นการบอกการขายว่า เราควรขายยังไง กับใคร แบบละเอียดอ่อน
ไม่ใช่โครมครามแบบถือกระเป๋าใส่สูทผูกไท แล้วยื่นนามบัตร
แล้วก็โน้มน้าวไปถึงขั้นหลอกลวงเพื่อปิดการขายแบบมั่วซั่วเหมือนเฉกเช่นสมัยก่อนอีกต่อไป

แต่เป็นการ pubish เนื้อหาสร้างภาพลักษณ์ที่ตรงกับspecของผุ้บริโภค

ซึ่งถือว่าเป็นอะไรที่ทรงปัญญาอย่างมากมาย

แต่ก็ไม่แปลกเพระาถ้าเป็นอะไรที่เกี่ยวกับธุรกิจมนุษย์นั้นก็มักจะทำได้เลอเลิศเสมอ

อะไรๆที่ถูกสร้างสรรออกมาสุดท้ายถ้ามันเจ๋งก็จะถูกดึงเข้าสู่โลกธุรกิจทั้งสิ้น

และโลกก็ได้พัฒนามาอย่างโหดเหี้ยมรุนแรงมาถึงยุคดิจิตอลที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด

จากวันที่มีโทรศัพท์มือถือมาเป็น smartphone หรือ computer แบบพกพานั้น

ใช้เวลาเพียง10-15ปี เท่านั้น 

เราก็ได้มีเครื่องสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดเล็ก
ที่สามารถใส่กระเป๋ากางเกงพกพาไปได้ทุกที่
สงสัยอะไรก็เพียงกดปุ่ม ก็สามารถเปิด app google ขึ้นมา กรอกอะไรก็ได้ที่เราคิดว่า
เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เรานั้นต้องการทราบมากที่สุด
หรือเรียกว่า keyword และภายในไม่ถึง 1 วินาที
ก็จะมีข้อมูลที่ผ่านการร่ายเรียงมาอย่างแนบเนียนจากการค้นหาจากฐานข้อมูลทั้งโลกอ้างอิงตามความน่าจะเป็นต่อความต้องการของคุณมากที่สุด
มาร่ายเรียงอยู่หน้าจอคุณอย่างมหัศจรรย์ 

และคุณนั้นก็สามารถที่จะเข้าไปเลือกดูเรื่องราวผ่านหน้า feed Facebook
ที่มีเรื่องราวมากมายร่ายเรียงตามความสนใจของคุณที่ระบบเก็บข้อมูลอยู่ตลอดเวลา และหา content ที่คุณสนใจมานำเสนอคุณ

และทีพลาดไม่ได้ก็คือ feed โฆษณาที่คุณนั้นสามารถที่จะกดส่งข้อความสั่งซื้อและออกจาก Facebook 
(โดยที่ตอนนี้มีระบบที่เชื่อมต่อกับ app ธนาคารโดยที่ไม่ต้องกดออกแล้วแต่ก็ยังไม่ได้ความนิยมเพราะมีค่าธรรมเนียม)
ไป app ธนาคาร กดโอนเงิน
และส่งสลิปพร้อมที่อยู่ 

แค่นี้คุณก็จะได้สินค้ามาส่งถึงหน้าบ้าน 
มีขั้นตอนเพียงแค่นี้จริงๆ

ซึ่งเมื่อใครก็สามารถเข้าถึง 
และยิ่งกว่านั้นคือเมื่อใครก็สามารถที่จะสร้าง media ของตัวเองผ่านโลกดิจิตอลได้เพียงแค่ปลายนิ้ว
และสามารถกด boost โพส เลือก เพศ อายุ ความสนใจ ของกลุ่มเป้าหมาย
ก็สามารถนำส่งสินค้าและบริการหรือออะไรก็ตามแต่ไปยังโลกกว้างได้ทันทีเพียงแค่มีบัตรเครดิต

ในภาวะผู้ขายล้นตลาดแบบนี้อะไรล่ะที่จะทำให้คุณขายได้
ถ้าไม่ใช่สิ่งที่เรียกว่าการ branding

ซึ่งความหมายของการ branding นั้นไม่ได้หมายความแค่เพียงการมีโลโก้ 

แต่ยังมี กลยุทธ์ รูปแบบ และวิธีการมากมาย ที่สุดแสนซับซ้อน
ที่หลายๆคนไม่มีทางรู้และเข้าใจได้โดยง่าย 
และเป็นเรื่องของอารมณ์เสียซะเป็นส่วนใหญ่ซึ่งยากเข้าไปอีกเพราะเป็นสิ่งที่มองไม่เห็น

เพราะฉะนั้น
ถ้าคุณไม่รู้และไม่เข้าใจในนิยามที่ต้องอาศัย
ความเข้าใจผนวกกับประสบการณ์
ก็คือการ ได้เห็น ลงมือทำ ของจริงมาแล้วนั้น

หามิใช่ความรู้จากการซื้อหนังสือมานั่งอ่านโดยคุณนั้นไม่ได้เป็นอัจฉริยะ
(ซึ่งในเรื่องของการทำการตลาดเรายังไม่เคยเจอประเภทอย่างที่ว่าที่สามารถอ่านหนังสือแล้วทำได้จริงเลยทันที)

คุณมีโอกาสเอาเงินไปเททิ้งอย่างที่เป็นกันมาอย่างมากมาย
และจบลงด้วยการวิ่งเข้าสู่ red ocean สนามแห่งการฝาดฝันกันที่วัตถุดิบและราคา

ก็เพราะไม่รู้ว่าจะทำ branding ยังไงๆล่ะ 

ก็เคยทำแล้วไม่เห็นจะมีอะไรเลย

สู้ ยิง ads ขายโต้งๆไปเลย ผลลัพธ์ไม่ซับซ้อน 
indicator มีแค่เพียงขายได้ หรือ ขายไม่ได้
ขายได้ก็หาสินค้ามาเพิ่ม
สั่งในปริมาณมากขึ้นเพื่อได้ราคาถูกลง
(สุดท้ายขายไม่ได้ stock ล้น นั่งงงอยู่ในห้องที่เรียงรายด้วยสินค้าที่ขายไม่ออก แล้วก็ผลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสด้วยการถ่ายรูปคู่กับกองสินค้า ลง social ขายคอร์สยอดขายหลักล้าน)
และถ้าขายไม่ได้ก็ลดราคาหรือเปลี่ยนสินค้า 

และในอีกมุมเราอยากให้ดู louis vuitton เป็นตัวอย่าง 
นี่เป็นตัวอย่างที่เรานั้นหลงไหลเป็นอย่างยิ่ง
ทำไมกระเป๋าระดับราคาที่คุณสามารถที่จะซื้อรถญี่ปุ่น 
ไซล์กลาง ป้ายแดงมาจอดอยู่ที่บ้านหรือคอนโดในชื่อของคุณเองได้
ถึงได้มีคนต่อแถวยื้อแย่งเพื่อที่จะได้เป็นเจ้าของ 
เพื่อที่จะนำไปลูบคลำแล้วเก็บใส่ถุงหรือตู้เก็บเอาไว้อย่างดี
ทั้งๆที่กระเป๋าใบละ 199 ที่มีเรียงรายอยู่ตามทางเดินก็ใส่ของได้เหมือนกัน
(และไม่ต้องเอาไปเก็บไว้ในตู้ด้วยถ้าขาดหรือชำรุดก็แค่ซื้อใหม่)
และเพื่อให้ได้เห็นภาพมากที่สุด
บางคนถึงขั้นยอมขายบริการทางเพศเพื่อให้ได้สิ่งเหล่านี้มาครอบครอง

ซึ่งนี่ล่ะพลังของการ branding 

แต่เราก็ไม่ได้บอกให้เป้าหมายของการ branding ของคุณนั้นคือการที่ทำให้ผู้คนยอมทำทุกอย่างเพื่อครองครอง
สินค้าหรือใช้บริการคุณ

แต่นั่นก็หามิใช่สิ่งที่ brand สนใจหรอก

ดังนั้นถ้าคุณอยากมีแบรนด์อันเลิศล้ำ
ประหนึ่ง louis vuitton 
เราช่วยคุณได้

สนใจอ่านบทความเพิ่มเติม
https://bit.ly/karntalard101

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่