เราได้จดทะเบียนกับสามีมา 3 ปี ตอนแรกก้อใช้ชีวิตร่วมกันได้ดีไม่มีปัญหา แต่พอเข้าปีที่ 2 ต่างคนต่างต้องไปทำหน้าที่ของตัวเอง (อยู่คนละจังหวัด) เดือนหรืออาจจะสามเดือนถึงจะได้อยุ่ด้วยกันเจอกันแต่ละคนั้งอย่างมากก้อ3-4 วัน เราก้อเรียกร้องอะไรไปมากไม่ได้เพราะติดเรื่องงานซึ่งเค้าทำงานกับญาติพี่น้อง ก้อไม่ได้ทุกข์หรือเสียใจมากมาย อยุ่กันมาจนเข้าปีที่3 อยู่ๆคุยกันทางโทรฯ บอกว่าพรุ่งนี้เค้าจะออกรถ! (มอไซค์วิบาค!นะ) ซึ่งเราไม่โอเคมาแต่ไหนแต่ไรอยุ่แล้วเพราะเนื้อหุ้มเหล็ก และต่อให้เราระวังมากกกกแค่ไหน ถ้าอีกฝ่ายประมาทล่ะ ได้ไม่คุ้มเสียเลยซึ่งเค้ารุ้อยุ่แล้วว่าถ้าบอกยังไงๆก้อไม่ได้แน่ๆ เค้าแอบทำเรื่องและปิดเปนความลับมาจนวันออกรถถึงมาบอกเพราะต้องผ่อนจ่ายทุกเดือน ยังไงไม่รอดสายตาแน่นอน! สุดท้ายเถียงและทะเลาะกันบอกว่ายังไงๆก้อจะออกให้ได้เพราะจะทำตามความฝัน! จบ! มันออกรถมอไซค์วิบาคมาค่ะ ถ้าเปนมอไซค์ที่สามารถนั่งซ่อนท้ายได้ขนของสัมภาระได้จะไม่โมโหแบบนี้เลยจิงๆ ทั้งที่เงินเดือนออกรถยนต์คนเล็กๆได้สบายๆแต่ไม่เอา จะเอามอไซค์ แถมนั่งได้คนเดียวด้วย ใครจะไม่โมโหบ้าง บอกว่าตลอดชีวิตอยากให้ทำตามฝัน อยากได้คันนี้มานานฝันมาตั้งแต่เด็ก สุดท้ายพาลหาเรื่องไปออกทริป! ตจวเข้าป่าโดยไม่มีเรา ไม่บอกเรา คือคำว่าชีวิตคุ่มันควรจะคิดกันแบบนี้? สมองคิดได้แค่นี้เองหรอ? ทุกวันจะต้องไลนมาหา ตอนเช้าตืนแล้วกินข้าวกินยานะ เที่ยง-กินข้าวรึยัง เยน-เลิกงานแล้วขอจิบเบียร,ไปกินกับน้องนะ นั่นนี่ เราไม่เคยไม่ให้เลยสักหนตั้งแต่คบกันมายอมใจอ่อนตลอด แต่พอเมาได้ที่ถึงเวลากลับ ไม่กลับค่ะ ลากยาวจากสามทุ่มยันตีสอง! เปนแบบนี้เรื่อยมา จนตอนนี้ไม่ไหวแล้ว ไม่มีอะไรดีขึ้นมาเลย ย่ำอยุ่กับที่แบบนี้ คิดแต่เรื่องตัวเอง ไม่เคยคิดถึงชีวิตครอบครัวเลยย จนขอหย่าแล้วจากนี้ไปจะทำอะไรก้อจะได้ไม่ต้องมานั่งพร่ำพ้อรำพันเอาเราไปอ้างนั่นนี่ บอกว่าเราทนเค้าไม่ไหวสุดท้ายก้อขอเลิกกับเค้า ทนอยุ่กับเค้าไม่ได้ เรามีแต่เสียกับเสีย คิดว่าหย่าให้จบตัดให้ขาด เลิกกันดีที่สุด เราคิดแบบนี้ทำถุกมั้ยคะ
ตัดสินใจหย่า